ของชดเชย

1257 คำ
หากเป็นชาวบ้านที่มาร่วมงานคงไม่กล้าเข้ามาในห้องเจ้าสาวอย่างแน่นอน ถึงจะเข้ามาคนที่อยู่ด้านนอกก็ต้องรู้กันบ้างละ “เพ้ย ข้าไม่ใช่ผี ไม่ใช่คน แต่เป็นเทพชะตา” เขายืดอกขึ้นอย่างภูมิใจ ยิ่งทำให้หลินเยว่มึนงงมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก “แล้วท่านมาพบข้าด้วยเรื่องอะไร อย่าบอกนะว่า...” นางลากเสียงยาวจ้องจับผิดเขา ทั้ง ๆ ที่ตัวนางก็ไม่รู้หรอกว่าเขามาพบนางด้วยเรื่องอะไร “เอ่อ คือว่า...” เขามีพิรุธจริงอย่างที่นางคิดไว้ เทพชะตาไม่กล้าที่จะบอกนางเรื่องที่เขาดึงตัววิญญาณมาผิดคน ความจริงแล้วหลินเยว่นางยังไม่ถึงฆาต คนที่ต้องตายเป็นสตรีอีกคนที่อยู่ในรถคันหลังต่อจากคันที่นางนั่งมา เพราะความผิดพลาดที่นำวิญญาณมาผิดคน เทพชะตาได้ตรวจดูแล้วพบว่า เกาหลินเยว่นางกำลังจะสิ้นใจ ชะตาของทั้งสองคนช่างประหลาดนัก ราวกับว่าเป็นคนคนเดียวกัน เขาจึงได้พาวิญญาณของนางมาสวมร่างแทนเสียเลย หากไม่ยอมมาเจรจากับนาง เขาต้องถูกลงโทษด้วยการยึดอายุบำเพ็ญเพียรถึงห้าร้อยปี จึงได้แต่ลงมาพบนางในครั้งนี้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “ท่านจะพาข้ากลับไปที่ภพเดิมใช่หรือไม่” ดวงตาของหลินเยว่เปล่งประกายขึ้นมาทันที “เอ่อ เรื่องนี้ เห็นทีจะไม่ได้ ร่างของเจ้าถูกฝังลงดินเรียบร้อยแล้ว” หลินเยว่เบิกตากว้างอย่างตกใจ ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของนางถูกทำลายลงไปเพียงชั่ววูบ นางเงียบไปครู่ก่อนจะเอ่ยถามเสียงลอดไรฟันออกมา “แล้วท่านมาพบข้าด้วยเรื่องอันใด” “ข้ามาสารภาพความผิดที่ทำลงไป” หลินเยว่ยกมือขึ้นห้ามไม่ให้เขาพูดต่อ “ข้าไม่อยากฟัง ในเมื่อท่านทำผิด ก็หาของมาชดเชยข้าเสีย เห็นหรือไม่ว่าสภาพความเป็นอยู่ของข้าเป็นเช่นไร” นางชี้ไปรอบๆ ห้องให้เขาได้มองดู นางในภพก่อนและในตอนนี้ มีความเป็นอยู่ที่ต่างกันราวฟ้ากับดิน แล้วจะให้นางยอมรับได้อย่างไรเล่า “เอ่อ คือว่า...แล้วเจ้าอยากได้อันใด ให้ข้าอวยพรให้ดีหรือไม่” นางส่ายนิ้วไปที่หน้าของเทพชะตาช้าๆ ๅ“ไม่ ข้าต้องการมิติ ที่มีห้างสรรพสินค้า หรือไม่ก็บ่อน้ำวิเศษที่ช่วยรักษาทุกโรคได้ หรือจะเป็นสวนสมุนไพรราคาแพงก็ยิ่งดี” “เพ้ย สิ่งที่เจ้าพูดมาข้าไม่มีหรอก” เขาหลบสายตาของนาง “เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร เรื่องที่ท่านอยากให้ข้ายกโทษให้ ก็ไม่ได้เช่นกัน” “เพ้ย เจ้า เจ้า ข้ายอมยกมิติให้เจ้าก็ได้ แต่จำไว้ ว่าเจ้าอย่าได้ให้ผู้ใดล่วงรู้เป็นอันขาด” หลินเยว่พยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง แต่ก่อนที่ทั้งสองจะต่อรองกันเรื่องสิ่งของภายในมิติ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแรง เป็นจางเลี่ยงรุ่ย ที่เปิดเข้ามาด้านใน เขาต้องการเดินมาดูนางว่าเป็นเช่นไรบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะมาได้ยินเรื่องประหลาดเข้า ในตอนแรกเขาคิดว่ามีบุรุษเข้ามาหานางในห้อง ด้วยกลัวว่านางจะเกิดอันตรายจึงคิดจะเข้ามาช่วย แต่ก็ต้องหยุดชะงักกับคำแนะนำตัวของชายชรา ที่บอกว่าตนคือเทพชะตาที่พาวิญญาณมาผิดคน เทพชะตาและหลินเยว่หันไปมองจางเลี่ยงรุ่ยเป็นตาเดียว ตอนนี้มีผู้อื่นที่ล่วงรู้เรื่องของนางเพิ่มอีกคนแล้ว แล้วนางยังจะได้มิติของเทพชะตาอยู่หรือไม่ “เอ่อ เขาเป็นสามีของข้า คงไม่เป็นไรกระมังหากเขาจะรู้เรื่องนี้ด้วย” นางรีบเอ่ยออกมา เทพชะตาอดที่จะมองค้อนนางไม่ได้ เพิ่งมาถึงยังไม่พ้นวันก็ยอมรับแล้วว่าเขาเป็นสามีของนาง “เอาเถิด ถึงอย่างไรเรื่องที่เกิดกับเจ้าก็เป็นความผิดของข้า” เทพชะตาโบกมือขึ้น ก่อนจะมีลำแสงพุ่งเข้ามาที่จุดกึ่งกลางหน้าผากของหลินเยว่ ทุกอย่างล้วนตกอยู่ในสายตาของจางเลี่ยงรุ่ย เขาอดจะตกตะลึงกับสิ่งที่ได้พบเห็นไม่ได้ เช่นนี้ก็เท่ากับว่า เกาหลินเยว่ที่ต้องแต่งกับเขานางได้ตายลงไปแล้ว แต่สตรีที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นดวงวิญญาณที่มาอย่างอีกภพหนึ่งเช่นนั้นรึ ระหว่างที่เขากำลังสับสนกับความคิดของตนเองอยู่นั้น เทพชะตาก็ได้เลือนหายไปจากห้องหอเรียบร้อยแล้ว “เลี่ยงรุ่ย เลี่ยงรุ่ย” หลินเยว่เขย่าตัวเรียกเขา เพราะนางเห็นเขายืนนิ่งอยู่กับที่นานแล้ว “เอ่อ เจ้ามิใช่เกาหลินเยว่เช่นนั้นรึ” เขาเอ่ยถามออกมาอย่างสับสน “อืม ข้าคิดว่าเจ้าได้ยินทั้งหมดแล้วเสียอีก อย่าได้คิดจับข้าไปเผาเด็ดขาด” นางจ้องเขาราวกับกำลังเตือนว่าอย่าได้คิดนำเรื่องของนางไปบอกผู้อื่น “เจ้าบอกว่าข้าเป็นสามีของเจ้า ข้าจะทำเช่นนั้นเพื่ออันใด” “เอ่อ ข้าเพียงพูดไปอย่างนั้นเอง กลัวว่าเทพชะตาจะไม่ให้ของกับข้า” นางหัวเราะแห้งออกมา “เอาเถิดเรื่องความลับของเจ้าข้าจะมิพูดออกไป ว่าแต่เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นผู้ใด มาจากที่แห่งใด” เขานั่งลงข้างนาง ก่อนจะหันมามองนางอย่างคาดคั้น แต่ก่อนที่หลินเยว่จะเอ่ยเล่าถึงเรื่องราวในภพก่อนของนาง เสียงของนางฮั่วซื่อ และสะใภ้รองก็ดังเข้ามาในห้องเสียก่อน “เจ้าตัวซวย เข้าไปทำอันใดเวลานี้ ออกมาเก็บของให้แล้วเสร็จเสียก่อน เพ้ย ขี้เกียจเสียจริง เจ้าคิดว่าตนเองเป็นคุณชายหรืออย่างไร ถึงได้ไม่คิดจะทำอันใดเลย” “ใช่แล้วท่านแม่ ด้านนอกทุกคนต่างวุ่นวาย แต่ตัวเจ้าบ่าวดันมาหลบอยู่ในห้องกับเจ้าสาวเสียดาย ยังมิทันจะมืดค่ำเสียเลย” นางหงซื่อเอ่ยผสมโรงอย่างเมามัน คนที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวเห็นจะเป็นหลินเยว่ นางลุกจากที่นอน เพื่อจะไปเอาเรื่องทั้งสองคนที่ต่อว่าจางเลี่ยงรุ่ย เขาดึงรั้งแขนของนางไว้ “เจ้าทนได้อย่างไร” นางมองเขาอย่างตำหนิ ที่ปล่อยให้ย่าและอาสะใภ้ต่อว่าอยู่ได้ “ไม่ต้อง ข้าชินเสียแล้ว” ใบหน้าของจางเลี่ยงรุ่ยหมองลง ตั้งแต่จำความได้ เขายังไม่เคยเห็นท่านย่าของเขาเรียกชื่อเขาเลย นอกจากนางเรียกเขาว่าตัวซวย “เหอะ แล้วเจ้าจะทำเช่นไร หรือต้องทนให้นางดุด่าไปจนตายเช่นนี้รึ” “เอาเถิด ข้าต้องออกไปด้านนอกแล้ว เจ้าก็ปิดห้องให้ดีเล่า” จางเลี่ยงรุ่ยเดินออกไปด้านนอก แต่เสียงด่าทอก็ยังคงได้ยินเข้ามาอยู่ในห้องไม่ขาดสาย “ข้าจะบ้า” นางกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะนั่งลงที่เตียงเพื่อปรับอารมณ์ให้เย็นลงเสียก่อน ตอนนี้นางหันมาสนใจมิติที่เพิ่งจะได้รับมาแทน นางอยากรู้ว่าด้านในมีสิ่งใดอยู่บ้าง นอกจากสิ่งที่นางร้องขอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม