"นาน่า" เสียงเล็กที่คุ้นหูดังขึ้นมาแต่ไกล ก่อนที่จะวิ่งไปกอดขานานะที่เพิ่งเดินทางมาถึงบ้านใหญ่แห่งตระกูลเคลวานกรุ๊ปที่ยังทำเธออึ้งไม่หาย เพราะมันไม่สามารถเรียกบ้านได้เต็มปากแต่มันควรจะใช้คำว่าคฤหาสน์สุดหรูถึงจะเหมาะสม ถ้าเทียบกับหอพักที่เคยอยู่ของเธอแล้วที่นั้นก็ไม่ต่างจากรูหนูของที่นี่
"ว่าไง..." นานะย่อตัวลงไปคุยกับเด็กน้อยในอ้อมกอด ซึ่งความดีใจของเธอในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากไคเรนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกครั้ง แถมยังอยู่ในฐานะพี่เลี้ยงจำเป็นให้อีกด้วย
"ผมดีใจมาก" ไคเรนเอ่ยด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ในขณะที่นานะยู่หน้าลงแล้วชี้นิ้วใส่เขาที่ไม่เจอกันไม่กี่วันก็ลืมคำสอนของเธอเสียแล้ว
"ผมดีใจมากครับ นาน่าจะมาอยู่กับผมแล้ว" เท่านั้นหญิงสาวก็อมยิ้มขึ้นมา แล้วขยี้ลุ่มผมของเด็กที่เชื่อฟังสอนง่าย
ตึก
ตึก
แต่ฝีเท้าหนักเดินสม่ำเสมอของคนมาใหม่ทำให้นานะต้องผละสายตาไปมอง ก่อนที่จะเห็นว่าเป็นท่านประธานหรืออีกตำแหน่งคือเจ้านายที่ว่าจ้างในครั้งนี้ก็คลายยิ้มลง จากยิ้มกว้างเต็มใจก็เป็นรอยยิ้มฝืน ๆ แทน หรือจะเรียกว่ายิ้มธุรกิจประมาณนั้น
"สวัสดีค่ะท่านประธาน" ร่างสวยรีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
"อยู่ที่นี่เรียกผมว่าไคโรก็พอ" คนตัวโตว่าเสียงเรียบ ส่งสายตามองนิ่ง ๆ ทำเอานานะรู้สึกอึดอัดไม่น้อย
"ค่ะ คุณไคโร"
"ไคเรนขึ้นไปทำการบ้านก่อน แด๊ดมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่เลี้ยงของลูก" เด็กชายที่ได้ยินดังนั้นก็รีบหันไปมองพี่เลี้ยงคนใหม่ของเขา เมื่อเธอพยักหน้าให้ เขาก็รีบปฏิบัติตามโดยการรีบวิ่งขึ้นชั้นสองอย่างไม่รีรอ
"ส่วนคุณตามผมมา เรายังต้องคุยกันเรื่องกฎของการอยู่ที่นี่ และเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร" สิ้นเสียงนั้นไคโรก็เดินนำเธอตรงไปที่ห้องทำงาน ขณะที่นานะก็ยอมเดินตามไม่มีอิดออด ทำอย่างไรได้เธอไม่ได้อยู่ในสิทธิ์ที่จะต่อต้านหรือปฏิเสธ
"เชิญนั่ง"
"ขอบคุณค่ะ" หญิงสาวหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามกับคนที่นั่งก่อนหน้า สายตาก็ทอดมองรอบ ๆ ห้องของเขาที่กว้างขวางและตกแต่งสวยงาม มีสิ่งอำนวยความสะดวกเฟอร์นิเจอร์ครบคัน แทบจะเป็นบ้านอีกหลังที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ก็ว่าได้
"คุณ..."
"คะ?" คนตัวเล็กสะดุ้งโหยง เธอเผลอตื่นตาตื่นใจกับสิ่งใหม่ ๆ จนไม่ทันขานรับคำจากเขา
"เหม่ออะไร อ่านสัญญาให้ละเอียด ถ้าตกลงก็เซ็นสัญญาได้เลย" ดวงตาคู่สวยทอดมองกฎที่เขียนในกระดาษหลายแผ่นตรงหน้าก็เบิกตากว้าง ถ้าเขาไม่บอกว่าที่นี่คือบ้าน เธอจะคิดว่าที่นี่คือโรงเรียนดัดสันดานดี ๆ เพราะข้อห้ามที่ยาวเหยียดตรงกันข้ามกับสิ่งที่เป็นเกือบจะทุกข้อ ให้ตายเถอะ...
"มันไม่เยอะไปเหรอคะ หนูทำไม่ได้หรอก" ยิ่งกฎที่บอกว่าห้ามกินขนมกรุบกรอบหรือของไม่มีประโยชน์ในบ้านต้องทำเธอเหี่ยวเฉาตายแน่ ๆ ปกติก็กินก่อนนอนทุกวันจะให้ตัดมันไปไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
"พี่เลี้ยงก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกของผม"
"แต่ถ้าฉันทำลับหลังไคเรน..."
"ไม่ได้" นานะที่ยังพูดไม่ทันจบก็แทบสะดุ้งกับคำตอบ ก่อนจะยู่หน้าไม่พอใจใส่เขา จะบังคับอะไรถึงขนาดนี้กัน เธอไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ทำไมไคเรนถึงแสดงอาการต่อต้านกับเขาถึงขนาดนั้น
"ตกลงก็ตกลงค่ะ" สุดท้ายเธอก็ต้องยอมเซ็นข้อตกลงที่ไม่ค่อยจะยินยอมนัก แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อแบกกระเป๋ามาถึงขั้นนี้แล้ว และถ้าเทียบกับค่าตอบแทนที่จะได้รับ แค่นี้เธอจะยอมแลก
"เดี๋ยวป้านิดหัวแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่จะมาสอนงาน และบอกสิ่งที่คุณควรทำ เชิญครับ" ว่าแล้วมือหนาก็ผายมือไปที่ประตูห้องทำงาน คนอะไรไม่มีมนุษย์สัมพันธ์เอาซะเลย นอกจากเรื่องงานแล้วเขาไม่คิดจะชวนคุยกันเรื่องอื่นบ้างเหรอ อย่างเช่น ยินดีต้อนรับเข้าบ้าน พักผ่อนตามสบายคิดเสียว่าเป็นบ้านของตัวเอง ไม่มีเลยเหรอ...
เจ้านายหน้าเลือดชะมัด...คิดถูกหรือผิดนะที่ยอมตกลงทำงานด้วย นั้นคือสิ่งที่เธอคิดในใจ
"ขอบคุณค่ะเจ้านาย" นานะว่าเสียงประชดเล็กน้อย ก่อนที่จะยกตนเดินออกจากห้องก็เจอเข้ากับผู้หญิงชราทว่าใบหน้ายังดูดียืนส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้
"สวัสดีค่ะคุณนานะ" นานะรีบรับไหว้คนแก่กว่าแทบไม่ทัน
"ป้าไม่ต้องไหว้หนูก็ได้ค่ะ แล้วเรียกหนูแค่นานะก็พอ" ร่างสวยยิ้มตอบ เธอเองก็อยู่ในฐานะลูกจ้างไม่ต่างอะไรจากแม่บ้าน ออกจะมีศักดิ์น้อยกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะอีกคนถือว่าเป็นคนเก่าแก่ของบ้านหลังนี้พอสมควร
"งั้นเรียกป้าว่าป้านิดก็แล้วกันนะหนูนานะ"
"ค่ะป้านิด" นานะยกยิ้ม อย่างน้อยคนในบ้านหลังนี้ยกเว้นเจ้านายก็เป็นมิตรกันทุกคน
"งั้นป้าจะอธิบายงานหนูคร่าว ๆ แล้วกันนะ ตามป้ามา" หญิงสาวเดินตามคนได้รับหน้าที่ให้ข้อมูลกับเธอ โดยระหว่างทางก็อธิบายในสิ่งที่เธอต้องทำไปด้วย ด้วยเด็กชายที่โตพอจะดูแลตัวเองได้แล้ว งานของเธอส่วนใหญ่จึงเป็นเพื่อนเล่นให้เขามากกว่า อยู่เป็นเพื่อนเขาในตอนที่ไม่มีใคร สอนเขาทำการบ้าน และช่วยอบรมเรื่องจริยธรรมให้กับเขา ราวกับเป็นแม่อีกคนของเขาอย่างไรอย่างนั้น
"คุณไคเรนต้องเข้านอนไม่เกินสี่ทุ่มค่ะ คุณไคโรซีเรียสเรื่องนี้มาก" นิดเอ่ยอธิบายนานะก็พยักหน้าเข้าใจ เด็กควรได้รับการพักผ่อนไม่ควรนอนดึก พ่อเขาทำถูกแล้ว
"ส่วนทางนี้จะเป็นห้องคุณไคโร ถัดไปก็ห้องคุณไคเรน แล้วก็ห้องหนูนานะจ้ะ" นานะมองตามสามห้องนอนที่เรียงติดกัน นั้นเป็นเรื่องที่เธอตกใจเล็กน้อย ทำไมเธอถึงได้มานอนห้องนอนชั้นบนแทนที่จะเป็นที่พักเหมือนแม่บ้านทั่วไป ๆ
"มีห้องหนูด้วยเหรอคะ?"
"ใช่จ้ะ พี่เลี้ยงต้องอยู่ใกล้ห้องคุณไคเรนเผื่อดึก ๆ คุณไคเรนอาจจะมีอะไรให้ช่วย" เหตุผลของป้านิดก็เข้าท่า นับว่าเป็นบุญของเธอที่ได้อยู่ห้องกว้างถึงขนาดนี้
"แล้วห้องสุดท้ายล่ะคะ ห้องนั้นเป็นห้องใครเหรอคะ?" นานะกรีดนิ้วชี้ไปห้องสุดท้ายที่อยู่ติดกับห้องของเธอ ประตูห้องถูกล็อกสนิทและดูจะแตกต่างจากทุก ๆ ห้องที่มี
"ห้องนั้นเข้าได้เฉพาะคุณไคโรเท่านั้น หนูอย่ายุ่งเด็ดขาดเลยนะ" นิดทำหน้าจริงจัง พลอยทำให้นานะอดสงสัยไม่ได้ แต่ก็ไม่ต้องการจะหาคำตอบเพราะดูท่ามันจะเป็นความลับจริง ๆ
"เอ่อ...ป้านิดคะ หนูไม่รู้ว่าควรจะถามไหม แต่เพื่อความแน่ใจคุณไคโรเป็นคุณพ่อเลี่ยงเดี่ยวใช่ไหมคะ" และคำถามสุดท้ายที่เธอคาใจมาตลอด
"ใช่ค่ะ หนูนานะห้ามพูดถึงเรื่องคุณแม่ของนายน้อยทั้งต่อหน้าคุณไคเรนกับคุณไคโรเด็ดขาดนะ"
"ได้ค่ะ" ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจมากนักแต่ก็ขานรับเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านายไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ แต่ที่ต้องถามก็เพื่อความแน่ใจว่าเธอจะไม่ทำอะไรให้ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของใครสักคน
เมื่อทุกอย่างได้รับคำอธิบายครบแล้ว นานะกับนิดจึงแยกกันทำตามหน้าที่ โดยคนตัวเล็กเลือกจะเคาะประตูห้องเด็กชายที่เธอต้องดูแล และพบว่าเขากำลังนั่งทำการบ้านคนเดียวในห้องของตัวเอง
แค่นั้นก็เข้าใจทันทีว่าทำไมเขาถึงต้องการพี่เลี้ยงในขณะที่โตเกินวัยที่จะมี ชีวิตของลูกคนรวยใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสมอไป ข้อเสียที่เธอเห็นได้อย่างชัดเจนจากเด็กตรงหน้าคือความโดดเดี่ยว มันสะท้อนออกมาจากดวงตาจนเธอมองเห็นมัน ยิ่งเป็นเด็กที่มีแต่พ่อและไม่ได้รับความอ่อนโยนจากแม่ เธอก็ยิ่งเข้าใจ เขาคงจะเหงาน่าดูที่ต้องใช้ชีวิตคนเดียวทั้งที่คนเป็นพ่อมักเอาเวลาไปใส่ใจกับเรื่องงานและค่อนข้างจะปล่อยปะละเลยโดยไม่รู้ตัว