ตอนที่ 2 แฝดคนละขั้ว

1560 คำ
ตอนที่ 2 แฝดคนละขั้ว พูดจบเขาก็เอื้อมมือไปเปิดประตูหมายจะหนีไปจากสถานการณ์ที่น่ารำคาญนี้ แต่ไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าเข้าไปในรถ ผู้หญิงคนนั้นก็ทำให้เขาตกใจ “อะไรวะ!” มิรินถลาเข้าไปกอดขาแกร่งไว้แน่น เธอร้องไห้ฟูมฟายพลางยกมิไหว้เขาอย่างไม่นึกอาย เธอจำได้ว่ารุ่นพี่คนนี้ใจดีแค่ไหนตอนที่เธอเจอเขาครั้งแรก เขาดีกับทุกคน แต่ตอนนี้เขาอาจจะกลัวว่าเธอกำลังจะหลอกอะไรเขา “หนูพูดจริง ๆ นะ ตอนนี้หนูลำบากมาก พี่ช่วยหนูหน่อยได้ไหม ฮึก ให้หนูทำอะไรก็ได้ ยอมหมดเลย” เธอกอดขาเขาเอาไว้แน่น ไม่คิดถึงเกียรติหรือศักดิ์ศรี เธออยากมีชีวิตรอดต่อไปในวันพรุ่งนี้ อยากเรียนต่อ อยากทำความฝันของตัวเองและสิ่งที่แม่ของเธอต้องให้มันสำเร็จ “ทำบ้าอะไรของเธอวะ ปล่อย!” เขาตะคอกใส่คนตัวเล็กเสียงดัง คิดว่าเธอจะกลัวเขาแต่เปล่าเลย ยิ่งกอดขาเขาแน่นขึ้น “ได้โปรดช่วยหนูเถอะ พี่ให้หนูทำงานอะไรก็ได้” “...” ใต้หล้ายกมือขึ้นเท้าเอว เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างเก็บอารมณ์ ไอ้คู่แข่งหรือศัตรูคนไหนมันมาเล่นตลกกับเขา “หนูไหว้ พี่ช่วยหนูที” “มึงทำอะไรวะใต้หล้า” ระหว่างที่เหตุการณ์กำลังแย่เสียงเข้มของใครอีกคนก็ดังขึ้น มิรินหันไปมองน้ำตานองหน้า ก่อนที่เธอจะต้องหันกลับมาเงยหน้าขึ้นมองคนที่เธอกำลังกอดเกี่ยวขาเขาเอาไว้แน่น ฝาแฝด? หรือคนที่เธอเคยเจอ คนที่ใจดีกับเธอวันนั้นไม่ใช่เขาคนนี้แต่เป็นรุ่นพี่อีกคนนั้น “มึงมาเอายายนี่ออกไปที ไม่รู้ใครส่งมาป่วนกู” เขาพยายามจะสะบัดขาให้อีกคนออกไปตั้งนาน แต่พอผู้หญิงคนนี้เห็นฝาแฝดเขาเธอก็ปล่อยขาเขาอย่างง่ายดาย “พี่คะ พี่จำหนูได้ไหม หนูเคยเป็นน้องค่ายที่พี่เป็นสตาร์ฟอยู่” มิรินรีบขยับตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปหาเขา เธอยกมือไหว้เขาเหมือนคนไร้สติ “คุ้น ๆ” ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วครุ่นคิด “ชื่ออะไรนะ มิรินไหม” “ฮึก ใช่ค่ะ พี่คะตอนนี้หนูเดือดร้อน พี่ช่วยหนูได้ไหม แม่หนูเสียเพราะถูกรถชน หนูไม่มีที่ไป” เธอรีบบอกเขาพร้อมกับเสียงร้องไห้ “มึงคิดว่าคนเรามันจะชีวิตแย่ขนาดนั้นเหรอไอ้ฝุ่น” เสียงของคนด้านหลังดังแทรกเข้า “บางทีอาจมีใครจ้างมา” “แล้วน้องไม่มีญาติเหรอ” “หนูไม่มี” มิรินส่ายหน้าไปมา ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยถูกแม่พาไปรู้จักกับใครเลย แม่บอกแค่ว่าตากับยายท่านเสียไปแล้ว แม้กระทั่งพ่อของเธอแม่ก็ไม่เคยพาไปให้เห็นหน้า มีเพียงรูปถ่ายที่เธอแอบขโมยมา “หึ” เขาคนนั้นหัวเราะในลำคอ มิรินหันกลับไปมองเขาทั้งน้ำตา ผู้ชายคนนั้นก็เบือนหน้าหนีไปแต่รอยยิ้มเย้ยหยันก็ยังคงติดอยู่บนใบหน้า ทำไมเขาถึงใจร้ายใจดำขนาดนี้ “แล้วบ้านอยู่ไหน” “หนูไม่มีบ้าน ก่อนหน้านี้แม่ผ่อนกับเจ้าของบ้านแต่ตอนนี้หนูไม่มีปัญญาจ่ายเขาแล้ว” เธอบอกความจริงทุกอย่าง “เขาไม่ให้หนูอยู่แล้ว” “แล้วคิดยังไงมาขอความช่วยเหลือพวกเรา” ถึงแม้ว่าไต้ฝุ่นจะไม่ใช่คนเย็นชาแบบฝาแฝดของเขา แต่เขาก็ต้องระวังให้มาก เดี๋ยวนี้คนมันหลอกกันได้หลายรูปแบบ “หนูมาเจอเขาที่นี่ แล้วหนูคิดว่าเป็นพี่ หนูไม่รู้จักใครเลยพอเจอคนที่เคยเห็นหน้าก็เลยเข้ามาขอความช่วยเหลือ เพราะไม่รู้ว่าจะไปหาใครจริงๆ” เธอเล่าไปด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทา เล่าไปทั้งน้ำตา แต่ก็ยังมีคนยืนยิ้มมองเหมือนมันเป็นเรื่องตลก “แล้วจะให้พี่ช่วยยังไง” ไต้ฝุ่นถามด้วยความสงสัย “ขอที่พักสักคืนได้ไหมคะ พรุ่งนี้หนูจะหาทางออกเอง” เขายืนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองฝาแฝดตัวเองที่กอดอกพิงกับรถ ใต้หล้าปรายตามองไอ้แฝดน้องที่กำลังจะทำเพื่อสังคม หรือเพื่อตัวเองก็ไม่รู้นั้นอย่างนึกรำคาญ “ได้สิ แต่ไปอยู่ห้องมันก่อนเพราะพี่ไม่สะดวก” “พูดบ้าอะไรของมึง” เจ้าของห้องที่ถูกยัดเยียดความน่ารำคาญมาให้รีบแย้งขึ้นมาทันที ไต้ฝุ่นก้าวเข้ามาหาแฝดผู้พี่ปล่อยให้สาวน้อยคนนั้นยืนหน้าเศร้าอยู่ตรงนั้น เขามองออกว่าเธอผิดหวังแต่เขาช่วยได้เท่านี้ “มึงอยากช่วยก็เอาไปเอง ไม่เกี่ยวกับกู” “มึงก็รู้ว่ากูพาไปไม่ได้” “งั้นก็ปล่อยให้ยายนั่นไปตามทางตัวเอง” เขาบอกอย่างไม่ใส่ใจ “เขาไม่ได้โกหกหรอก มึงอย่าใจดำนักเลย ก็แค่ผู้หญิงจะทำอะไรมึงได้ หรือมึงกลัวผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว” ใต้หล้ามองน้องที่คลอดตามเขามาไม่กี่นาทีอย่างเอาเรื่อง เพราะมันรู้ว่าการท้าเขาแบบนี้แล้วจะได้ผลหรือเปล่า “ทำไมกูต้องตัว” “ไม่กลัวแล้วมึงจะคิดมากทำไม” “ช่วยแล้วกูจะได้อะไร ไร้ประโยชน์” พูดจบเขาก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่งก่อนจะติดเครื่องยนต์ และในไม่กี่วินาทีต่อมาร่างบอบบางของใครบางคนก็ถูกยัดเข้ามาในรถอีกฝั่ง “กูฝากด้วยนะ” “ไอ้นี่ แม่ง” เขาสบถคำหยาบออกมา ในขณะที่อีกคนยังคงนั่งตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น ได้ อยากไปกับกูนักเดี๋ยวพ่อจะจัดให้ พรุ่งนี้จะรอดูว่าจะทำยังไงต่อ หรือไม่แน่อาจจะวิ่งแจ้นหนีเขาไปคืนนี้เลย รถสปอร์ตคันหรูโลดแล่นไปตามถนนที่เวลานี้รถราบางตาลงจนเขาสามารถเหยียบคันเร่งได้เกินน้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างสบาย คนที่นั่งอยู่เบาะข้างกันนั้นหัวใจเต้นโรมครามด้วยความกลัว เธออาจจะหมดสิ้นหนทาง มองไม่เห็นอนาคต แต่เธอก็ไม่อยากมาตายเวลานี้ ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยนั่งรถที่ทะยานอยู่บนท้องถนนราวกับบินได้ หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ แต่เธอก็ทำได้เพียงนั่งบีบมือตัวเองที่มันชุ่มไปด้วยเหงื่อ “พี่ขับช้าอีกหน่อยได้ไหม มันน่ากลัว” มิรินเอ่ยปากบอกด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว “หึ” เขาหัวเราะในลำคอไม่พอยังเร่งความเร็วขึ้นไปอีก มิรินหลับตาลงเพื่อไม่ให้ตัวเองเห็นว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเหยียบเข้าใกล้ความตายขึ้นทุกที ก็ดีเหมือนกันถ้าหากเธอตายวันนี้ก็คงตามไปเจอแม่ได้ทัน ถือว่ามันคือโชคชะตาของตัวเอง ทว่าเพียงไม่กี่นาทีรถสปอร์ตคันหรูก็ค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง ก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่ที่แห่งหนึ่ง พอเธอลืมตาขึ้นมองก็เห็นเป็นตึกสูงระฟ้า มีชื่อของสถานที่สว่างไสวติดอยู่บนชั้นที่สูงที่สุด คอนโดมิเนียมแห่งนี้ที่บอกถึงฐานะของคนอยู่ มิรินเคยแค่มองตอนที่นั่งรถผ่าน ไม่คิดเลยว่าวันนี้เธอจะได้มาเหยียบที่นี่ ในฐานะของคนที่กำลังขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้า “หนูขอยืมมือถือพี่ ติดต่อเพื่อนได้ไหมคะ” เธอจำชื่อจริงที่เพื่อนตั้งไว้ไม่ค่อยได้ แต่เธออยากลองหาดู ตอนนี้เธอเริ่มกลัว เพราะความอับจนหมดหนทางอาจทำให้เธอแย่ “ไหนบอกเธอไม่รู้จักใคร” เขาเอ่ยปากถามเมื่อชะลอรถจอดลงในที่ของตัวเอง “จะเล่นตลกอะไร” เขามองเธออย่างจับผิด ดวงตาคมจ้องเขม็ง สายตาของเขาราวกับราชสีห์ที่กำลังจ้องมองเหยื่อที่กำลังตัวสั่นอยู่ตรงหน้า ไม่มีแม้แววความสงสารหรือเห็นใจ “ไม่ได้โกหก หนูเพิ่งเข้ามหาลัย เพื่อนใหม่หนูก็เพิ่งรู้จักจะลองหาดู หรือพี่มีเพื่อนเป็นผู้หญิงไหม พอจะมีใครช่วยหนูได้ไหมคะ” “หึ” ใต้หล้าหัวเราะเบา ๆ ตั้งแต่เกิดมาเขาก็เพิ่งเคยเจออะไรที่น่ารำคาญขนาดนี้ แต่เขาก็อยากรู้นักว่าแม่นี่จะทำอย่างไรต่อถ้าเขาไม่เล่นตามเกม “เธอบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าฉันช่วยจะให้ทุกอย่าง จะทำอะไรก็ได้” “...” มิรินลอบกลืนน้ำลายลงคอ เธอพูดมันออกไปจริง ๆ แต่ตอนนั้นก็เพราะอยากให้เขาช่วยเธอ “พูดแล้วนี่ ฉันก็ช่วยเธอแล้ว” “ไม่ใช่พี่ที่ช่วยหนู” เธอขอเถียงเพราะเขาไม่คิดจะช่วยเธอแต่แรก ไม่เต็มใจช่วยเลยด้วยซ้ำ “จะบอกว่าน้องฉันช่วยเธอเหรอ ทั้งที่ตอนนี้ฉันพาเธอมา” เขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “...” เธอพูดไม่ออก “ลง!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม