เผาเรือนแล้ว

1325 คำ
คงมีเพียงจางเฉิงที่ยังชะเง้อคอมองเข้ามาด้านใน เพื่อให้ได้เห็นพี่สะใภ้อีกสักครั้ง แต่ก็ถูกจางเลี่ยงรุ่ยปิดประตูใส่หน้า จนเกือบจะกระแทกหน้าของเขาเข้า “ท่านหยิบชุดให้ข้าหน่อย” หลินเยว่บอกเขา “หึ เจ้าอยากจะเปิดเผยให้พวกเขาเห็นมิใช่หรือ แล้วเหตุใดถึงให้ข้าเห็นไม่ได้” จางเลี่ยงรุ่ยไม่พอใจอย่างมากที่นางแสร้งทำผ้าห่มหลุดจนเผยให้เห็นไหล่ของนาง “เพ้ย หากข้าไม่ทำเช่นนี้ แล้วพวกเขาจะเชื่อหรือไง ท่านหยิบให้ข้าเสียหน่อย” แต่แทนที่จางเลี่ยงรุ่ยจะหยิบชุดให้นาง เขาเดินไปดับเทียน แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงข้างนางแทน “ท่าน” หลินเยว่ตกตะลึงไม่น้อยที่เขาขึ้นมานอนเลยไม่ยอมหยิบเสื้อผ้าให้นาง “หากอยากใส่ก็ลุกขึ้นไปหยิบเอง” เขาตะแคงหันหน้าหนีทันที เพราะเตียงไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก เมื่อขึ้นมานอนสองคนจึงดูเบียดอยู่ไม่น้อย “ข้าหนาว” นางกระซิบบอกเขา เพื่อหวังว่าเขาจะไปหยิบชุดให้นาง “อากาศร้อนเช่นนี้เจ้ายังหนาวอีกรึ” “จาง เลี่ยง รุ่ย ท่านโกรธอะไรข้า ได้ ข้าไปหยิบเองก็ได้” นางทุบไปที่แขนของเขาหนึ่งที ก่อนจะใช้ผ้าห่มห่อตัวแล้วเดินไปหยิบชุดที่ปลายเตียง แต่เพราะภายในห้องไร้แสงเทียน ผ้าห่มที่คลุมตัวก็หนาจนนางขยับตัวอย่างยากลำบาก ก่อนจะถึงปลายเตียงนางก็ล้มลงไปกองที่พื้นเสียแล้ว “โอ๊ยยย” จางเลี่ยงรุ่ยรีบลุกขึ้นไปดูหลินเยว่ที่พื้นทันที “เจ็บมากหรือไม่” เขาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “หากท่านช่วยข้าตั้งแต่แรกจะเกิดเรื่องเช่นนี้หรือไม่เล่า” นางทุบเขาไปอีกหลายที “ต่อไปเจ้าอย่าได้ทำเช่นนั้นอีก สตรีมิอาจให้ผู้อื่นนอกจากสามีของนางเห็นเรือนร่างได้” แม้จะไร้แสงเทียนแต่สายตาและคำพูดที่จริงจังของจางเลี่ยงรุ่ย ก็ทำให้หลินเยว่รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย “ข้าเข้าใจแล้ว” นางเอ่ยตอบออกมาเสียงเบา เลี่ยงรุ่ยช่วยประคองนางขึ้นไปบนเตียง ก่อนจะ ไปหยิบชุดที่ปลายเตียงมาให้นางใส่ เขาหันหลังเข้ากำแพง เพื่อให้หลินเยว่สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย “เสร็จแล้ว ท่านขึ้นมานอนเถิด” หลินเยว่ขยับเข้าไปด้านใน เพื่อให้จางเลี่ยงรุ่ยขึ้นมานอนได้ แต่ถึงจะขยับไปชิดด้านในที่สุดแล้ว แต่ไหล่ของทั้งคู่ก็แทบจะเกยกันอยู่ดี เรื่องนี้สร้างความอึดอัดใจให้หลินเยว่อยู่ไม่น้อย “นอนไม่สบายเช่นนั้นรึ” เขาเอ่ยถามออกมา เมื่อนางขยับตัวเป็นรอบที่สามแล้ว “อืม แต่ไม่เป็นไร ท่านนอกเถิด ท่านเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” นางอยู่แต่เพียงในห้องเฉยๆ ต่างจากจางเลี่ยงรุ่ยที่ต้องออกไปดูแลแขก ทั้งยังต้องเก็บข้าวของที่แขกกินแล้วไปล้างอีกด้วย “อืม” เพียงไม่นาน เสียงหายใจของจางเลี่ยงรุ่ยก็สม่ำเสมอ เขาคงหลับไปเสียแล้ว มีเพียงหลินเยว่ที่นางยังนอนไม่หลับ เพราะหมอนที่หนุนแข็งเกินไป ไหนจะเตียงที่เล็ก นางจะขยับตัวก็ไม่กล้า สุดท้ายเมื่อนอนนิ่งๆ ไปนานๆ นางก็ผล็อยหลับตามเลี่ยงรุ่ยไป พอได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของนาง เลี่ยงรุ่ยก็ลืมตาขึ้น เขารู้ว่านางคงนอนไม่สบายตัว จึงได้จับศีรษะของนางมาหนุนที่แขนของเขาแทน หลินเยว่ที่รู้สึกสบายตัวขึ้นมาทันที นางก็กอดก่ายจางเลี่ยงรุ่ยอย่างลืมตัว เขาก็ไม่คิดจะผลักตัวของนางออก เพราะเห็นใจนางอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาแต่งให้กับบุรุษเช่นเขา