เครื่องปรับอากาศที่ทำความเย็นภายในห้องทำงานกว้างคงไม่สารถทำให้ตัวฉันที่เหงื่อออกตามตัวปรับอุณหภูมิต่ำลงได้ ตั้งแต่ที่ถูกเรียกตัวโดยคนตรงหน้าเขาก็นั่งทำงานอย่างไม่สนใจ ไม่ปริปากพูดหรือแม้แต่จะเงยหน้ามองฉันนั้นจึงยิ่งทำให้ฉันรู้สึกกดดันทำตัวไม่ถูก ให้ตายเถอะเขากำลังจะฆ่าฉันด้วยความเงียบอย่างนั้นหรือ...
"อะ เอ่อ...ท่านประธานคะ" ในที่สุดฉันก็ทนกับความเงียบนั้นไม่ไหว เป็นคนเอ่ยทำลายเป็นคนแรกจนเขาเงยหน้าขึ้นจากเอกสารแล้วจดจ้องฉันด้วยสายตาราบเรียบ
"ผมนึกว่าคุณจะไม่มีปากแล้วซะอีก" เช่นเดิม...ประโยคที่หลุดจากปากของเขายังคงทำให้ฉันคาดเดาไม่ได้เสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน เป็นคนเรียกฉันมาแท้ ๆ แต่กลับโยนความผิดให้ฉันเสียอย่างนั้น
"หนูแค่ไม่อยากรบกวนการทำงานของท่านประธานค่ะ" ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรว่าจังหวะไหนฉันพูดได้หรือไม่ได้ หากกวนเวลาธุรกิจหมื่นล้านของเขาขึ้นมาฉันไม่มีปัญญาชดใช้ให้หรอก
"แล้วทำไมตอนนี้ถึงพูดได้?" เอ้ะ...แค่เข้าประเด็นทันทีมันยากมากนักหรือไง
"ขอโทษค่ะ" แต่ฉันทำอะไรได้ล่ะ ก็เป็นเจ้านายฉันนี่...ถ้าไม่อยากหมดอนาคต ขอโทษนี่แหละสิ่งที่ฉันพูดแล้วดีที่สุด
"ดูยังไงคุณก็ไม่เหมาะจะเป็นพี่เลี้ยงเด็ก" อยู่ ๆ ประธานตรงหน้าฉันก็พูดในสิ่งที่ไม่รู้เรื่องอีกครั้ง
"พี่เลี้ยง?"
พี่เลี้ยงอะไร?
พี่เลี้ยงของใคร?
ทำไมฉันถึงไม่เหมาะ?
คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่ในหัวของฉัน ฉันมองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยถามเหล่านั้นให้เขาได้เห็น เพราะถ้าเขาจะพูดเองเออเองแบบนี้ แล้วจะเรียกฉันมาทำไม...
แล้วฉันก็ไม่คิดว่าคำถามเหล่านั้นมันตอบยากไปสักนิด แต่ทำไมคุณไคโรถึงถอนหายใจเหมือนคนหนักใจก่อนจะตอบฉันขนาดนั้น
"ไคเรนให้ผมมาคุยกับคุณเรื่องให้คุณเป็นพี่เลี้ยงของเขา" แค่นั้นฉันก็รู้สึกกระจ่างขึ้นมา ที่เขาบอกว่าฉันไม่เหมาะก็คือฉันไม่มีความเหมาะสมมากพอที่จะเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกเขางั้นเหรอ...เหอะ ดูถูกกันอีกแล้วตาประธานบ้า
"แล้วยังไงเหรอคะ" ฉันยิ้มตอบเขานิด ๆ ถ้าจะหนักใจขนาดนั้นแล้วจะมาบอกฉันทำไม หรือระดับคนรวยหมื่นล้านแสนล้านแบบเขาจะหาพี่เลี้ยงที่ดีและเหมาะสมมากกว่าฉันไม่ได้?
