บทนำ เด็กเลี้ยงคุณสิงห์
แม่เขาอยากให้เขามีลูก แต่งงาน ทั้งที่เรื่องไร้สาระนั่นไม่เคยมีอยู่ในหัวสมองเขาเลยสักนิด เป็นเรื่องบ้าอะไร!
ภายใต้ห้องโถงกว้างที่ตกแต่งด้วยรสนิยมของเจ้าของบ้านระดับหรูหรา ร่างอรชรกำลังยกถาดเครื่องดื่มและของว่างเข้ามาเสิร์ฟกับผู้มีพระคุณของเธอ เสียงตะโกนโวยวายดังลั่น ขาเรียวสวยกำลังจะก้าวเข้าไปแตะพื้นห้องโถงกว้างกลับถอยออกมา
“ต้องให้ผมบอกกี่รอบครับคุณแม่ว่าผมไม่คิดจะแต่งงาน แม่เลิกให้ผมไปดูตัวเถอะครับ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มระบุความต้องการของตัวเองชัดเจน
“แต่แม่หวังดีกับลูกนะ อีกไม่กี่ปีอายุแกก็จะขึ้นเลขสี่แล้ว แม่ว่าออกไปทำความรู้จักกับใครสักคนมันก็ไม่เสียหายอะไร ดีกว่ามาขลุกอยู่กับเด็กที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาหลายปีแบบนั้น” คำพูดเหน็บแหนมเย้ยหยันทางใครบางคนด้วยความไม่ชอบใจ
เชยชม มารดาของเจ้าของร่างสูงยอมรับว่าเธอไม่อยากยินยอมเห็นดีเห็นงามด้วยกับลูกชายหนึ่งเดียวจำเป็นต้องพาหลานสาวของเพื่อนสนิทเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ตามคำสั่งเสียฝากฝังไว้ก่อนตาย
วันแรกที่เห็นเด็กสาววัยสิบแปดปีก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านครั้งแรก หน้าตาธรรมดา ไม่มีเสน่ห์ดึงดูดหรือมีทีท่าอ่อยยั่วยวนลูกชายเธอก็มอบความสงสาร นึกเอ็นดูเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง
พอเวลาผ่านไปนานวันเข้า จากเด็กสาวหน้าตาธรรมดาเติบโตกลายเป็นสาวสวยสะพรั่ง เธอแอบมองเห็นสายตาวาบวับลูกชายว่าเริ่มหันมาสนใจเด็กภายใต้ปกครองตัวเอง บางครั้งสั่งให้ไปเอาเอกสารหรือใช้นวดภายในห้องทำงานของลูกชาย
จากความสงสาร รักและเอ็นดูต่อเด็กอุปการะเลี้ยงดูคนนี้ต่อมากลายเป็นความเกลียดชัง ไม่ชอบ กลัวว่าอนาคตภายภาคหน้าเด็กเลี้ยงอาจคิดไม่ซื่อ คิดหาทางจับลูกชายเธอ
หญิงสาวสวยหวาน เสน่ห์แรง ขนาดมีเพื่อนผู้ชายเข้ามาตีสนิทสนมอยู่หน้าบ้านเป็นประจำ ถ้าหากเรียนจบเมื่อไหร่ก็สมควรย้ายออกไปจากที่นี่ เป็นเด็กกาฝากไว้ที่บ้านอธิฐ์โภคินมาหลายปี
“คุณแม่ เธอไม่ใช่เด็กหัวนอนปลายเท้านะครับ เลิกพูดจาให้ร้ายกับเธอเสียที ถ้าไม่ใช่เพราะภพวัติเป็นคนช่วยผมไว้ ผมก็คงไม่มีชีวิตรอดกลับมารับบริหารงานต่อจากบริษัทคุณพ่อหรอกครับ หนูลี่เป็นหลานสาวคนเดียวของภพวัติ ผมอยากตอบแทนบุญคุณรับเลี้ยงเธอจนจบตามความต้องการของเพื่อนสนิท เธอไม่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ด้วยซ้ำนะครับ”
สีหราช อธิฐ์โภคิน ชายหนุ่มวัยสามสิบเก้าปี กำลังถกเถียงขัดใจผู้เป็นมารดา เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างชื่อดังในตัวจังหวัดเชียงรายมีฉายาว่าผู้ทำงานมาดเคร่งขรึม เด็ดเดี่ยว จริงจังกับเรื่องงาน หวงแหนความโสด ทั้งวันไม่ยุ่งเกี่ยวหรือเข้าหาผู้หญิง ชีวิตหนึ่งเดียวเขาอุทิศกับงาน