จางเลี่ยงรุ่ยไม่ใช่ไม่คิดที่จะตัดขาดกับตระกูล ต่อให้เขามีความกล้ามากเพียงใด นางฮั่วซื่อก็ไม่คิดจะปล่อยแรงงานชั้นดีเช่นเขาไปอย่างแน่นอน ฟ้ายังไม่สว่างดี จางเลี่ยงรุ่ยก็ขยับตัวของหลินเยว่ให้ลงจากตัวของเขา จนนางรู้สึกตัวตื่น เมื่อมองออกไปทางหน้าต่าง นางก็ซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มทันที “ท่านจะรีบตื่นไปไหน ยังไม่เช้าเลย” นางพึมพำออกมา “ข้ามีงานต้องทำ เจ้านอนพักต่อเถิด” เขาช่วยห่มผ้าให้นางก่อนจะลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า เพื่อออกไปจัดการงานของตนเอง แต่แล้วเสียงของนางฮั่วซื่อก็ดังขึ้นจนหลินเยว่มิอาจจะนอนต่อได้ นางลุกขึ้นขยี้ผมของตนเองอย่างหงุดหงิด “โอวโยว สายเพียงนี้หลานสะใภ้ข้ายังไม่คิดจะลุกขึ้นจากที่นอนอีกรึ” จางเลี่ยงรุ่ยที่กำลังจะเดินออกจากห้องไปถึงกับถอนหายใจออกมา หลินเยว่นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากสะบัดผ้าห่มทิ้งแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อออกไปล้างหน้าล้างตา “ประเดี๋ยวข้าจะไปต้มน้ำให้เจ้า” เขาเดินออกจากห้องไป หลินเยว่ เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว นางก็จัดการเก็บที่นอนก่อนจะเดินไปล้างหน้าด้านหลังเรือน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเรือนตระกูลจาง เรือนไม่ได้ใหญ่ไปกว่าของชาวบ้านด้านนอก เพียงแต่ห้องที่นางอยู่แทบจะเรียกได้ว่าห้องเก็บของหรือห้องเก็บฟืนที่ชาวบ้านใช้เก็บของกัน นางตกใจไม่น้อยกับความใจดำของพวกเขา หลินเยว่มองไปที่จางเลี่ยงรุ่ยที่เดินออกมาจากห้องครัวอย่างปวดใจ ทุกคนในเรือนยังไม่มีผู้ใดลุกขึ้นมาสักคน แต่นางกับเลี่ยงรุ่ยต้องลุกขึ้นมาจัดการเตรียมหาอาหารทั้งยังต้องหาหญ้าให้หมูกับไก่ได้กินอีก เลี่ยงรุ่ยก็มองมาที่นางอย่างเห็นใจ เขาเดินเข้ามาหานาง พร้อมทั้งพานางไปที่ห้องน้ำด้านหลัง ยิ่งเห็นห้องน้ำหลินเยว่นางก็หน้าเบ้จนเกือบจะร่ำไห้ออกมา นางมองไปที่เลี่ยงรุ่ยว่ามันคือห้องน้ำจริงหรือ นางก็เพิ่งจะเคยเห็นห้องน้ำเช่นนี้ครั้งแรกด้วยตาของตนเอง นอกจากรูปภาพที่อยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ นางจะหลบไปเข้าห้องน้ำในมิติก็ไม่ได้ เพราะนางฮั่วซื่อเดินออกมาควบคุมนางกับเลี่ยงรุ่ยทำงานแล้ว สุดท้ายนางก็ต้องกลั้นใจเข้าไปล้างหน้าด้านใน ส่วนธุระส่วนตัวไว้นางค่อยไปจัดการในมิติ “ทำอาหารเป็นหรือไม่” นางฮั่วซื่อเอ่ยถามหลินเยว่อย่างดูแคลน “เป็นเจ้าค่ะ” นางก็พอจะทำได้ไม่กี่อย่าง คงไม่ยากเกินไปหากจะต้องต้มข้าวและทำผัดผักง่ายๆ “เช่นนั้นก็ไปจุดเตาเสีย” นางชี้นิ้วสั่งไปที่ห้องครัว หลินเยว่นางจะจุดเป็นได้อย่างไร แต่นางก็ยังเดินเข้าไปในห้องครัว ตอนนี้จางเลี่ยงรุ่ยแยกตัวออกไปเก็บผักป่า เก็บหญ้าที่ด้านนอกแล้ว นางยืนมองหาที่จุดไฟก็ยังไม่เห็น จะออกไปถามนางฮั่วซื่อไม่แคล้วก็คงต้องถูกด่ากลับมาอย่างแน่นอน หลินเยว่นางเห็นถ่านในเตาที่ยังแดงอยู่จึงได้ใส่หญ้าแห้งเข้าไปเพิ่ม และใส่ฟืนที่อยู่ด้านข้างเข้าไปอีกหลายท่อน เพียงครู่เดียวควันก็คลุ้งเต็มห้องครัวไปหมด ใบหน้าของนางมีแต่เถ้าถ่าน นางไอไม่หยุดเพราะสำลักควัน จนต้องวิ่งออกมาจากห้องครัว “สวรรค์ ตายแล้ว จะเผาเรือนข้าอย่างนั้นรึ” นางฮั่วซื่อกรีดร้องออกมา ทำให้คนที่อยู่ในเรือนได้ยินว่าเผาเรือนก็วิ่งออกมาดูทันที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม