@ร้านอาหาร
“จริงหรือเปล่าเนี่ยแก” น้ำใสเอ่ยด้วยความตกใจระคนยินดี ทันทีที่ได้ยินว่าเพื่อนรักสัมภาษณ์ผ่านแล้ว หลังจากร่อนใบสมัครอยู่หลายเดือน
“จริงสิ ผ่านแล้ว ๆ รอดตายแล้วเนี่ย แถมเริ่มงานวันจันทร์นี้แล้วด้วย”
ไอลินพูดตอบกลับเพื่อนสาวด้วยความดีใจ ก่อนลงมือตักข้าวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เพื่อนสาวอย่างน้ำใสก็พลางยินดีจนแก้มปริไปด้วย
“กราบแกมาก ๆ ที่ช่วยฉันไว้ ถ้าไม่ได้แกก็แย่เลย” ไอลินเอ่ยอีกครั้งด้วยสายตาขอบคุณ
“ก็แน่ล่ะ ฉันทั้งสวยทั้งเก่ง แกมีเพื่อนแบบฉันก็ประเสริฐไหมล่ะ” สาวผมสีดำเงางามเอ่ยพลางยืดอกยิ้มด้วยความภูมิใจจนออกหน้าออกตา ไอลินหันตาคู่สวยมองด้วยความหมั่นไส้เต็มขั้น ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ
“จ้า ๆ ๆ แหม คุณเพื่อนน้ำใสสุดประเสริฐในสามโลกจ้า”
“ฉันจะถือว่ามันเป็นคำชมแล้วกันนะ คิกคิก” น้ำใสเอ่ยพลางหยิบแก้วน้ำมาดื่มอย่างสบายใจ
“โอ้ย ทำไมรถต้องมาติดวันนี้ด้วยเนี่ย อยากจะกรี๊ด” สาวร่างบางในชุดนักศึกษารัดรูปนั่งอยู่หลังพวงมาลัย พลางสบถบ่นรถราที่กำลังติดอยู่ด้วยความหงุดหงิดและร้อนใจขั้นสุด ทั้งที่อุตส่าห์ตื่นนอนตั้งแต่เช้าในทำงานวันแรกแล้วเชียว แต่ดันดวงซวยต้องมาเจอกับรถที่ติดหนึบอยู่กลางแยกกลางเมืองไม่ขยับเลยแบบนี้ หน้าเนียนสวยเริ่มแสดงสีหน้าร้อนรน ก่อนจะตัดสินใจต่อสายหาเพื่อนสนิทในทันที
“ฮัลโหล”
“ยัยน้ำ กรี๊ด รถติดมากเลยฉันจะบ้าตาย”
“แก วันนี้มันวันจันทร์ ใคร ๆ เขาก็ไปทำงานกัน แล้วที่พักแกอยู่ตั้งไกล”
“แต่ฉันตื่นเช้ามากแล้วนะ ฮือ ฉันต้องโดนดุแน่ ๆ”
“แกใจเย็น ๆ เดี๋ยวก็ขยับ”
“อือ ๆ ฉันมาบ่นเฉย ๆแค่นี้แหละ” บ่นเสร็จ ไอลินก็กดตัดสายทันที ไม่รีรอให้เพื่อนสาวตอบอะไรกลับมา ก่อนจะหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตารอการขยับของรถอย่างใจจดจ่อ พลางสลับหันดูนาฬิกาที่ข้อมือสวยอย่างไม่เป็นสุข
ผ่านไปอีกห้านาที รถด้านหน้าค่อย ๆ เคลื่อนตัว และการจราจรก็กลับมาคล่องตัวอีกครั้ง สาวน้อยยกมือขึ้นรวบผมสีน้ำตาลเข้มสลวย มัดสูงทรงหางม้า ก่อนจะเริ่มขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าของสาวมหาลัยปีสี่ในชุดนักศึกษาเดินเข้าห้องทำงานอย่างรีบเร่ง ใบหน้าเนียนสวยของเธอเปรอะไปด้วยเม็ดเหงื่อเล็กน้อย สีหน้าเธอไม่ค่อยสู้ดีนัก ใจตุ้มต่อม หายใจติดขัด ทั้งรู้สึกกระวนกระวายที่ดันมาสายในการทำงานวันแรกจนได้
“คุณไอลิน” เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากมุมห้อง เมื่อหันตามเสียงไปก็พบว่าเขาเป็นคนที่สัมภาษณ์เธอเข้าทำงาน หญิงสาวสะดุ้งพร้อมกับมีใบหน้าร้อนรน
“สวัสดีค่ะ ขอโท…”