แต่ด้วยความที่สีหราชมีใบหน้าหล่อคมคาย ดวงตาคมกริบแฝงด้วยความดุดัน เฉียบขาด จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากหยักได้รูปที่เม้มปากแน่นบ่งบอกว่าเป็นคนเย็นชา สุขุม เยือกเย็น กลายเป็นเสน่ห์แรงดึงดูดชวนหญิงสาวหลายคนอยากเข้ามาท้าทายลองเล่นกับไฟ แต่เขากลับดับเทียนตั้งแต่เริ่มแรก ปิดสวิตซ์ด้านหัวใจหรือความรักที่เขาคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ
“ไม่เกี่ยวได้ยังไง เพราะเด็กนั่นคนเดียวที่ทำให้ลูกเปลี่ยนไป เหลือไม่กี่เดือนใช่ไหมที่เด็กนั่นจะเรียนจบ พอหางานทำได้เมื่อไหร่ก็เตรียมตัวย้ายออกจากที่นี่ แล้วลูกควรหาผู้หญิงเหมาะสมมาแต่งงาน แม่อยากอุ้มหลาน แม่ขอแค่นี้ ลูกจะไม่ให้แม่เลยเหรอ”
เชยชมข่มอารมณ์โกรธกรุ่นระงับลงเรื่องเด็กเลี้ยงกาฝากชั่วคราว มารดาอ้อนวอนที่มีความรู้สึกคับแน่นเต็มอก ในฐานะคนเป็นแม่ อยากเห็นลูกชายแต่งงานมีครอบครัวที่เธอควรเห็นเหมาะสม หาคนดูแลลูกชายและมีทายาทสืบสกุลต่อไป
“คุณเชยชม คุณก็อย่าไปเร่งรัดลูกมากสิ”
บิดาหันมาบอกคู่ชีวิตตัวเองค่อนข้างเจ้ากี้เจ้าการเรื่องคู่ครองลูกชาย ก่อนจะสะดุดตาเห็นคนตัวเล็กแอบทำตัวลีบยืนอยู่ด้านหน้าห้องโถงกว้าง เรียกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“หนูลิลลี่ มีอะไรเหรอลูก”
“เอ่อ ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะคุณพิวัฒน์ พอดีหนูเอาน้ำมาเสิร์ฟ เห็นว่าคุณสิงห์เดินทางกลับมาจากที่ทำงานเหนื่อย ๆ นะคะ”
เจ้าของเรียกชื่อเล่นสะดุ้งเฮือกใหญ่เหมือนถูกผู้ใหญ่จับได้ว่าเธอแอบฟังเรื่องของเจ้านาย ลลินดาก้มหน้าหลุบตาต่ำ ค่อยเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง ทำหน้าที่ตัวเองเสร็จเรียบร้อยก่อนขอตัวออกจากห้อง
เธอไม่รู้ว่ามีสายตาฉายแววแพรวพราวระยับจ้องมองชุดกระโปรงลายลูกไม้สีขาวสั้นเพียงหัวเข่าอ่อน เนื้อผ้าเบาบางเห็นเนื้อนวลข้างใน เขาลำคอแห้งผาก ข้างในปั่นป่วนแปลก ๆ
จนกระทั่งลลินดาเดินออกจากหน้าห้องโถงแล้ว สายตาแหลมเฉียบคมของมารดาเดาออกว่าลูกชายแอบใช้สายตามองเด็กอุปการะ และตำหนิหญิงสาวเรื่องการแต่งกายด้วยความอคติ
“ดูสิตาสิงห์ เด็กของแกแต่งตัวไม่รู้จักกาลเทศะ ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของบ้าน โตเป็นสาวแบบนี้อีกหน่อยคงมีพวกผู้ชายมาจีบถึงหน้าบ้านแม่ แต่งตัวจะเห็นแก้มก้นอยู่แล้ว น่ารังเกียจ”
“แต่ชุดนี้ผมเป็นคนซื้อให้หนูลี่นะครับ เพราะอย่างนั้นคุณแม่ก็ว่าผมด้วย” คำตอบของสีหราชทำเอาเชยชมหยุดชะงัก
“ตาสิงห์!”
