หกวันผ่านไป...
จนป่านนี้ศรีไพรก็ยังไม่กลับบ้าน เพียงฝันไม่รู้ว่าแม่หายไปไหน ที่รู้แน่ๆ คือตอนนี้เธอกับลูกอยู่กันอย่างหวาดผวา ยิ่งมารู้จากป้าข้างบ้านที่ช่วยพาเจ้าแฝดส่งโรงพยาบาลว่าเจ้าหนี้ของแม่คือเสี่ยดำ เจ้าพ่อเงินกู้ดอกมหาโหดซึ่งมีแบ็กเป็นนายตำรวจยศใหญ่
[หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่ด้วยค่ะ]
"ปิดเครื่องทำไมนะแม่"
โทรไปกี่สายๆ แม่ก็ยังปิดเครื่องเหมือนเดิม เพลินตาก็เป็นอีกคนที่ติดต่อไม่ได้ สุดท้ายเพียงฝันจึงตัดสินใจพาสองแฝดไปตามหามารดาที่บ้านของสารัชสามีของเพลินตา บางทีแม่อาจจะอยู่ที่นั่น
ทว่า...
"เพลินไม่ได้บอกเหรอว่าพี่กับเค้าหย่ากันแล้ว" สารัชแม้จะมีสถานะเป็นน้องเขย แต่ก็มีอายุมากกว่าเพียงฝันเป็นสิบปี
"ไม่ได้บอกเลยค่ะ ฝันกับพี่เพลินไม่ได้คุยกันเลยช่วงนี้"
"หย่ากันมาหลายเดือนแล้วล่ะ แม่ฝันก็รู้ วันหย่ายังมาเป็นพยานให้อยู่เลย"
"ฝันขอถามได้มั้ยคะว่าทำไมพี่กับพี่เพลินถึงตัดสินใจหย่ากัน ในเมื่อทั้งพี่แล้วก็พี่เพลินดูรักกันมาก" รักมากขนาดที่เพลินตายอมทิ้งแฟนเก่าที่คบหากันมาหลายปีเพื่อมาแต่งงานกับเขา
"คนอย่างเพลินรักแต่เงินน่ะสิไม่ว่า"
"ทำไมพี่รัชพูดแบบนี้ล่ะคะ"
"ปีหลังๆ มานี่เพลินติดการพนันงอมแงมเลย พี่ตามใช้ให้ตลอดจนเงินเก็บแทบไม่เหลือ ขอให้เลิก เพลินก็สัญญาว่าจะเลิกแต่ก็ไม่เคยจะทำได้จริงๆ สักที มีแต่สร้างหนี้สินไม่รู้จักจบจักสิ้น พี่เลยจ้างหย่าล้านหนึ่ง เพลินถึงยอมหย่า ป่านนี้ก็คงหอบเงินหนีเจ้าหนี้ไปอยู่ที่อื่นแล้วมั้ง พี่ได้ข่าวว่าเขาไปติดเงินกู้นอกระบบสามล้าน แม่ฝันก็คงหนีไปกับเพลินนั่นแหละ เพราะเขาเป็นคนค้ำประกัน"
"เหรอคะ" นอกจากคำนี้เพียงฝันก็พูดอะไรไม่ออก แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าต้องพูดอะไรดี มันจุกไปหมด ตลอดหกวันที่ผ่านมาเธอพยายามมองโลกในแง่ดีว่าแม่คงมีความจำเป็นบางอย่างถึงไม่กลับบ้าน
ครั้นมารู้ความจริงว่าท่านหนีเอาตัวรอดไปกับพี่สาวจงใจทิ้งหนี้สินก้อนโตให้เธอเป็นคนรับผิดชอบ ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนก่อโดยไม่บอกกล่าวกันสักคำ มันก็อดน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ว่าแม่เกลียดชังอะไรเธอนักหนา
เพียงฝันอยากร้องไห้ แต่พอมองหน้าลูกมันก็มีแรงฮึดขึ้นมา เงินสามล้านภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงจะไปหายืมจากใครได้ ถ้าไม่ใช่ธันวา
"งั้นฝันขอตัวกลับก่อนนะคะ" เพียงฝันบอกลาสารัชแล้วกระเตงลูกมายังเพนต์เฮาส์สุดหรูของธันวา ก่อนจะพากันมานั่งรอที่โซนล็อบบี้
"ผู้หญิงคนนั้นหน้าคุ้นๆ เนอะว่ามั้ย"
"นั่นสิ ใช่คนที่เป็นข่าวอยู่รึเปล่านะ"
"ใช่ๆๆ นึกออกแล้วแม่นี่ไงที่เป็นดาราแอ๊บใสท้องลูกแฝดตั้งแต่อายุสิบแปด"
"ฉันว่าเราแอบถ่ายส่งไปให้นักข่าวดีกว่า หาตังค์กินขนมเล่นๆ"
"ดีเลย ฉันอยากได้ลิปแท่งใหม่อยู่พอดี"
พนักงานรีเซ็ปชันสองคนนินทาโดยที่ไม่รู้ว่าเพียงฝันได้ยินทุกคำ กระนั้นเพียงฝันก็ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเลือกที่จะพาลูกขึ้นไปรอธันวาที่ห้องเลย
เขาเคยให้คีย์การ์ดสำรองเธอไว้เผื่อวันไหนที่เล่นละครดึกแล้วไม่มีรถกลับบ้านก็ให้มาค้างที่เพนต์เฮาส์ได้ เพราะตอนนั้นพี่ดีดี้ยังหาคอนโดราคาไม่แรงมากในกรุงเทพฯ ให้เธอไม่ได้
แกร็ก~
"อาธันนน โปดมาหาแล้วคร้าบ" เพียงฝันเคยพาลูกมาที่นี่ด้วยหลายครั้ง เจ้าตัวเล็กจึงรู้จักและสนิทสนมกับธันวาเป็นอย่างดี
"อาธันไปทำงานครับ" เพียงฝันโทรหาแล้วแต่ธันวาไม่รับสายเลยคิดว่าเขาน่าจะติดถ่ายละครเรื่องใหม่อยู่
"ว้าาา แย่จัง โปดอยากเล่นกับอาธัน"
"เดี๋ยวอาธันก็กลับครับ มานั่งบนโซฟาดีๆ ก่อนเร็ว"
"คับ"
แกร็ก~
พลันประตูห้องนอนใหญ่ก็ถูกเปิดออก
"อ้าว ไม่ได้ไปถ่ายหรอกเหรอธัน...คุณเมล!" คนเปิดประตูไม่ใช่ธันวา แต่เป็นเมลานีในชุดนอนแสนวาบหวิว เนินอกและลำคอระหงมีรอยรักสีเรื่อประปราย เป็นฝีมือของธันวาอย่างไม่ต้องสงสัย
"เธอขึ้นมาบนห้องธันได้ยังไง" น้ำเสียงเมลานีเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจมาก
"ธันเคยให้คีย์การ์ดฉันไว้ค่ะ เขาอยู่ในห้องนอนรึเปล่าคะ พอดีฉันมีธุระสำคัญอยากคุยกับเขา"
"ธุระอะไร ไม่ใช่วางแผนอยากจะเป็นข่าวกับธันหรอกเหรอ ถึงได้เสนอหน้าพาลูกมาที่นี่"
"ฉันแค่จะมาขอยืมเงินไปใช้หนี้ ไม่ได้วางแผนชั่วๆ อย่างที่คุณคิด"
"นี่แกหาว่าฉันคิดชั่วๆ งั้นเหรอ"
"แล้วแต่คุณจะคิดแล้วกัน"
"แก!"
"ตกลงว่าธันอยู่มั้ยคะ ฉันไม่ได้มีเวลามาทะเลาะกับคุณหรอกนะ"
"ไม่อยู่ เขาไปถ่ายละครที่ต่างจังหวัด อีกสามสี่วันถึงกลับ"
"สามสี่วันเลยเหรอ" แบบนี้ก็เท่ากับว่าเธอจะไม่มีเงินไปใช้หนี้เสี่ยดำในวันพรุ่งนี้แน่ๆ จะทำยังไงดี พวกมันเอาเธอกับลูกตายแน่
"ที่นี้จะไสหัวกลับไปได้รึยัง"
"กลับกันเถอะเด็กๆ วันนี้อาธันติดถ่ายละครครับ ไว้วันหลังเราค่อยมาหาอาธันใหม่กันนะ"
"คับ/ค่า"
"เดี๋ยว!"
"มีปัญหาอะไรอีกล่ะ"
"คืนคีย์การ์ดเพนต์เฮาส์มาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ฉันกับธันคบกันแล้ว เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าออกที่นี่ได้ตามใจชอบอีกต่อไป" เมลานีแบมือมาตรงหน้า เพียงฝันก็ยอมคืนให้ง่ายๆ เพราะวันนี้เธอก็ใจตั้งเอามันมาคืนธันวาด้วยอยู่แล้ว
หมับ!
"เมื่อกี้คุณคุยกับใครเหรอ ผมได้ยินเสียงแว่วๆ" ธันวาเดินเปลือยกายอย่างสะลึมสะลือเข้ามากอดเมลานี หลังเพียงฝันพาลูกกลับไปได้ห้านาที
"เมลลองซ้อมบทละครเรื่องใหม่ที่เราจะเล่นด้วยกันน่ะค่ะ"
"งั้นเหรอ แล้วคุณเอาโทรศัพท์ผมมาทำอะไร"
"เมลเอามาชาร์จแบตให้ค่ะ" แต่แท้จริงแล้วเมลานีเอาโทรศัพท์ธันวามาลบประวัติการโทรเข้าและบล็อคเบอร์ของเพียงฝัน
ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน เพียงฝันก็รีบเก็บเสื้อผ้าของเธอกับลูกใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ในเมื่อไม่มีเงินไปใช้หนี้ เธอก็ต้องหอบลูกหนี
"คุณแม่เก็บเสื้อผ้าไปไหนเหรอคะ"
"ไปเชียงรายค่ะ"
"ไปทำไมคะ"
"ตอนนี้เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วลูก ไว้คุณแม่อธิบายเหตุผลให้ฟังทีหลังนะ"
"ปี้ปัน"
"อะไร"
"เชียงรายกับกุญเชียงมันอันเดียวกันมั้ย" เด็กชายโปรดเอามือป้อมๆ ป้องปากกระซิบถามพี่สาวในวัยเดียวกัน และมันทำให้เพียงฝันหลุดหัวเราะออกมา ในขณะที่เธอเครียดจนเส้นเลือดในสมองแทบแตก แต่ในหัวเล็กๆ ของเจ้าตัวกลมกลับมีแต่ของกิน
แล้วคืนนั้นเพียงฝันก็พาสองแฝดขึ้นรถทัวร์สายเหนือที่หมอชิตมุ่งหน้าไปยังจังหวัดเชียงราย โดยมีจุดหมายปลายทางคือไร่ชาล้อมตะวัน