“เชิญทางนี้ครับ ท่านประธานรออยู่” ยังไม่ทันที่สาวน้อยจะพูดจบ ชายในชุดสูทสีกรมท่าก็ผายมือไปทางลิฟต์อีกทาง ไม่รอช้าไอลินรีบเดินตามเขาไปอย่างไว
พวกเขาขึ้นลิฟต์ขึ้นมาอีกสองชั้น ทันทีที่ประตูเปิดออก ไอลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยความประหม่า ทั้งสองเดินมาจนถึงหน้าประตูห้องกระจกสีขุ่นขนาดห้องดูกว้างและถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ไม่เหมือนห้องอื่น ๆ ในบริษัท
ใจของเธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง ที่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร สองมือเรียวสวยจับประสานกันเบื้องหน้าไว้แน่น ไอลินเม้มปากพยายามรวบรวมสติ ก้มหน้าก้มตาเก็บซ่อนความประหม่าเอาไว้จากคนที่เธอกำลังจะต้องเจอ
“เชิญครับคุณไอลิน ผมส่งคุณแค่นี้นะครับ ท่านประธานรออยู่ด้านใน” เขาพูดพลางก้มหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินจากไป
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” ไอลินหยุดอยู่หน้าห้องกระจก หันมองด้านหลังชายคนดังกล่าวอย่างใจละห้อย
ไอลินยืนมองประตูกระจกขุ่นด้านหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะผลักประตูเข้าไปช้า ๆ ร่างบางก้าวย่างอย่างระมัดระวังและสงวนท่าทีให้ดูสงบเสงี่ยมที่สุด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพลางกวาดสายตาสีดำเป็นประกายมองไปรอบ ๆ
“คุณมาสายไปสามสิบนาทีนะ”
กึก!
ประโยคแรกที่ทักขึ้นมาทำเอาหัวใจดวงน้อยของไอลิน แทบกระเด็นหลุดออกมาเสียให้ได้ แต่เธอรู้สึกคุ้นกับน้ำเสียงนี้ราวกับเคยได้ยินที่ไหน เธอเคยได้ยินแน่ ๆ แต่เธอก็จำไม่ได้
ไอลินรีบหันไปทางต้นเสียงอย่างไม่รอช้า เผยให้เห็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีดำขลับ ในมือถือแก้ววิสกี้ แผ่นหลังหนา ๆ ของเขาดูแข็งแกร่งจนน่าดึงดูดเกินจะจินตนาการ ทั้งยังมีบอดีการ์ดหนุ่มยืนประกบข้างอยู่ไม่ห่าง บรรยากาศความอึดอัดในห้อง และสีหน้าของบอดีการ์ดที่มองเธอนั้น ยิ่งทำให้ไอลินแอบกลัวไม่น้อย
“ขอโทษด้วยค่ะ ขอโทษที่มาสายนะคะ” เสียงสั่นของสาวน้อยเอ่ยขึ้น ก่อนจะรีบเดินเข้าไปยืนหน้าโต๊ะทำงานขนาดใหญ่
“บริษัทเราห้ามพนักงานมาสาย” เสียงทุ้มแกร่งของชายตรงหน้า ยังคงเอ่ยขึ้นต่อ น้ำเสียงดูทรงพลังอย่างน่าขนลุก เขายกแก้วขึ้นดื่มอีกอึกหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมาอย่างไม่รีบร้อน “ถ้ามาสายอีกครั้งเธอจะต้องถูกลงโทษ”
“ค่ะ ลินรับทราบค่ะ” เธอจำใจรีบตอบรับกลับ ทั้ง ๆ ที่ในใจก็แอบหงุดหงิด เธอไม่ได้ตั้งใจสายสักหน่อย อุตส่าห์ตื่นเช้าแล้ว แต่รถมันติดเองนี่นา
ตึง!
ชายหนุ่มวางแก้ววิสกี้บนโต๊ะอย่างแรง เสียงดังลั่นห้องนั่นทำเอาไอลินสะดุ้งโหยง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“...” นี่มัน… ใบหน้าของชายหนุ่มเบื้องหน้า ทำให้เธอตกใจจนต้องอ้าปากค้าง ไม่มีคำพูดใด ๆ เปล่งออกมา มีเพียงความทรงจำวันวานที่หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดหย่อน
“ฉันชื่อธาวิน” เสียงทุ้มทรงพลังเอ่ยขึ้น พร้อมดวงตาคมกริบสุดเย็นชา หางตาเรียวยาวจ้องมองมาที่ดวงตาคู่สวยไร้เดียงสาของเธอ ประกายนัยน์ตาของชายหนุ่มราวกับกำลังสะกดเธอไว้ก็ไม่ปาน “ฉันเป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้และเป็นเจ้านายของเธอ”
นี่คือพี่ธาวินของเธอใช่ไหม เป็นเขาแน่ ๆ เธอแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ชายตรงหน้าเขาช่างเหมือนรักแรกของเธอแทบทุกอย่าง ทั้งเสียง หน้าตา ไหนจะชื่ออีก เธอยังจำทุกอย่างเกี่ยวกับเขาได้ดีเสมอมา โดยเฉพาะความทรงจำในวันนั้นที่เธอไม่เคยลืม สิ่งที่ต่างไปคงเป็นแววตาที่ดูลึกลับเย็นชาเสียยิ่งกว่าตอนนั้น รังสีของอำนาจรายล้อมรอบตัว ทั้งแรงดึงดูดบางอย่างแผ่ออกมายิ่งกว่าเมื่อก่อน และใช่ ยิ่งเวลาผ่านไป ใบหน้าของเขาก็หล่อเข้าทรง จนทำให้เธอแทบหยุดหายใจ
“ฉะ...ฉันชื่อไอลินค่ะ เป็นนักศึกษาฝึกงานปีสี่ค่ะ” เมื่อสติกลับมาหลังจากตัวเองตกอยู่ในภวังค์อยู่ครู่หนึ่ง ไอลินรวบรวมคำพูดเอ่ยออกไป
“ฉันรอเธออยู่นานแล้ว” รอแบบไหนกันนะ รอที่เธอมาสายน่ะเหรอ หรือมันมีความหมายอื่นแผงอยู่หรือเปล่า ไอลินใจเต้นระรัวอย่างหยุดไม่ได้ “ต่อไปนี้เธอมีทำหน้าที่เป็นเลขาของฉัน ซึ่งจะต้องรับฟังคำสั่งของฉันเท่านั้น เข้าใจที่ฉันพูดไหม”
“เลขา!” ไอลินโผล่งออกไปอย่างไม่ทันคิด สายตาคู่แกร่งหันมามองเธออย่างไม่แสดงอารมณ์ใด ๆนอกจากรังสีอันตรายต่อใจที่ถูกปลดปล่อยมาไม่หยุด
“ใช่ เธอมีปัญหา?” ธาวินเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย ขณะล้มตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานหนังสุดหรู ก่อนจะหยิบแก้ววิสกี้ขึ้นมากระดกอีกครั้ง
ตึง!
หลังพูดจบเสียงแก้วก็ดังขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าคมคายของเขาหันมามองใบหน้าเรียวสวยอย่างไม่ละสายตา
“ไม่มีปัญหาค่ะ ลินทำได้ทุกอย่างค่ะ ขอแค่ผ่านฝึกงานก็พอค่ะ”
“จะผ่านหรือไม่ ก็ต้องดูว่าเธอทำได้ทุกอย่างแบบที่พูดไหม” ร่างแกร่งเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินเข้าไปประชิดตัวเธอพร้อมโน้มใบหน้าลงใกล้ ๆหญิงสาว ก่อนจะกระซิบอย่างเย็นชา “แล้วฉันจะรอดู”
“...” เสี้ยววินาทีนั้น ราวกับโลกหยุดหมุน หัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้นเสียให้ได้เสียงกระซิบอันแผ่วเบา ยังดังก้องในหัวเธออยู่อย่างนั้น จนก้าวขาไม่ออก ยืนนิ่งงันอยู่กลางห้อง
ธาวินหันหลังเดินกลับมาที่โต๊ะ ก่อนจะส่งสายตาให้กิต ลูกน้องมือขวาคนสนิทเดินไปส่งไอลินที่โต๊ะทำงาน
“ครับนาย” ลูกน้องคนสนิทในวัยใกล้เคียงกับธาวินเดินมาที่ไอลิน ก่อนจะนำทางเธอไปที่โต๊ะส่วนตัว “เชิญทางนี้ครับ”
“คะ...ค่ะ” ไอลินเรียกสติตนเองกลับมาได้ ก็ละสายตาจากประธานหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะเดินตามบอดีการ์ดหนุ่มไป มีเพียงดวงตาคมคู่แกร่งที่ยังคงมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวออกไปจนลับสายตา