บทที่ 7

1328 คำ
หกวันผ่านไป... จนป่านนี้ศรีไพรก็ยังไม่กลับบ้าน เพียงฝันไม่รู้ว่าแม่หายไปไหน ที่รู้แน่ๆ คือตอนนี้เธอกับลูกอยู่กันอย่างหวาดผวา ยิ่งมารู้จากป้าข้างบ้านที่ช่วยพาเจ้าแฝดส่งโรงพยาบาลว่าเจ้าหนี้ของแม่คือเสี่ยดำ เจ้าพ่อเงินกู้ดอกมหาโหดซึ่งมีแบ็กเป็นนายตำรวจยศใหญ่ [หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่ด้วยค่ะ] "ปิดเครื่องทำไมนะแม่" โทรไปกี่สายๆ แม่ก็ยังปิดเครื่องเหมือนเดิม เพลินตาก็เป็นอีกคนที่ติดต่อไม่ได้ สุดท้ายเพียงฝันจึงตัดสินใจพาสองแฝดไปตามหามารดาที่บ้านของสารัชสามีของเพลินตา บางทีแม่อาจจะอยู่ที่นั่น ทว่า... "เพลินไม่ได้บอกเหรอว่าพี่กับเค้าหย่ากันแล้ว" สารัชแม้จะมีสถานะเป็นน้องเขย แต่ก็มีอายุมากกว่าเพียงฝันเป็นสิบปี "ไม่ได้บอกเลยค่ะ ฝันกับพี่เพลินไม่ได้คุยกันเลยช่วงนี้" "หย่ากันมาหลายเดือนแล้วล่ะ แม่ฝันก็รู้ วันหย่ายังมาเป็นพยานให้อยู่เลย" "ฝันขอถามได้มั้ยคะว่าทำไมพี่กับพี่เพลินถึงตัดสินใจหย่ากัน ในเมื่อทั้งพี่แล้วก็พี่เพลินดูรักกันมาก" รักมากขนาดที่เพลินตายอมทิ้งแฟนเก่าที่คบหากันมาหลายปีเพื่อมาแต่งงานกับเขา "คนอย่างเพลินรักแต่เงินน่ะสิไม่ว่า" "ทำไมพี่รัชพูดแบบนี้ล่ะคะ" "ปีหลังๆ มานี่เพลินติดการพนันงอมแงมเลย พี่ตามใช้ให้ตลอดจนเงินเก็บแทบไม่เหลือ ขอให้เลิก เพลินก็สัญญาว่าจะเลิกแต่ก็ไม่เคยจะทำได้จริงๆ สักที มีแต่สร้างหนี้สินไม่รู้จักจบจักสิ้น พี่เลยจ้างหย่าล้านหนึ่ง เพลินถึงยอมหย่า ป่านนี้ก็คงหอบเงินหนีเจ้าหนี้ไปอยู่ที่อื่นแล้วมั้ง พี่ได้ข่าวว่าเขาไปติดเงินกู้นอกระบบสามล้าน แม่ฝันก็คงหนีไปกับเพลินนั่นแหละ เพราะเขาเป็นคนค้ำประกัน" "เหรอคะ" นอกจากคำนี้เพียงฝันก็พูดอะไรไม่ออก แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าต้องพูดอะไรดี มันจุกไปหมด ตลอดหกวันที่ผ่านมาเธอพยายามมองโลกในแง่ดีว่าแม่คงมีความจำเป็นบางอย่างถึงไม่กลับบ้าน ครั้นมารู้ความจริงว่าท่านหนีเอาตัวรอดไปกับพี่สาวจงใจทิ้งหนี้สินก้อนโตให้เธอเป็นคนรับผิดชอบ ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนก่อโดยไม่บอกกล่าวกันสักคำ มันก็อดน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ว่าแม่เกลียดชังอะไรเธอนักหนา เพียงฝันอยากร้องไห้ แต่พอมองหน้าลูกมันก็มีแรงฮึดขึ้นมา เงินสามล้านภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงจะไปหายืมจากใครได้ ถ้าไม่ใช่ธันวา "งั้นฝันขอตัวกลับก่อนนะคะ" เพียงฝันบอกลาสารัชแล้วกระเตงลูกมายังเพนต์เฮาส์สุดหรูของธันวา ก่อนจะพากันมานั่งรอที่โซนล็อบบี้ "ผู้หญิงคนนั้นหน้าคุ้นๆ เนอะว่ามั้ย" "นั่นสิ ใช่คนที่เป็นข่าวอยู่รึเปล่านะ" "ใช่ๆๆ นึกออกแล้วแม่นี่ไงที่เป็นดาราแอ๊บใสท้องลูกแฝดตั้งแต่อายุสิบแปด" "ฉันว่าเราแอบถ่ายส่งไปให้นักข่าวดีกว่า หาตังค์กินขนมเล่นๆ" "ดีเลย ฉันอยากได้ลิปแท่งใหม่อยู่พอดี" พนักงานรีเซ็ปชันสองคนนินทาโดยที่ไม่รู้ว่าเพียงฝันได้ยินทุกคำ กระนั้นเพียงฝันก็ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเลือกที่จะพาลูกขึ้นไปรอธันวาที่ห้องเลย เขาเคยให้คีย์การ์ดสำรองเธอไว้เผื่อวันไหนที่เล่นละครดึกแล้วไม่มีรถกลับบ้านก็ให้มาค้างที่เพนต์เฮาส์ได้ เพราะตอนนั้นพี่ดีดี้ยังหาคอนโดราคาไม่แรงมากในกรุงเทพฯ ให้เธอไม่ได้ แกร็ก~ "อาธันนน โปดมาหาแล้วคร้าบ" เพียงฝันเคยพาลูกมาที่นี่ด้วยหลายครั้ง เจ้าตัวเล็กจึงรู้จักและสนิทสนมกับธันวาเป็นอย่างดี "อาธันไปทำงานครับ" เพียงฝันโทรหาแล้วแต่ธันวาไม่รับสายเลยคิดว่าเขาน่าจะติดถ่ายละครเรื่องใหม่อยู่ "ว้าาา แย่จัง โปดอยากเล่นกับอาธัน" "เดี๋ยวอาธันก็กลับครับ มานั่งบนโซฟาดีๆ ก่อนเร็ว" "คับ" แกร็ก~ พลันประตูห้องนอนใหญ่ก็ถูกเปิดออก "อ้าว ไม่ได้ไปถ่ายหรอกเหรอธัน...