บทนำ
"ดูยังไงคุณก็ไม่เหมาะจะเป็นพี่เลี้ยงเด็ก" อยู่ ๆ ท่านประธานตรงหน้าก็พูดในสิ่งที่เธอไม่เข้าใจอีกครั้ง
"พี่เลี้ยง?"
พี่เลี้ยงอะไร?
พี่เลี้ยงของใคร?
ทำไมถึงไม่เหมาะ?
คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่ในหัวของเธอเต็มไปหมด เธอมองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยถามเหล่านั้นให้เขาได้เห็น เพราะถ้าเขาจะพูดเองเออเองและไม่อธิบายอะไรให้เข้าใจ แล้วเขาจะเรียกเธอเข้ามาทำไม...
ดูเหมือนว่าคำถามเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องที่จะให้ตอบง่าย ๆ สำหรับเขา กว่าจะตอบคำถามท่านประธานบริษัทยักใหญ่ถึงกับถอนหายใจเหมือนคนหนักใจถึงขั้นสุด
"ลูกชายผมให้ผมมาคุยกับคุณเรื่องให้คุณเป็นพี่เลี้ยงของเขา" แค่นั้นคนตัวเล็กก็เริ่มรู้สึกกระจ่างขึ้นมาทันใด ที่เขาบอกว่าไม่เหมาะสมก็คือการไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกชายของเขา
"แล้วยังไงเหรอคะ" หญิงสาวยิ้มตอบเขานิด ๆ ถ้าจะหนักใจขนาดนั้นแล้วจะมาบอกให้เด็กฝึกงานแบบเธอเปลี่ยนมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กทำไมกัน หรือระดับคนรวยหมื่นล้านแสนล้านแบบเขาจะหาพี่เลี้ยงที่ดีและเหมาะสมมากกว่าเธอไม่ได้?
"ผมก็ไม่อยากจะรบกวนคุณถ้าไม่ติดว่าลูกผมเจาะจงเป็นคุณโดยเฉพาะ เพราะยังไงผมก็คิดว่าคุณคงไม่ถนัดกับงานพี่เลี้ยงเด็กจริงไหม จะปฏิเสธก็ไม่เป็นไร ผมจะหาพี่เลี้ยงที่พร้อมคุณสมบัติให้กับลูกชายผมเอง" หนึ่งคำก็ไม่เหมาะสม สองคำก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอ เขาชักจะพ่นคำดูถูกใส่เธอมากเกินไปแล้ว ถ้าไม่ติดว่าตรงหน้าเป็นเจ้านายป่านนี้เธอคงลุกขึ้นด่าฉอด ๆ ตอกหน้าเขาให้เหมาะสมกับสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้
"คุณจะปฏิเสธใช่ไหม รอก่อน…ผมขออนุญาตอัดคลิปให้ลูกผมดูก่อน" จบแค่นั้นท่านประธานก็ยกโทรศัพท์ราคาแพงหูฉี่ของเขาขึ้นมา แล้วตั้งกล้องจ่อใส่หน้าเด็กฝึกงานโดยไม่รอคำอนุญาต
"คุณช่วยพูดพร้อมเหตุผลแล้วกัน ลูกผมจะได้เข้าใจ" ชายหนุ่มขยับใบหน้าที่บดบังกล้องให้ได้เห็นหน้ากัน พร้อมพยักหน้าส่งสัญญาณให้เธอเริ่มพูดออกมา
"ฉันตกลงจะเป็นพี่เลี้ยงให้คุณลูกชายคุณค่ะ" คนหลังกล้องชะงักกึกในตอนที่หญิงสาวพูดจบ เธอฉีกยิ้มกว้างให้กล้องไปหนึ่งครั้ง ดันมาดูถูกเธอนักก็ต้องเจอการเอาคืน อีกอย่างการได้ค่าตอบแทนระหว่างที่ยังเรียนไม่จบมาจุนเจือค่าใช้จ่ายของตัวเองก็นับเป็นเรื่องที่ดี แล้วงานพี่เลี้ยงสำหรับเธอก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ยิ่งเป็นลูกชายท่านประธานที่เจอกันไม่กี่ครั้งก็เข้ากันเป็นอย่างดี จะมีเหตุผลอะไรให้เธอต้องปฏิเสธข้อเสนอในครั้งนี้
"คุณว่าไงนะ ตกลง?"
