พ่อเลวลูกต้องเลวด้วยงั้นหรือ เหตุใดเขาถึงเหมารวมไปหมด ไร้เหตุผลสิ้นดี
เขาเอาแต่พูดว่าตัวเองเจ็บปวด แต่เขาทำกับนางแล้วคลายความเจ็บปวดในอดีตได้บ้างหรือไม่
“คนต่ำช้าเช่นข้า หาควรให้ท่านต้องห่วง มิใช่ที่ท่านมาวันนี้เพราะคะนึงถึงงั้นหรือ หรือว่า...” เมื่อยั่วแล้วก็ต้องเอาให้สุด แตกเป็นแตกศักดิ์ศรีแม้กินไม่ได้ แต่นางไม่ยอมก้มหัวขอความช่วยเหลือจากเขาเด็ดขาด
“เจ้ามันสตรีหลงตัวเอง”
“ข้าหลงตัวเอง หรือว่าท่านหลงข้ากันแน่ ทบทวนดูดีหรือไม่” นางไม่ยอมแพ้เช่นกัน แรงมาก็แรงกลับ ให้เขาเกลียดนางดีกว่าให้เขารักนาง แล้วเจ็บปวดเจียนตายแบบเดิมแล้วก็วนมาเกิดใหม่อีก
ข้าไม่อยากพบเจ้าอีกไม่ว่าชาติใด!
“ข้าเพียงแต่ผ่านทางมา” คนที่โดนจับได้ สะบัดมือออกจากร่างกายไร้อาภรณ์นั่น แล้วหันหน้าออกแต่ยังไม่ลุกจากเตียงนอนของนาง
“ผ่านหรือตั้งใจกันแน่เจ้าคะ ท่านโหว...ท่านยอมรับเสียเถิดว่าท่านก็มีใจให้ข้าเช่นเดียวกัน มันไม่น่าอายเท่าไหร่หรอกที่จะบอกว่าหลงรักลูกสาวศัตรู” เสียงยียวนพร้อมกับใบหน้าที่ปั้นแต่งดูแคลนเขานั้นทำให้กลิ่นอายโทสะคุกรุ่น จนนางรู้สึกได้ดียิ่งนัก
“ข้าเกลียดเจ้า...และไม่มีวันรักเจ้า”
“เกลียดแต่อยากเห็นหน้า...เกลียดแต่คิดถึง...เกลียดแต่โหยหา เกลียดของต้าโจว กับเกลียดของอ่านฮุ่ยความหมายเดียวกันหรือไม่”
นางจีบปากจีบคอรู้ทันเขา แล้วนั่นทำให้เขารีบลุกขึ้นก่อนจะตวาดลั่นออกไปด้วยความโกรธจัด
“เสี่ยวหมิง...แจ้งพ่อบ้านกับแม่นม...ห้ามส่งอาหาร ยาหรือถ่านมาที่เรือนแห่งนี้ อยากได้อะไร อยากกินอะไรจงหุงหาเอง ล็อกประตูให้แน่น ห้ามใครเข้าออกแม้แต่มดสักตัวก็ห้าม ฮูหยินอวดดีกับท่านโหวอย่างข้า จึงอยากสำนึกผิดและต้องการความสงบ ใช่หรือไม่?” ประโยคสุดท้ายเขาหันหน้ามามองร่างสตรีใจกล้าอวดดี ที่ป่วยจนจะตายแล้วยังหลงตัวเองทั้งกล้าท้าทายกับความโกรธของข้า เช่นนั้นก็ให้นางสำนึกอยู่แต่ในเรือนดอกท้อนี่เสีย
“ดี...ข้าชอบยิ่ง...ข้าสะอิดสะเอียนที่จะพบหน้าท่านด้วยซ้ำ” นางเองก็ไม่ร้องขอหรือให้เขาเห็นใจเช่นกัน ต่อให้ตายลงตรงหน้าก็ไม่ยอมอ้อนวอนเขาเด็ดขาด
จื่อฝู เสี่ยวหมิง และโหงเยี่ยน ที่ได้ฟังคำสั่งการแสนโหดร้ายนั่นก็กลืนน้ำลายลงคอ
นี่ฮูหยินทำสิ่งใดผิดอีก สตรีตัวเล็กเช่นนี้โดนรังแกให้ขังอยู่แต่ในเรือน น้ำ และอาหารไม่ให้ส่งมิเท่ากับรอวันตายหรอกหรือ
ร่างองอาจเดินออกจากห้องนอนของนางไปราวกับพายุเคลื่อนตัว ดวงหน้าหวานสั่นระริกด้วยความชอกช้ำใจ
ชาติก่อนก็เช่นนี้ นางคิดดีแล้วว่ามันดีที่เขาจะเกลียดนาง อย่ารักนางอีกเลยขอร้องเถอะ...!
ให้เขาเลิกสนใจ เลิกใส่ใจ นางจะได้หาทางหลีกหนีชะตากรรมของตัวเอง
ข้าไม่ยอมตายแบบเดิมอีก
จื่อฝูเดินเข้าไปหาฮูหยินหลังจากท่านโหวจากไปแล้ว ยามนี้คงเหมือนตายอยู่ในเรือนดอกท้อแล้ว
“ฮูหยิน เกิดอันใดขึ้น”
“ไม่มีอะไร ข้าเพียงยั่วโมโหเขา” นางว่าอย่างอ่อนล้าแล้วทรุดตัวลงนอนเช่นเดิม
“โธ่ฮูหยิน ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหารมิเท่ากับว่าท่านโหวคิดจะฆ่าเราให้ตายอยู่ที่นี่หรอกหรือ” จื่อฝูไม่คิดว่าจากบ้านมาคราวนี้จะเอาชีวิตมาทิ้งต่างแคว้น ทั้งยังผ่านไปไม่เท่าไหร่ด้วยซ้ำ
“เจ้าอย่าเป็นห่วงอันใดไปเลย เรื่องอาหารและยานั้นข้าพอมีวิธี แม้ยาของข้าจะช้าสักหน่อย ไม่เกินสามวันคงดีขึ้น เจ้าเห็นหรือไม่ในสระมรกตนั่นมีปลาแหวกว่าย มีน้ำใสเจ้าคิดว่าพวกเราจะตายงั้นหรือ”
โชคดีที่ลำบากมาตั้งแต่เด็ก เป็นองค์หญิงของสนมปลายแถว มารดาเป็นหญิงชาวบ้านเก่งกาจการเกษตร จะอดตายได้อย่างไร
เขามีแรงขังก็ขังไป แค่มีน้ำมีปลานางมิตายหรอก
“เจ้าค่ะฮูหยิน”
จื่อฝูแม้จะกังวลใจ แต่เมื่อนายสาวไม่กังวลเช่นนี้นางก็ต้องเชื่อใจ เพราะจากบ้านมาก็มีเพียงแค่สองคน
ท่านโหวสั่งการเสียวุ่นวาย จนไม่มีใครกล้าสอดปาก แต่ยามนี้มืดค่ำแล้วคนสั่งการกลับว้าวุ่นใจนอนมิหลับ ทั้งยังตื่นขึ้นมาปลุกเสี่ยวหมิงอีกต่างหาก และคนที่เพิ่งร่ำสุราหลับไปด้านข้างเสี่ยวหมิงก็นอนกรนเสียงดังน่ารำคาญที่สุด
“เสี่ยวหมิงเจ้าหลับแล้วหรือ”
“มีอะไรขอรับท่านโหว นี่ดึกแล้ว” เสี่ยวหมิงลุกขึ้นขยี้ตามองไปยังร่างของผู้เป็นนาย
“ไม่มีอะไร...ข้าแค่นอนไม่หลับ” เขาจะบอกได้อย่างไรว่าตนนั้นกังวลใจเรื่องของนาง ทั้งพลั้งปากสั่งห้ามส่งอาหาร ถ่านให้ความอบอุ่น ทั้งไฟฟืนก็ไม่มี มืดมิดเช่นนั้นนางจะเป็นอะไรหรือไม่
“ดื่มน้ำแกงสงบจิตดีหรือไม่ขอรับ ข้าน้อยจะให้ห้องครัวจัดการเอามาให้”
“ไม่ข้าไม่ดื่ม”
“เช่นนั้นอ่านตำราพิชัยสงคราม” นี่แหละยานอนหลับชั้นดี เขานั้นยามใดที่จับ ยามนั้นหลับคาหนังสือ
“ข้าไม่มีอารมณ์”
“ไปตรวจดูกองทัพ”
“มืดป่านนี้แล้ว เจ้าคิดว่าจะมีอะไรให้ข้าตรวจ”
เสี่ยวหมิงเกาหัวแกรก ๆ ไม่รู้จะแนะนำอย่างไรดีแล้ว เขาหมดปัญญา แต่คนที่เมาสุราก็ตื่นขึ้นมาคล้ายกับคนละเมอ
“งุ่นง่านเช่นนี้ ก็ไปเรือนดอกท้อโน้น เดินไปรำกระบี่ไป เดี๋ยวก็ง่วง” โหยงเยี่ยนต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงสนทนาของทั้งคู่ และคนที่ประสบการณ์โชกเลือด เอ้ย! โชกโชนอย่างเขามีหรือไม่รู้ว่าท่านโหวกังวลสิ่งใด
จะกลืนน้ำลายตัวเองก็กลัวเสียหน้าสินะ
“เจ้ามาเป็นเพื่อนข้า”
นั่นปะไรต้องเดือดร้อนคนเช่นเขาอีกแล้ว โหยงเยี่ยนตื่นขึ้นด้วยความงัวเงียแล้วเดินตามหลังคนที่บอกว่าจะไปรำกระบี่ แล้วก็ต้องมารำที่หน้าเรือนดอกท้อจริง ๆ
เห้อ....!