"ผมก็ไม่อยากจะรบกวนคุณถ้าไม่ติดว่าไคเรนเจาะจงเป็นคุณโดยเฉพาะ เพราะยังไงผมก็คิดว่าคุณคงไม่ถนัดกับงานพี่เลี้ยงเด็กจริงไหม จะปฏิเสธก็ไม่เป็นไร ผมจะหาพี่เลี้ยงที่พร้อมคุณสมบัติให้กับลูกชายผมเอง" หนึ่งคำก็ไม่เหมาะสมสองคำก็ไม่มีคุณสมบัติ ชักจะพ่นคำดูถูกใส่ฉันมากเกินไปแล้ว ถ้าไม่ติดว่าเป็นเจ้านายป่านนี้ฉันคงลุกขึ้นด่าฉอด ๆ ตอกหน้าเขาให้เหมาะสมกับสิ่งที่เขาทำกับฉันบ้าง
"คุณจะปฏิเสธใช่ไหม รอก่อนผมขออนุญาตอัดคลิปให้ลูกผมดูก่อน" จบแค่นั้นท่านประธานก็ยกโทรศัพท์ราคาแพงหูฉี่ของเขาขึ้นมา แล้วตั้งกล้องจ่อใส่หน้าฉันโดยไม่รอคำตอบ
"คุณช่วยพูดพร้อมเหตุผลแล้วกัน ไคเรนจะได้เข้าใจ" ชายหนุ่มขยับใบหน้าที่บดบังกล้องให้เราได้เห็นหน้ากันพร้อมพยักหน้าให้ฉันพูดออกมา
"ฉันตกลงจะเป็นพี่เลี้ยงให้คุณไคเรนค่ะ" คนหลังกล้องชะงักกึกในตอนที่ฉันพูด จบลงฉันก็ฉีกยิ้มให้กล้องไปหนึ่งครั้ง ดูถูกฉันนักก็ต้องเจอแบบนี้แหละ ทีแรกก็ไม่ได้รู้สึกอยากทำมากนักหรอก แต่เพราะความหมั่นไส้ล้วน ๆ แล้วอีกอย่างถ้าคิดลึกไปกว่านั้นฉันคงได้ค่าตอบแทนจากเขาไม่น้อย แล้วสำหรับฉันงานพี่เลี้ยงนั้นก็ไม่ได้ยากเลยสักนิด ยิ่งเป็นไคเรนที่เข้าขากันดียิ่งเลี้ยงง่ายกว่าน้อง ๆ ของฉันบางคนเสียอีก แล้วจะมีเหตุผลอะไรให้ฉันต้องปฏิเสธเขาด้วย
"คุณว่าไงนะ ตกลง?"
"ค่ะ" ยิ่งเห็นใบหน้าที่คาดไม่ถึงของเขาตอนนี้ ฉันก็ยิ่งชอบใจขึ้นมามากกว่าเดิม
"คุณจะไม่ถามถึงรายละเอียดของงานหรือค่าตอบแทนก่อนหรือไง" ชายหนุ่มยกคิ้วขมวด ฉันไม่ใช่นักธุรกิจแบบเขาเสียหน่อยที่ต้องนึกถึงเรื่องเงินเป็นหลัก
"ไม่ค่ะ หนูตกลง ท่านประธานร่างสัญญามาได้เลยนะคะ ถ้าเป็นวันธรรมดาหนูคงทำได้แค่ช่วงเย็น เพราะว่ายังติดฝึกงาน แต่คุณก็น่าจะรับข้อนี้ได้ตั้งแต่มาชวนหนูอยู่แล้ว" ฉันฉีกยิ้มให้เขาอีกครั้ง แต่อีกคนยังคงทำหน้าคาดไม่ถึงไม่หาย ตลกชะมัดอยากจะแชะภาพเก็บไว้ดูซ้ำ ๆ จริง ๆ
"ท่านประธานอยากให้หนูเริ่มงานวันไหนคะ?" ฉันถามอย่างเตรียมความพร้อม
"คุณทิ้งช่องทางติดต่อแล้วกัน ผมจะให้ผู้ช่วยติดต่อไป" ใบหน้าที่พูดเหมือนคนจำยอม แต่ก็ช่วยไม่ได้เขาหลวมตัวถามฉันเอง
"ได้ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรหนูไปทำงานต่อก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" เพียงเท่านั้นฉันก็สะบัดก้นเดินออกมาจากห้องท่านผู้บริหารในทันที ความรู้สึกในตอนนี้กับก่อนหน้าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ยัยนานะคนที่กลัวท่านประธานหายไปไหนแล้วนะ คำตอบคือหายไปตั้งแต่ตอนที่เขาพูดจาดูถูกฉันไม่หยุดนั้นแหละ หลังจากนี้ฉันไม่จำเป็นต้องกลัวเขาแล้ว ชิ...
...
...
"ไปไหนมาแก ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ" เมื่อกลับมาถึงแผนกยัยมะปรางที่นั่งเคลียร์งานก็หันมาถาม ด้วยใบหน้าที่บูดบึ้งของฉันคงทำให้เพื่อนอดสงสัยไม่ได้
"ห้องท่านประธาน" ฉันตอบสั้น ๆ พูดถึงเขาก็หงุดหงิดขึ้นมาอีก
"ฮะ ฮ้ะ แกโดนเรียกไปห้องท่านประธานอีกแล้วเหรอ!?" มะปรางเบิกตากว้าง ก็คงต้องตกใจอยู่หรอก เด็กฝึกงานที่ไหนถูกประธานบริษัทที่ไม่มีความจำเป็นต้องเกี่ยวข้องเลยสักนิดเรียกพบตั้งสองครั้งติดกัน
"อือ หงุดหงิดชะมัด"
"วันนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ อย่าบอกนะว่าเรียกแกไปต่อว่าเรื่องเมื่อวานอีก"
"เปล่าหรอก แต่เขาเสนอให้ฉันเป็นพี่เลี้ยงไคเรน ไม่สิ...เขาไม่ได้เสนอแต่เป็นความต้องการของลูกเขาต่างหาก"
"มันก็ดีไม่ใช่เหรอ แกบอกว่าชอบไคเรนไม่ใช่เหรอ แล้วยังได้เงินอีก อะไรทำให้แกหงุดหงิด"
"ชอบลูกแต่ไม่ชอบพ่อของเขาน่ะสิ ดูถูกกันอยู่นั่น เขาบอกว่าฉันไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นพี่เลี้ยง ถ้าลูกชายเขาไม่ขอก็ไม่มีทางที่เขาจะให้ฉันเป็น"
"แล้วแกก็เลยประชดโดยการตอบตกลง?"
"อือ" ยัยมะปรางถามราวกับนั่งอยู่ในใจ สมแล้วกับที่เป็นเพื่อนสนิทของฉันถึงสิบกว่าปี
"ถ้าแกคิดสักนิดแกก็จะรู้ว่าการเป็นพี่เลี้ยงคือการที่แกย้ายไปอยู่บ้านเขา ทีนี้แกก็จะได้เห็นคนที่แกไม่ชอบหน้าทุกวัน"
"จริงด้วย" ฉันลืมเรื่องนี้เสียสนิท แค่เจอกันสองครั้งเขาก็ทำให้ฉันกลับมาหงุดหงิดทั้งวัน แล้วถ้าต้องอยู่บ้านเดียวกัน เจอหน้ากันทุกวัน ฉันจะไม่เป็นประสาทตายก่อนหรือ...ยัยนานะทำอะไรไม่คิดอีกแล้ว
"แล้วตอนนี้แกก็เปลี่ยนใจไม่ทันแล้วค่ะ ทีนี้ก็ระวังให้ดีแล้วกัน เพราะชีวิตแกหลังจากนี้เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน"
"โอ้ย...นี่ฉันต้องระวังไม่ให้ตัวเองทะเลาะกับท่านประธานเข้าสักวันเหรอเนี่ย อยากจะบ้า!!" ฉันอยากจะกระแทกหัวใส่โต๊ะซ้ำ ๆ ทำอะไรลงไปนะ...
"ฉันไม่ได้ให้แกระวังตัวเรื่องนั้น" ยัยมะปรางจากที่หน้าเรียบก็ผุดรอยยิ้มขึ้นมาดื้อ ๆ ขณะที่ฉันมองมันอย่างไม่เข้าใจ
"แล้วแกหมายถึงอะไร"
"ฉันก็หมายถึงระวังหัวใจของแกเอาไว้ให้ดี อาจจะตกหลุมรักท่านประธานเข้าสักวัน" ตกหลุมรักเหรอ!!...ฉันเนี่ยนะ ไม่เห็นจะมีแนวโน้มไปในทิศทางนั้นเลยสักนิด ใครจะไปชอบคนที่ดูถูกกันตลอดเวลานั้นได้
"แกจะบ้าเหรอ ฉันไม่ชอบเขาเลยสักนิด ไม่ใช่สเปกฉันเลย ดุก็ดุ ชอบด่าชอบว่าฉันอีกต่างหาก"
"ก็ไม่แน่ แกไม่เคยได้ยินเหรอ ไม่ชอบอะไรก็จะได้แบบนั้น..." ยัยมะปรางยกยิ้มกรุ่มกริ่มใส่ฉัน ป่านนี้ในหัวของเพื่อนคงคิดไปถึงไหนต่อไหนเสียแล้ว
"ไม่เคย เคยได้ยินแต่ว่าเกลียดอะไรก็จะได้แบบนั้น แต่ฉันไม่ได้เกลียดเขาสักหน่อย แค่ไม่ชอบ"
"มันก็เหมือน ๆ กันนั้นแหละ ท่านประธานของเรา ทั้งหล่อ รวย เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่หุ่นโคตรจะแซ่บ มองจากข้างนอกก็รู้ว่าภายใต้เสื้อเชิ้ตคงเต็มไปด้วยกล้ามเป็นมัด ๆ ซิกซ์แพ็กแน่น ๆ โอ้ยแค่คิดก็น่ากินแล้ว" ยัยมะปรางว่าไปก็ทำหน้าเคลิบเคลิ้มไปด้วย ยัยเพื่อนคนนี้ชักจะเป็นเอามาก แต่คุณสมบัติที่กล่าวขึ้นมานั้นไม่ได้ทำให้ฉันเผลอใจไปชอบเขาได้หรอก ฉันไม่ได้มองใครที่รูปลักษณ์ภายนอก ทัศนคติต่างหากที่จะสามารถทำให้ฉันชอบใครสักคนได้
แน่นอนว่าไม่ใช่คนแบบท่านประธาน
"ไม่มีทาง"
"ฉันจะคอยดู!"