"ค่ะ" ยิ่งเห็นใบหน้าที่คาดไม่ถึงของเขาตอนนี้เธอก็ยิ่งชอบใจขึ้นมามากกว่าเดิม
"คุณจะไม่ถามถึงรายละเอียดของงานหรือค่าตอบแทนก่อนหรือไง" ชายหนุ่มยกคิ้วขมวด
"ไม่ค่ะ หนูตกลง ท่านประธานร่างสัญญามาได้เลยนะคะ ถ้าเป็นวันธรรมดาหนูคงทำได้แค่ช่วงเย็นนะคะ เพราะว่ายังติดฝึกงาน แต่คุณก็น่าจะรับข้อนี้ได้ตั้งแต่มาชวนหนูอยู่แล้ว" หญิงสาวฉีกยิ้มให้เขาอีกครั้ง แต่อีกคนยังคงทำหน้าเหวอไม่หาย
ถูกใจเธอยิ่งนัก…
.
.
"ไปไหนมาแก ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ" เมื่อกลับมาถึงแผนกเพื่อนสนิทที่นั่งเคลียร์งานก็หันมาถาม ด้วยใบหน้าที่บูดบึ้งของเธอคงทำให้เพื่อนอดถามไม่ได้
"ห้องท่านประธาน เขาเสนอให้ฉันเป็นพี่เลี้ยงลูกของเขา ไม่สิ...เขาไม่ได้เสนอแต่เป็นความต้องการของลูกเขาต่างหาก"
"แล้วแกก็เลยประชดโดยการตอบตกลง?"
"อือ" เพื่อนสาวเอ่ยถามราวกับนั่งอยู่ในใจของเธอ สมแล้วกับที่เป็นเพื่อนสนิทมากถึงสิบกว่าปี
"ถ้าแกคิดสักนิดแกก็จะรู้ว่าการเป็นพี่เลี้ยงคือการที่แกย้ายไปอยู่บ้านเขา ทีนี้แกก็จะได้เห็นคนที่แกไม่ชอบหน้าทุกวัน"
"จริงด้วย" หญิงสาวลืมคิดถึงเรื่องนี้เสียสนิท แค่เจอกันสองครั้งเขาก็ทำให้เธอกลับมาหงุดหงิดได้ทั้งวัน แล้วถ้าต้องอยู่บ้านเดียวกัน เจอหน้ากันทุกวัน เธอจะไม่เป็นประสาทตายก่อนหรือ...
"แล้วตอนนี้แกก็เปลี่ยนใจไม่ทันแล้วค่ะ ทีนี้ก็ระวังให้ดีแล้วกัน เพราะชีวิตแกหลังจากนี้เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน"
"โอ้ย...นี่ฉันต้องระวังไม่ให้ตัวเองทะเลาะกับท่านประธานเข้าสักวันเหรอเนี่ย อยากจะบ้า!!"
"ฉันหมายถึงระวังหัวใจของแกเอาไว้ให้ดี อาจจะตกหลุมรักเขาได้สักวัน" ตกหลุมรักเหรอ...เธอน่ะเหรอ ไม่เห็นจะมีแนวโน้มนั้นเลยสักนิด
"แกจะบ้าเหรอ ฉันไม่ชอบเขาเลยสักนิด แกก็เห็นว่ามันไม่มีทางที่เรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ"
"ท่านประธานของเรา ทั้งหล่อ รวย เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่หุ่นโคตรจะแซ่บ มองจากข้างนอกก็รู้ว่าภายใต้เสื้อเชิ้ตคงเต็มไปด้วยกล้ามเป็นมัด ๆ ซิกซ์แพ็กแน่น ๆ โอ้ยแค่คิดก็น่ากินแล้ว" เจ้าตัวว่าไปก็ทำหน้าเคลิบเคลิ้มไปด้วย แต่คุณสมบัติที่กล่าวขึ้นมานั้นคงไม่ทำให้เด็กฝึกงานแบบเผลอใจไปชอบเขาได้หรอก เธอไม่ได้รู้สึกชอบเขาเลยสักนิด สักนิดก็ไม่มี...
"ไม่มีทาง"