คุณเมล!" คนเปิดประตูไม่ใช่ธันวา แต่เป็นเมลานีในชุดนอนแสนวาบหวิว เนินอกและลำคอระหงมีรอยรักสีเรื่อประปราย เป็นฝีมือของธันวาอย่างไม่ต้องสงสัย "เธอขึ้นมาบนห้องธันได้ยังไง" น้ำเสียงเมลานีเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจมาก "ธันเคยให้คีย์การ์ดฉันไว้ค่ะ เขาอยู่ในห้องนอนรึเปล่าคะ พอดีฉันมีธุระสำคัญอยากคุยกับเขา" "ธุระอะไร ไม่ใช่วางแผนอยากจะเป็นข่าวกับธันหรอกเหรอ ถึงได้เสนอหน้าพาลูกมาที่นี่" "ฉันแค่จะมาขอยืมเงินไปใช้หนี้ ไม่ได้วางแผนชั่วๆ อย่างที่คุณคิด" "นี่แกหาว่าฉันคิดชั่วๆ งั้นเหรอ" "แล้วแต่คุณจะคิดแล้วกัน" "แก!" "ตกลงว่าธันอยู่มั้ยคะ ฉันไม่ได้มีเวลามาทะเลาะกับคุณหรอกนะ" "ไม่อยู่ เขาไปถ่ายละครที่ต่างจังหวัด อีกสามสี่วันถึงกลับ" "สามสี่วันเลยเหรอ" แบบนี้ก็เท่ากับว่าเธอจะไม่มีเงินไปใช้หนี้เสี่ยดำในวันพรุ่งนี้แน่ๆ จะทำยังไงดี พวกมันเอาเธอกับลูกตายแน่ "ที่นี้จะไสหัวกลับไปได้รึยัง" "กลับกันเถอะเด็กๆ วันนี้อาธันติดถ่ายละครครับ ไว้วันหลังเราค่อยมาหาอาธันใหม่กันนะ" "คับ/ค่า" "เดี๋ยว!" "มีปัญหาอะไรอีกล่ะ" "คืนคีย์การ์ดเพนต์เฮาส์มาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ฉันกับธันคบกันแล้ว เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าออกที่นี่ได้ตามใจชอบอีกต่อไป" เมลานีแบมือมาตรงหน้า เพียงฝันก็ยอมคืนให้ง่ายๆ เพราะวันนี้เธอก็ใจตั้งเอามันมาคืนธันวาด้วยอยู่แล้ว หมับ! "เมื่อกี้คุณคุยกับใครเหรอ ผมได้ยินเสียงแว่วๆ" ธันวาเดินเปลือยกายอย่างสะลึมสะลือเข้ามากอดเมลานี หลังเพียงฝันพาลูกกลับไปได้ห้านาที "เมลลองซ้อมบทละครเรื่องใหม่ที่เราจะเล่นด้วยกันน่ะค่ะ" "งั้นเหรอ แล้วคุณเอาโทรศัพท์ผมมาทำอะไร" "เมลเอามาชาร์จแบตให้ค่ะ" แต่แท้จริงแล้วเมลานีเอาโทรศัพท์ธันวามาลบประวัติการโทรเข้าและบล็อคเบอร์ของเพียงฝัน ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน เพียงฝันก็รีบเก็บเสื้อผ้าของเธอกับลูกใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ในเมื่อไม่มีเงินไปใช้หนี้ เธอก็ต้องหอบลูกหนี "คุณแม่เก็บเสื้อผ้าไปไหนเหรอคะ" "ไปเชียงรายค่ะ" "ไปทำไมคะ" "ตอนนี้เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วลูก ไว้คุณแม่อธิบายเหตุผลให้ฟังทีหลังนะ" "ปี้ปัน" "อะไร" "เชียงรายกับกุญเชียงมันอันเดียวกันมั้ย" เด็กชายโปรดเอามือป้อมๆ ป้องปากกระซิบถามพี่สาวในวัยเดียวกัน และมันทำให้เพียงฝันหลุดหัวเราะออกมา ในขณะที่เธอเครียดจนเส้นเลือดในสมองแทบแตก แต่ในหัวเล็กๆ ของเจ้าตัวกลมกลับมีแต่ของกิน แล้วคืนนั้นเพียงฝันก็พาสองแฝดขึ้นรถทัวร์สายเหนือที่หมอชิตมุ่งหน้าไปยังจังหวัดเชียงราย โดยมีจุดหมายปลายทางคือไร่ชาล้อมตะวัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม