จะว่าไปแล้ว ยัยนี่ก็โตขึ้นมาก ทุกส่วนอวบอัด ดูเต็มไม้เต็มมือไปหมด
บ้าไปแล้วไอ้ธนา มึงจะมีความคิดหื่นกามกับน้องเพื่อนไม่ได้นะเว้ยยย!
ตอนแรกพิชชาเดินลงมาด้วยความมั่นใจ แต่พอเห็นสายตาที่อีกฝ่ายมองมา กลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาดื้อ ๆ
รู้หรอกว่าเป็นคนสวย แต่ไม่ต้องจ้องขนาดนั้นก็ได้
“อะ แฮ่มม!” ไม่รู้ว่าควรวางสายตาไว้ตรงไหน พิชชาจึงส่งเสียงกระแอมทำลายความเงียบ
“นี่ชุดไปเที่ยวเหรอ” พอรู้ว่าตนเองเผลอจ้องมองยัยตัวแสบ ก็รีบพูดกลบเกลื่อน
“แน่นอน สวยใช่ไหมล่ะ” พิชชาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าเขาด้วยรองเท้าส้นสูงสีเดียวกันกับชุดแล้วหมุนตัวหนึ่งรอบ
ผมสีน้ำตาลบลอนด์ยาวสลวยถึงเอวที่แบ่งมารวบไว้ด้านหน้าปกปิดเนินเนื้อบางส่วน ตอนนี้ถูกสะบัดไปอยู่ที่กลางแผ่นหลังทั้งหมด เผยให้เห็นเนินอวบอัดขาวผ่อง
ศัลยแพทย์หนุ่มกลืนน้ำลายอึกหนึ่งลงคอ ไม่รู้ว่าควรจะวางสายตาไว้ตรงไหนดี เลยแสร้งเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“งั้นๆ” หยิบชุดที่จะเปลี่ยนพาดบ่าแล้วลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนจะบอกกับเจ้าของบ้านตามมารยาทว่า
“ยืมใช้ห้องน้ำหน่อยนะ อยู่ในห้องนอนใช่ไหม” คนตัวสูงเดินเฉียดไหล่ของหญิงสาวไปขึ้นบันไดเชื่อมชั้นสอง มุมปากยกยิ้มอย่างผู้ชนะ
พิชชาเหลียวหลังไปมองชายหนุ่มที่เดินขึ้นบันไดไปอย่างสบายใจ แทบอยากเอากำปั้นซัดหน้าของฝ่ายนั้นสักหมัดสองหมัด
ถ้าเป็นคนอื่น คงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปใช้ห้องน้ำของสาวสวยอย่างเธอแน่นอน
แต่กับธนาที่เป็นเพื่อนสนิทของพี่ชาย เธอก็พอจะไว้ใจเขาได้
รอบแรกที่พิชชาขอขึ้นไปบนห้องก่อนแล้วลงมาช้า นอกจากคุยโทรศัพท์กับเพื่อนจนเพลิน หญิงสาวยังใช้เวลาไปกับการจัดการของใช้ส่วนตัวจนเรียบร้อยแล้ว
อย่างเช่นชุดชั้นในกับชุดนอนวาบหวิวที่เธอชอบถอดวางไว้ทั่วห้อง
เพราะเธอไม่มีทางจะปล่อยให้ผู้ชายคนไหนที่ไม่ใช่แฟน เห็นชุดชั้นในของเธอหรอก
โดยเฉพาะกับเพื่อนของพิชยะคนนี้ ได้เห็นขาอ่อนของเธอก็ถือว่าเป็นบุญตาแล้ว
เวลาสี่ทุ่มครึ่ง ฮัมเมอร์สีดำขลับจอดลงที่หน้าตึกสไตล์โมเดิร์น บนถนนแห่งสีสันภายในตัวจังหวัด ร่างเล็กก้าวลงจากรถพร้อมกับชายหนุ่ม
ค่ำคืนนี้ธนาสวมเชิ้ตผ้าไหมสีดำพอดีตัว จึงมองเห็นบ่าที่กว้างของเขาชัดเจน ท่อนขาเพรียวยาวอยู่ในกางเกงชิโนสีเดียวกัน การแต่งกายของเขาเรียบง่ายกลมกลืนไปกับแสงไฟสลัว
พนักงานชายแต่งกายดูดีเดินนำทั้งสองเข้าไปด้านใน แม้จะเป็นช่วงกลางสัปดาห์แต่ก็หนาแน่นไปด้วยผู้คน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดิฟฟิวเซอร์ราคาแพงผสมผสานกับกลิ่นเครื่องหนังและบุหรี่อบอวลอยู่ในชั้นบรรยากาศ
ทั้งคู่เลือกไปนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ มุมด้านในที่อยู่ห่างออกมาจากฟลอร์เต้นรำเพื่อหลบเลี่ยงความแออัดของเหล่านักท่องราตรีทั้งหลาย แต่ก็ยังกระหึ่มไปด้วยดนตรีหนักหน่วงสลับสับเปลี่ยนกับเสียงเพลงจังหวะเบา ๆ
“จะดื่มอะไร” ธนาเอ่ยถามสาวสวยที่ตกเป็นเป้าสายตาแก่บรรดาหนุ่ม ๆ น้อยใหญ่ตั้งแต่ที่ทั้งคู่เดินเข้ามา
เขายอมรับว่าพิชชาเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ใบหน้าเรียว ดวงตากลมโต จมูกโด่งโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม ริมฝีปากได้รูป ผิวขาวราวน้ำนม รูปร่างผอมเพรียวตามสเปกผู้ชายทั่วไป
แต่อย่างพิชชา ไม่ใช่สเปกเขาแน่นอน
“อะไรก็ได้ ที่มันเมาเร็ว ๆ อะ” ปกติเธอชอบดื่มไวน์หรือแชมเปญมากกว่า แต่คืนนี้เธออยากลองเครื่องดื่มร้อนแรงดูบ้าง
“เตกีล่าสองที่” ชายหนุ่มหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ที่ยืนรอให้บริการอยู่ ไม่นานเครื่องดื่มรสชาติร้อนแรงก็ถูกเสิร์ฟให้กับทั้งสองคน
“มาดวลกันไหม”
“ไม่อ่ะ” เขาไหวไหล่เป็นเชิงปฏิเสธ แข่งเรื่องนี้กับผู้หญิงน่าภูมิใจตรงไหนวะ
“ตามใจ งั้นฟินน์ไปดวลกับผู้ชายโต๊ะโน้นก็ได้” หญิงสาวพยักพเยิดไปที่ผู้ชายคนหนึ่ง รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะมองพิชชาตั้งแต่ที่เธอเดินเข้ามาจนตอนนี้ก็ยังมองอยู่
ร่างเล็กกำลังจะลุกออกไป ธนาเลยจำใจต้องรับคำท้า เพราะไม่อยากให้พิชชาไปดื่มกับคนแปลกหน้า เพราะถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พิชยะต้องเอาเขาตายแน่
“เออ ดวลก็ดวล” แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายรับคำท้าอย่างเสียไม่ได้ พิชชาก็ยอมกลับลงมานั่งแต่โดยดี
“กติกามีอยู่ว่า ใครเมาก่อนคนนั้นเป็นหมาแล้วต้องหอนด้วย โอเคไหม” เธอเปลี่ยนใจกลับมานั่งลงที่เดิมพร้อมกับรอยยิ้มที่สามารถทำให้ผู้ชายหลายคนละลายได้
“ตกลง แล้วเธอก็เตรียมตัวเป็นหมาได้เลย” พูดจบธนาก็กระดกเตกีล่าลงคอในรวดเดียว เห็นแบบนี้พิชชาก็ไม่อาจจะยอมแพ้ได้ ยกขึ้นดื่มในรวดเดียวเช่นกัน
“เอามาอีก” ทั้งสองหันไปสั่งเครื่องดื่มกับหนุ่มบาร์เทนเดอร์โดยพร้อมเพรียง สายตาของทั้งคู่ดูเอาจริงเอาจังกับเกมท้าดวลครั้งนี้มาก
การดวลกินเหล้าอย่างเอาจริงเอาจังผ่านไปห้ายก ตอนนี้พิชชาเริ่มหูตาลาย ลิ้นพันกัน นั่งตัวตรงไม่ได้ ในขณะที่ชายหนุ่มยังดูปกติดี
“พอก่อนไหม” ตอนแรกเขาก็นึกสนุกเลยตกลงรับคำท้า แต่พอเอาเข้าจริงเขาก็ไม่ได้อยากฟังเสียง ‘หมาแคระ’ อย่างเธอหรอกนะ
“พออาราย ยังไม่มาวเลย ไม…หรือว่าพี่ธนามาวแล้ว โด่... ไอ้เราก็นึกว่าคอแข็ง ที่แท้ก็…อ่อน!” ใช่ว่าเขาจะบ้าจี้ไปกับคนที่เริ่มจะไม่มีสติ โดยเฉพาะกับน้องกับนุ่ง แต่คนอย่าง
ธนา อัศวโยธิน
ฆ่าได้ หยามไม่ได้โว้ยย!
“เอาแรงกว่าเดิมมาสองแก้ว” ศัลยแพทย์หนุ่มหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์คนเดิม
ถ้าคืนนี้พิชชาเมาหนักจนเดินไม่ไหว เขาก็แค่หามกลับไปเหมือนทุกที
ทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้กัน จนเวลาล่วงเลย พิชชาเริ่มพูดเสียงอ้อแอ้ ส่วนธนาก็กรึ่ม ๆ แต่ยังมีสติดีอยู่
“ให้แค่วันนี้วันเดียวนะ”
“อะราย” จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมา ทำให้พิชชาต้องรีบไขข้อสงสัย
“ก็ที่อยากเมาเพราะไอ้แทนไทไง”
“ครายบอกว่าฟินน์ทำไปเพราะผู้ชายพรรค์นั้นล๊า” แม้ว่าเสียงของเธอจะฟังดูอ้อแอ้ เพราะร่างกายได้รับปริมาณแอลกอฮอล์จำนวนมากแต่ยังพอมีสติรับรู้
เธอไม่ได้ดื่มเพื่อหวังจะให้ตัวเองลืมใคร แต่มาฉลองให้ตัวเองต่างหาก
ก่อนสิ้นปี ได้คัดคนเลว ๆ ออกไปจากชีวิต เป็นเรื่องน่ายินดีจะตายไป
“แล้วเพราะอะไร?” เตกีล่าแก้วที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ได้นับที่ชายหนุ่มยกขึ้นดื่ม ราวกับว่าวันนี้เขาเป็นคนอกหักเสียเอง
“อืมมม” ร่างบางทำท่านึกก่อนจะหันมาตอบ น้ำเสียงยานยาว ดวงตาหวานเยิ้ม
“ก็ฟินน์ไม่เคยดื่มกับพี่ธนาสองคนไง เลยอยากมาดื่มด้วยเฉย ๆ” คนฟังชะงักค้างในวินาทีต่อมา จู่ ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรวางสายตาไว้ตรงไหน จึงหันไปสั่งเครื่องดื่มมาย้อมใจ รีบสลัดความรู้สึกบางอย่างออกจากหัว
ตอนนี้ทำไปทำมา กลายเป็นเขาที่กระดกน้ำเมาเหมือนอกหักรักคุดซะเอง