“ถ้าไม่มีอะไรสำคัญแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ อ้อ แล้วเรื่องการแต่งงานอะไรนั่น ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าทั้งชีวิตนี้ผมไม่แต่งงานเด็ดขาด ถ้าหากแม่อยากมีหลานอุ้มมาก ๆ ผมก็มีวิธีของของผม รับรองว่าแม่ได้อุ้มหลานสมใจอีกไม่เดือนครับ”
มุมปากหยักสวยของสีหราชยกยิ้มนิด ๆ และพาเรือนกายสูงใหญ่ออกจากห้องโถงกว้าง เปลี่ยนทิศทางเดินขึ้นไปห้องทำงานส่วนตัวชั้นข้างบน
เชยชมชะงักค้างกับคำปฏิเสธหลายรอบต่อหนึ่งวันของลูกชายกับการออกไปนัดดูตัวกับลูกสาวเพื่อนที่ยังโสดอยู่ไม่กี่คน กลัวใจเหลือเกินว่าสักวันพลาดท่าหันมาคว้ากินเด็กในปกครองของตัวเอง
“ตาสิงห์! อย่าเดินหนีแม่แบบนี้”
“เอาเถอะน่าคุณเชยชม อย่าไปเร่งรัดลูกให้มันมาก คุณก็รู้ว่าลูกชายเราหัวแข็งมาก ผมเชื่อว่าตาสิงห์คงจัดการปัญหาตัวเองได้”
พิวัฒน์ห้ามปราบภรรยาที่เคร่งครัดลูกชายมากเกิน เขาโอบแขนรอบเอวเธอพามานั่งสงบสติอารมณ์ลดลง
“ฉันก็แค่กลัวค่ะ กลัวว่าเสือจำศีลเข้าถ้ำไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นจะหันมาคว้ากินผู้หญิงใกล้ตัว ฉันเห็นสายตาลูกชายเราแอบมองเด็กกาฝากนั่นตลอด”
……
ความฝันของเธอคือการแอบรักใครสักคนหนึ่ง มอบความรัก ความหวังดี ยอมทำทุกอย่างให้กับเขา ขอแค่เขามีความสุข เธอก็พลอยยินดีทั้งที่ในใจเต็มเปี่ยมด้วยน้ำตา ขอเพียงได้อยู่ข้างกายเขาด้วยหัวใจสุขล้น คำพูดของเชยชมกระทบกระแทกเข้ามาข้างในจิตใจอ่อนไหวต้องการให้สีหราชแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสมกับเขา
ลลินดา พริรชา ปีนี้เธออายุยี่สิบสองปีเต็ม หญิงสาวยังจำได้ครั้งแรกที่มีชายร่างสูง ใบหน้าเคร่งขรึมเข้ามาบอกกับเธอว่าตัวเองเป็นผู้ปกครองคนใหม่จะพาเธออยู่บ้านหลังใหม่
ตอนนั้นเด็กสาวชุดนักเรียนถักผมเปียเรียนจบม.6 ยังไม่เข้าใจอะไรมาก วินาทีแรกมือหนาอบอุ่นคอยจับกุมมือน้อยครั้งแรก รอยยิ้มยกมุมปากนิด ๆ สร้างอัตราการเต้นของหัวใจผิดจังหวะทันท่วงที
เธอยอมรับได้ไม่อายใครว่าแอบรักผู้ปกครองจำเป็นของตัวเอง ทั้งที่รู้ว่าตัวเองสถานะต่ำต้อย เด็กกำพร้าที่เกิดจากความผิดพลาดของพ่อแม่ และภพวัติ น้าชายของเธอรับมาเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งภพวัติประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต
ลลินดาเคว้งคว้าง ไม่มีที่พึ่งพิง เสมือนมีแสงริบหรี่อยู่ปลายอุโมงค์เมื่อมีคนใจดีรับเลี้ยง ใครจะว่าสีหราชใจร้ายใจดำกับคนอื่น
แต่กับเธอ เขากลับมอบรอยยิ้มเอ็นดู รักเหมือนลูกหลานบุญธรรมคนหนึ่ง แต่เธอไม่ทันลอบสังเกตว่าเขาเห็นหญิงสาวแค่เด็กเลี้ยงภายในปกครองตัวเอง แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอื่นโดยเจ้าตัวไม่เอะใจสักนิด
ลลินดาเห็นว่าสีหราชเคร่งเครียด หญิงสาวอยากตอบแทนผู้มีพระคุณให้ผ่อนคลาย เขายังไม่แตะอะไรสักอย่างหลังกลับเข้ามา เธอเคาะประตูขออนุญาตเจ้าของห้อง สักพักใหญ่ ๆ มีเสียงของชายหนุ่มบ่งบอกว่าให้เธอเข้ามาได้
“ลิลลี่เห็นว่าคุณสิงห์กลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ ลองดื่มน้ำเย็นดับแก้กระหายจะได้สดชื่นขึ้นนะคะ”
“ขอบใจ วางไว้ตรงนั้นแหละ หนูลี่มาใกล้ ๆ ฉันสิ ฉันมีเรื่องอยากจะถาม”
สีหราชออกคำสั่งกับเด็กอุปการะของตัวเองด้วยสีหน้านิ่ง ลลินดาขยับเข้าไปใกล้ร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอเล็กน้อย สีหน้าหวาดหวั่นแอบสร้างรอยยิ้มขบขัน หนูลี่ที่เขาเรียกคือชื่อที่ตั้งเอง เรียกชื่อหนูลี่มันดูน่ารักและเข้ากับเธอมากกว่าลิลลี่ และชื่อนี้มีแค่เขาเรียกได้คนเดียว
“คุณสิงห์มีอะไรจะถามลิลลี่คะ ลิลลี่ต้องกลับไปช่วยป้าอุษาทำกับข้าวเย็นรองรับพวกคุณ ๆ นะคะ” เธอไม่กล้าสบสายตาเขา บอกเสียงอ้อมแอ้ม
“ฉันอยากรู้ว่าเธอจะสอบเสร็จกี่วันถึงเรียนจบ แล้วก็ฉันจำไม่ได้ว่าวันเกิดของเธอวันไหน ฉันจะได้ให้คนไปซื้อของขวัญวันเกิดที่เธออยากได้ อยากได้อะไร ฉันจะซื้อมาให้”
สีหราชถามส่ง ๆ ไป ชายหนุ่มอยากทำหน้าที่ผู้ปกครองที่ดี และไม่มีเวลามานั่งจำวันเกิดของใคร ขนาดวันเกิดของตัวเองยังไม่เว้น อยากได้อะไรก็บอก เขาจะได้ซื้อให้ตามความต้องการของเธอ
“ลิลลี่ไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ แค่คุณสิงห์ให้เมื่อปีก่อน ลิลลี่ก็เก็บรักษามันเอาไว้อย่างดีเลยค่ะ”
เจ้าของเสียงหวานบอกตามตรง ใบหน้าคมสันนิ่งเงียบกลับคิ้วขมวดขุ่นเคืองใส่กับเด็กเลี้ยงตัวเองที่ค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัว
“ฉันให้เพราะอยากให้เธอใส่มัน แล้วเธอจะเก็บมันไว้ทำไม หนูลี่”