ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นโดยความแค้นย่อมไม่มีพันธะทางใจผูกพัน ทว่าความรู้สึกนั้นได้เกิดขึ้นกับจิณณ์ฝ่ายเดียวเพราะสำหรับพิชชาอรแล้ว... เขาคือความรัก รักที่ไม่มีวันได้สมหวัง รักที่ไม่มีวันได้ครอบครอง นอกจากการได้เป็นของเล่นและที่ระบายอารมณ์ของเขาเท่านั้น
บางคนรู้ทุกอย่างฉลาดทุกเรื่อง แต่ไม่มีใครเอาชนะหัวใจตัวเองไปได้ เธอก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ยอมทำร้ายตัวเอง แค่เพียงได้อยู่ใกล้ ได้เห็นหน้า ได้ยินเสียง พิชชาอรเฝ้าถามตัวเองว่านี่ใช่ความสุขที่เธอต้องการจริงๆ ใช่ไหม ร่างบางถูกดึงไปกอดรัดจากอ้อมแขนแข็งแกร่ง เธอรีบกลั้นเสียงสะอื้นแล้วซุกใบหน้าลงกับอกกว้าง
“นอนเถอะ”
น้ำเสียงนุ่มกระซิบข้างหู อาจจะเป็นเพราะความง่วง เขาถึงได้อ่อนโยนกับเธอ ไม่นานนักหญิงสาวก็เข้าสู่ห้วงนิทราตามเขาไปอีกคน
เสียงนกกาบินออกหากินในตอนเช้าตรู่ ปลุกร่างบางที่สลบไสลจากการถูกสูบเอาพลังงานจากการทำกิจกรรมแทบค่อนคืนให้ตื่นลืมตา พิชชาอรพลิกตัวไปมา มือบางควานหาความอบอุ่นที่เธอได้ครอบครองตลอดคืน ทว่ากลับเจอกับความว่างเปล่า หญิงสาวผินสายตามองไปยังรอยยุบบุ๋มของหมอนและที่นอน เขาไม่เคยอยู่กับเธอถึงเช้าสักคืน และนี่ก็อีกการกระทำหนึ่งที่ตอกย้ำให้เธอรู้ตัวเสมอมาว่าเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์ให้เขาเท่านั้น...
... ไร้ค่าเมื่อเสร็จกิจ
ร่างเปลือยเปล่าชันเข่านั่ง คว้าผ้าห่มผืนหนามาปิดร่างกายไว้ ใบหน้าหวานก้มลงแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลต้อนรับแสงอรุณเมื่อคิดถึงคำพูดที่เสียดแทงใจ เจ็บจนจุกถึงตอนนี้ ใครที่เป็นคนเริ่มต้นพูดวลีเด็ดที่ว่า
‘วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน’
เพราะสำหรับเธอแล้วไม่ว่าจะเมื่อวาน วันนี้ หรือพรุ่งนี้ก็ไม่ต่างกัน
อาหารเช้าถูกยกเข้ามาเสิร์ฟในห้องอาหาร ประมุขของบ้านที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หัวโต๊ะประจำตำแหน่งกำลังมองหลานชายคนโตที่นั่งอยู่ทางขวามือของตนเอง จิณณ์กำลังสนใจแล็ปท็อปในมือ วันนี้เขามีประชุมทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ไหนจะต้องไปงานเลี้ยงรับรองลูกค้าคนสำคัญอีก แค่จินตนาการถึงเวลาที่ถูกสูบออกไปจนหมดวันก็รู้สึกเบื่อหน่ายทันที ทุกอากัปกิริยาไม่พ้นสายตาของคนเป็นย่าที่ลอบมองเป็นระยะ ท่านเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นใครบางคนกำลังเดินเข้ามาในห้องอาหารพร้อมด้วยชุดกาแฟ เรื่องฝีมือทางด้านการทำอาหารจาริณีต้องยอมรับในพรสวรรค์ของเด็กกาฝากคนนี้ เธอคงได้รับมาจากยายเต็มๆ พิมพาเป็นคนที่ทำอาหารเก่งรอบรู้ไปทุกอย่าง เป็นเสน่ห์ปลายจวักที่มัดใจสามีของนาง นึกถึงแล้วก็อดยิ้มมุมปากสมเพชตัวเองและคนที่จากโลกใบนี้ไปแล้วไม่ได้
เสียงพรูลมหายใจออกมาเบาๆ จากคนเป็นย่า ทำให้จิณณ์ต้องเงยหน้าจากสิ่งที่สนใจ เขามองที่หญิงสาวตรงหน้าซึ่งกำลังรินกาแฟใส่ถ้วยเซรามิกสไตล์เรโทรอังกฤษ สายตาของเขาจับจ้องที่มือบางขาวสะอาดบรรจงตักน้ำตาลและครีมเทียมอย่างชำนาญ จากนั้นก็คนให้เข้ากันแล้วนำมาเสิร์ฟให้ประมุขของบ้าน เธอทำแบบเดียวกันแค่คนละสูตรก่อนจะนำมาวางให้เขาโดยที่หญิงสาวไม่แม้แต่สบตากัน จิณณ์ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากเมื่อเห็นว่าต้นคองามระหงไร้ร่องรอยการฝากรักจากเขา เครื่องสำอางราคาแพงที่วางอยู่บนโต๊ะหน้ากระจกคงช่วยชีวิตเอาไว้สินะ ชายหนุ่มหยิบถ้วยกาแฟขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย แล้วต้องมองหน้าคนชงอีกครั้ง ฝีมือนิ่ง อร่อยอย่างไร้ที่ติจริงๆ
“เมื่อวานเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ร้าน”
น้ำเสียงเนิบเอ่ยถามขึ้นโดยที่สายตายังให้ความสนใจกับอาหารเช้าอยู่ จาริณีค่อยๆ หั่นไส้กรอกอย่างเบามือ ไม่มีใครรู้ว่าประมุขของบ้านกำลังคิดอะไรอยู่
“มีลูกค้ากลุ่มหนึ่งไม่พอใจในรสชาติอาหารของทางร้านค่ะ” พิชชาอรรายงานให้เจ้าของร้านทราบอย่างตรงไปตรงมา
“แล้วเธอแก้ปัญหายังไง” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอด เธอรู้ว่าคุณหญิงรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น
“พราวให้แม่ครัวจัดทำอาหารชุดใหม่ให้ลูกค้าค่ะ โดยทำรสชาติที่ลูกค้าต้องการ และก็ไม่ได้คิดเงินในส่วนของอาหารชุดแรกค่ะ”
“ก็ดี แต่ทีหลังไม่ต้องเปลี่ยนรสชาติอาหารตามใจลูกค้าหรอก ร้านของเรามีสูตรและรสชาติดั้งเดิมอยู่แล้ว ลูกค้าร้อยคนเราไม่สามารถทำให้ถูกใจทั้งร้อยคนได้ อีกอย่าง... ลูกค้าที่มาทานอาหารที่ร้าน ก็ต้องรู้สิว่าที่ร้านของเรารสชาติอาหารเป็นไปในทิศทางไหน”
จาริณีตักไข่ดาวเข้าปากเคี้ยวเบาๆ ก่อนจะปรายสายตามองดูหญิงสาวรุ่นหลานที่ยืนรับฟังอยู่ข้างๆ สายตาของคนทั้งคู่สบกันโดยมิได้นัดหมาย แต่เป็นพิชชาอรที่หลุบต่ำมองมือที่ประสานกันอยู่ด้านหน้าแทน
“ลูกค้ากลุ่มเมื่อวานเป็นหลานของเพื่อนฉันเอง ทีหลังไม่ต้องตามใจพวกเขาหรือใคร เธอเป็นถึงผู้จัดการควรจะเด็ดขาดให้มากกว่านี้”
ฟังดูผิวเผินเหมือนคำแนะนำ แต่คนที่อยู่ด้วยกันมาเกือบทั้งชีวิตอย่างพิชชาอรรู้ดีว่านั่นคือการตำหนิแบบผู้ดี จิณณ์วางมือจากอาหารเช้า เขาไล่สำรวจร่างบางที่ยืนใบหน้าซีดแล้วนึกสงสาร แต่ทำไมเขาต้องสงสารในเมื่อสิ่งที่ย่าพูดคือเรื่องจริง การยอมไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดี แล้วก็นึกสะท้อนใจกับความคิดของตัวเอง
‘ที่เธอยอมเขาก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีเช่นกัน’
“ไปเถอะ ทางนี้ให้จันทร์ดูแล”