พิชชาอรคือผู้หญิงที่พระเจ้ารักและหลงใหลจึงมอบทุกอย่างให้เธอ ไม่ว่าจะเป็นคิ้วที่ดกดำแต่ได้รูป จมูกโด่งเป็นสันรับกับปากอิ่มอย่างลงตัว พวงแก้มที่อ่อนนุ่มและดวงตาที่กลมโตเข้ากัน ไหนจะผิวขาวราวกับไข่ปอก เขาแตะต้องนิดหน่อยก็เป็นรอยแดงช้ำ จิณณ์ไม่อาจหลอกตัวเองได้ว่าไม่หลงใหลเธอ และมันจะดีกว่านี้หากหญิงสาวใต้ร่างไม่ใช่หลานสาวของผู้หญิงที่ทำให้คนในครอบครัวของเขาเจ็บปวด
“รู้ใช่ไหมว่าถ้าฉันอยากได้ ฉันก็ต้องได้”
คนถูกถามกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่เอ่อท้นค้างอยู่ขอบตา หญิงสาวฝืนกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอก่อนจะพยักหน้ารับชะตาชีวิตของตัวเอง
“เมื่อไหร่คุณจิณณ์จะหมั้นคะ”
มันอาจจะดูโง่ที่ถามเรื่องส่วนตัวของเขา เพราะจิณณ์เคยสั่งห้ามเธอเด็ดขาดไม่ให้ล้ำเส้น พิชชาอรได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ เธอไม้กล้าจะสู้สายตากับเขา
“ถามทำไม”
“พราวจะได้รู้ว่าพราวควรอยู่ที่นี่ไปจนถึงเมื่อไหร่”
“คนที่จะอนุญาตให้เธอไปคือฉัน ไม่ใช่ตัวเธอ”
“แต่คุณจิณณ์กำลังจะมีคู่หมั้น มันคงไม่ดีหรอกค่ะหากพราวจะยังอยู่ที่นี่ต่อ”
“มันจะดีหรือไม่ดี มีฉันคนเดียวเท่านั้นที่จะตัดสินใจ”
พิชชาอรช้อนตามองสบกับดวงตาแข็งกร้าว หญิงสาวเมินมองไปทางอื่น เพราะน้ำตากำลังไหลออกจากหางตาทั้งสองข้าง
“อย่าลืมสิว่าแค่คู่หมั้นเอง ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก ขนาดเขามีเมียอยู่แล้ว ผู้หญิงบางคนยังยอมเป็นเมียน้อยได้เลย”
สายตาที่มองเธอประกาศชัดถึงคำพูดที่ตั้งใจตอกย้ำความเลวที่ยายของหญิงสาวทำลงไป พิชชาอรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างสุดจะกลั้นเอาไว้ได้
“คำพูดของฉันอาจทำให้เธอเจ็บปวด แต่มันยังไม่เท่ากับการกระทำที่ยายของเธอทำไว้กับย่าฉันหรอกพราว เธอก็รู้ดีนี่ว่าการที่คนอย่างฉันลงมาเกลือกกลั้วกับผู้หญิงอย่างเธอเพราะอะไร”
“พราวไม่มีวันลืมค่ะ”
“ดี”
เขาฉีกยิ้มเห็นฟันขาวสะอาด รอยยิ้มหยันแกมสมเพชทำให้พิชชาอรต้องหลับตาลง เพื่อจะได้ไม่เห็นสายตาของคนใจร้าย น้ำตาของเธอใช้กับเขาไม่ได้ จิณณ์ยังคงยืนยันเจตนาชัดเจนว่าต้องการหลับนอนกับเธอแม้หญิงสาวจะไม่เต็มใจ เขาซุกใบหน้าคมคายลงที่ซอกคอขาวสะอาดสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเนื้อกายที่ตนเองเป็นเจ้าของ กดเม้มริมฝีปากเบาๆ ฝากรอยไว้ที่ต้นคอ ประกาศให้พวกเห็บเหาไรหมัดได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีเจ้าของแล้ว
“อย่าทำตรงนั้นค่ะ”
หญิงสาวรู้ว่าเขากำลังทำอะไร แต่มีหรือที่จิณณ์จะฟัง ร่องรอยที่เกิดขึ้นบนตัวเธอไม่ใช่ปัญหาของเขา แต่เป็นปัญหาของหญิงสาวต่างหากที่ต้องแก้ไข ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เพราะชายหนุ่มยังคงขบเม้มอีกหลายจุดบนเรือนกายเธอ แม้ว่าจะไม่ได้รับความร่วมมือที่ดีพอจากร่างบาง แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรค มือหนาปลดกระดุมชุดนอนออกอย่างง่ายดาย สายตาโลมเลียสำรวจไปทั่วร่างระหง ก่อนจะโผเข้าหาจุกสีชมพูที่ชูชันร่ำร้องเรียกหา เขาดูดดื่มกินราวกับทารกน้อย แม้จะร่วมกิจกรรมกับหญิงสาวแทบจะทุกคืน แต่ก็ยังไม่รู้สึกอิ่มเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับต้องการเธออย่างไม่รู้จักพอราวกับเสพติด
“อือ... อา”
เสียงครางเบาๆ ทำให้เขาพอใจ จิณณ์เลื่อนใบหน้าลงไปยังสะดือเล็กบุ๋ม โลมเลียหยอกเอินกับรอยธรรมชาติสรรสร้างนั่นเบาๆ ทำเอาคนที่เป็นผู้ตามเกมนี้ถึงกับแอ่นกายขึ้น มือบางเอื้อมจิกที่เส้นผมของคนที่คิดจะกลั่นแกล้งเป็นการเร่งเร้าให้เขาอย่าอ้อยอิ่ง รอยยิ้มร้ายสมใจนั่นพิชชาอรไม่มีโอกาสได้เห็น สุดท้ายแล้วหญิงสาวก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความต้องการของร่างกายอยู่ดี พิชชาอรผงกศีรษะขึ้นเมื่อเขากำลังรุกล้ำสิ่งที่พึงสงวนกลางลำตัว เธอครางออกมาอย่างสุขสม ยามที่เขาตวัดลิ้นขึ้นลงที่กลีบดอกไม้งามอย่างรู้จังหวะ สะโพกกลมกลึงได้รูปยักย้ายไปตามทำนองบทรักที่วาบหวาม
“พราว... พราวไม่ไหวแล้วค่ะ”
น้ำเสียงหวานพูดขึ้นอย่างทรมาน ไม่นานนักสะโพกของเธอก็ยกลอยขึ้นไปบนอากาศ จิรณ์รีบเร่งลิ้นร้ายระรัว เสียงหวีดร้องอย่างสุขสมทำให้เป็นที่พอใจของคนตัวใหญ่ ช่องทางรักหยาดเยิ้มไปด้วยน้ำหวาน แต่เขาก็จัดการกับมันจนหมด
“ตาฉันบ้าง”
น้ำเสียงรอดไรฟันดังขึ้น จากนั้นร่างบางก็ถูกพลิกให้ขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวเขา ชายหนุ่มขยับสะโพกตัวเล็กน้อยเพื่อเร่งให้หญิงสาวโยกตัวไปตามจังหวะอันเร่าร้อน ริมฝีปากอิ่มกัดเบาๆ เพื่อระงับเสียงคราง เมื่อความต้องการของร่างกายได้ก่อกำเนิดขึ้นอย่างไม่รู้อิ่ม เธอจะรู้บ้างไหมว่ามันยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่ให้คนที่มองดูอยู่อย่างไม่รู้ตัว จิณณ์ไม่อยากเร่ง เขาถนัดค่อยเป็นค่อยไป แม้จะรวดร้าวไปทั้งกายยามที่เธอกุมบังเ**ยน ซึ่งตัวเขานั้นเป็นแค่ม้าพยศตัวหนึ่ง
“แรงๆ อีก”
เขาออกคำสั่ง คนด้านบนก็ทำตามอย่างว่าง่าย พิชชาอรออกแรงเร่งจังหวะ สองเต้าเต่งเคลื่อนไปมาจนมือใหญ่ต้องเอื้อมมากอบกุมไว้ เขาสูดปากเบาๆ เสียงร้องครางดังขึ้นระงมอย่างไม่มีใครยอมใคร