ช่วงพักกลางกลางวันมุกดาราไปรับประทานมื้อกลางวันที่โรงอาหารของบริษัท ตักอาหารเข้าปากไปได้เพียงแค่สามคำโทรศัพท์ที่หญิงสาวสวมเอาไว้ในประเป๋ากางเกงก็สั่นรัวๆ มือบางชะงักแล้ววางช้อนลง ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมา ดวงตากลมโตเหลือบมองหน้าจอที่กำลังสว่างวาบ เมื่อเห็นชื่อคนโทร.เข้า รอยยิ้มกว้างจึงปรากฏบนดวงหน้าเนียนใส
“ว่าไงจ๊ะเหมยลี่”
ปลายสายคือเหมยลี่เพื่อนสนิทชาวจีนของหญิงสาว ทั้งคู่รู้จักกันมาได้ราวๆ ห้าปีเศษ เหมยลี่ทำงานเป็นพนักงานในบริษัททัวร์แห่งหนึ่งในแมนฮัตตัน
“เราไม่เจอกันนานแล้วนะผักหวาน เจอกันหน่อยดีไหม”
“ได้เลยเมื่อไรดีล่ะ” มุกดาราถามกลับเสียงใส
“เย็นนี้ดีไหม ผักหวานติดอะไรหรือเปล่า”
“ได้สิ เจอกันร้านเดิมใช่ไหม”
“ใช่ร้านเดิม ว่าแต่ผักหวานเลิกงานกี่โมง วันนี้ไม่ต้องทำโอทีใช่ไหม”
พอเหมยลี่พูดมาถึงตรงนี้มุกดาราก็หน้าเจื่อนลงถนัดตา หากเป็นตอนที่เธอยังคงทำหน้าที่ผู้ช่วยเลขาฯ บ่อยครั้งที่จำเป็นต้องทำงานล่วงเวลา แต่ตอนนี้เธอเป็นแค่แม่บ้านทำหน้าที่ล้างห้องน้ำ แน่นอนว่าคงไม่ได้ทำงานล่วงเวลาอย่างแน่นอน
“ไม่ได้ทำหรอก”
“งั้นก็โอเค เจอกันสักหกโมงเย็นนะ เผื่อเวลาเดินทาง”
“ได้เลย ไว้เจอกัน”
“งั้นก็แค่นี้นะ”
“จ้ะ บ๊ายบายเจอไว้เจอกัน”
กดวางสายจากเหมยลี่แล้วมุกดาราก็จัดการเก็บสมาร์ตโฟนลงกระเป๋ากางเกงไว้ตามเดิม ก่อนจะตักอาหารเข้าปากจนหมดจาน
ถึงเวลาเลิกงานมุกดาราหยิบกระเป๋าสะพายออกมาจากล็อกเกอร์ หญิงสาวสะพายมันเอาไว้ที่ไหล่ข้างหนึ่ง เท้าเล็กขยับมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงบริเวณป้อมยามหน้าบริษัท เท้าเล็กต้องหยุดลงเมื่อใครคนหนึ่งเรียกเธอ
“เดี๋ยวก่อนผักหวาน”
“อ้าว คุณเควินมีอะไรหรือเปล่าคะ”
เควินเป็นนักออกแบบเครื่องประประดับของฟรีเดล กรุ๊ป ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาตามแบบฉบับหนุ่มอเมริกัน เจ้าของผมสีน้ำตาลทองฉีกยิ้มกว้างสดใส
“จะกลับแล้วเหรอ”
“ค่ะ ว่าแต่คุณเควินมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“คือผมมีอะไรอยากจะถามผักหวานสักหน่อยน่ะ ไม่แน่ใจว่าผักหวานจะสะดวกหรือเปล่า”
“เรื่องอะไรคะ”
“เรื่อง…” เควินเว้นจังหวะการพูดคล้ายลำบากใจก่อนจะว่าต่อ “เรื่องนั้น จริงหรือเปล่า”
น้ำเสียงที่ดูคล้ายจะลำบากใจของเควินทำให้มุกดดาราเข้าใจได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องอะไร หญิงสาวฝืนยิ้มก่อนจะให้คำตอบ
“จริงค่ะ เป็นตามที่คุณเควินได้ยินมานั่นแหละค่ะ ตอนนี้ผักหวานย้ายไปอยู่แผนกพนักทำความสะอาดแล้วละค่ะ”
สำหรับมุกดาราแล้วนั้น เควินถือว่าเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีคนหนึ่ง จึงพูดเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา แต่หญิงสาวไม่เคยรู้มาก่อนว่าอีกฝ่ายไม่ได้คาดหวังความสัมพันธ์เช่นนั้น
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมผักหวานถึงได้ทำแบบนั้น แต่ถ้าหลังจากนี้ผักหวานมีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ ผมอยากให้ผักหวานนึกถึงผมถ้าผักหวานต้องการความช่วยเหลือ”
คราวแรกมุกดาราคิดว่าอีกฝ่ายจะรังเกียจเมื่อรู้ว่าเธอทำเรื่องแย่ๆ ออกไป แต่เควินกลับไม่ถามถึงเหตุผลที่เธอทำลงไป ซ้ำยังเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ ซึ่งนั่นทำให้มุกดาราวาบซึ้งใจ
“ขอบคุณนะคะที่ไม่รังเกียจผักหวาน”
“ผมไม่เคยคิดแบบนั้น” ทั้งคู่ต่างยิ้มให้กัน ก่อนที่เควินจะเอ่ยบางอย่าง “วันนี้ให้ผมเดินไปส่งที่อพาร์ตเมนต์ได้ไหม”
มีบางครั้งที่เควินอาสาเดินไปส่งมุกดาราถึงอพาร์ตเมนต์เพราะหญิงสาวต้องอยู่ทำงานล่วงเวลา ซึ่งบางครั้งกว่าจะเลิกงานก็เลยสองทุ่มไปแล้ว มุกดาราเองก็ไม่ปฏิเสธที่มีผู้ร่วมเดินทาง เพราะมันทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยในระดับหนึ่ง
“วันนี้คงไม่ได้ค่ะ พอดีผักหวานนัดเพื่อนเอาไว้”
“อ่า ไม่เป็นไรครับ งั้นเอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน”
“ได้เลยค่ะ”
มุกดาราส่งยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย ก่อนที่ทั้งคู่จะขยับเท้าเดินออกไปจากหน้บริษัทพร้อมกัน โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองตามแผ่นหลังของทั้งคู่ไปจนลับสายตา
นิ้วเรียวยาวที่เคยแง้มมู่ลี่ตรงกระจกใสถูกลดลงแล้วสอดเข้าไปในกางเกงสแล็กที่ตัดเย็บอย่างประณีต ใบหน้าหล่อเหลาแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังไม่สบอารมณ์กับบางสิ่ง โดยเฉพาะตอนที่กลับมานั่งที่เก้าอี้อย่างกระแทกกระทั้น จนคนที่อยู่ในห้องด้วยอย่างพอลอดถามไม่ได้
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณเอเดรียน”
ดวงตาคมกริบมองไปที่เจ้าของคำถาม ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ เป็นการปฏิเสธ เพียงครู่เดียวร่างสูงก็ลุกพรวดพราดจนพอลตั้งตัวไม่ทัน
“กลับกันเถอะพอล”
ได้ยินเจ้านายหนุ่มบอกแบบนั้น พอลก็รีบขยับเท้าตามอีกฝ่ายไปแบบติดๆ แม้จะติดใจอยู่หลายส่วนว่าเจ้านายกำลังหงุดหงิดเรื่องอะไร แต่ถึงกระนั้นพอลก็ทำได้เพียงเก็บความสงสัยเอาไว้เท่านั้น