-4- มูลค่าทางกาย
ปอไหมแทบจะไม่ได้จดอะไรลงสมุดบันทึกเลย ต่างจากปกติที่เธอแทบจะจดทุกคำพูดเวลาที่ทางมหาลัยฯ เชิญวิทยากรมีชื่อเสียงมาอบรม เพราะเธอเอาแต่หลบสายตาคมของติณณภพอยู่ตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่บางทีเขาก็ไม่ได้มองมาที่เธอด้วยซ้ำ
"เป็นอะไรอ่ะไหม วันนี้ดูรน ๆ แปลก ๆ " ปั้นหยาเห็นปอไหมมีท่าทีแปลกไปจึงถามด้วยความเป็นห่วง
"เปล่า ฉันจะไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะ"
"เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน"
"ไม่เป็นไร แกอยู่นี่แหละ ฉันไปคนเดียวได้ ไปสองคนเดี๋ยวไม่มีคนจดเลคเชอร์"
ปั้นหยาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะหันกลับไปสนใจการอบรมด้านหน้าต่อ ปล่อยให้ปอไหมลุกเดินออกไปเข้าห้องน้ำตามลำพัง
ร่างบางยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้องน้ำ ใบหน้าหวานรู้สึกเห่อร้อนทันทีเมื่อนึกถึงใบหน้าคมคายของติณณภพ มือเรียวเปิดก๊อกน้ำ กวักเอาน้ำเย็น ๆ มาลูบหน้าเพื่อดึงสติตัวเองกลับมา
"ตั้งสติหน่อยปอไหม" มือเรียวหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามาซับน้ำที่เกาะตามใบหน้า ก่อนจะเช็กระเบียบร่างกายให้เรียบร้อยแล้วจึงเดินกลับเข้าไปที่ห้องประชุมอีกครั้ง
ร่างบางเดินก้มหน้าก้มตามองพื้นตลอด เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะสายตากับติณณภพอีกครั้ง
"ขอโทษนะครับ นักศึกษาที่กำลังเดินเข้ามาผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ"
ขาเรียวที่กำลังจะก้าวขึ้นขั้นบันไดไปแถวที่สองชะงักทันที เมื่อทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอ
"ค่ะ" ร่างบางหันกลับไปตอบติณณภพคนที่ประกาศเรียกเธอออกไมค์
"เมื่อกี้นักศึกษาไม่ได้อยู่ฟังบรรยายเมื่อสักครู่ใช่ไหมครับ"
"เอ่อ ใช่ค่ะพอดีฉันไปเข้าห้องน้ำมา"
"งั้นผมขอถามว่า คุณมีความคิดเห็นยังไงกับมูลค่าในร่างกายของคุณ"
"ค่ะ" ใบหน้าหวานแสดงสีหน้าตกใจออกมาอย่างชัดเจน เพราะคำถามของเขามันเหมือนกำลังจะสื่ออะไรบ้างอย่างกับเธอ หรือเขากำลังพูดจาดูถูกเธอที่ทำงานในผับหรือเปล่า
"ก่อนหน้านี้เราบรรยายเกี่ยวกับมูลค่าทางร่างกาย และสติปัญญาในการนำไปต่อยอดในการบริหาร ผมเลยอยากได้ความคิดเห็นจากคนที่ไม่เคยฟังบรรยายว่ามีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้"
ร่างบางคลายสีหน้าลงเล็กน้อย พยายามทำความเข้าใจว่าเขาถามเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับนักศึกษาคนอื่น ๆ เท่านั้น
"ฉันคิดว่ามูลค่าทางร่างกายมีหลายด้านค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าจะบริหารมันยังไงให้เกิดประโยชน์สูงสุด บางคนเลือกที่จะบริจาคอวัยวะร่างกายเพื่อส่งต่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด บางคนใช้ร่างกายที่มีลงแรงในการทำงานเพื่อหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง บางคนใช้มันสมอง และสติปัญญาในการใช้ชีวิต ดังนั้นมูลค่าทางกายของแต่ละคนจึงมีไม่เท่ากันค่ะ"
"แล้วสำหรับคนที่ใช้ร่างกายหาเงินแต่ไม่ต้องลงแรงล่ะครับ คิดว่าคนประเภทนี้ควรมีมูลค่าเท่าไหร่"
ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันแน่น เพราะทั้งคำพูดและสายตาของเขาตอนนี้ มันตอกย้ำให้เธอมั่นใจได้ว่าเขากำลังดูถูกเธอ เพียงเพราะเขาเห็นเธอทำงานที่ผับ
"ฉันไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ว่าคนเราเอาอะไรมาวัดมูลค่าของคน แต่ถ้าเป็นคุณค่าฉันว่าน่าจะวัดที่จิตใจมากกว่า ขอตัวนะคะ" ปอไหมกล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อย ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งประจำที่ของตัวเอง
จากสายตาที่เคยมองเขาด้วยแววตาหวาดกลัว ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความน่ารังเกียจ เธอเองก็ไม่เคยไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจมาก่อน ที่สำคัญเธอและเขาเจอกันแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เขามีสิทธิ์อะไรมาตัดสินและมาดูถูกเธอ
"ตอบได้ดีครับ เห็นไหมครับที่เพื่อนนักศึกษาเมื่อสักครู่นี้ได้ตอบไป ผมถือว่าเขามีการบริหารระดับความคิดที่ดีมาก ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ฟังบรรยายไปก่อนหน้านี้" ติณณภพปรบมือให้กับปอไหมราวกับชื่นชมในคำตอบ ทว่าในสายตากลับไม่ได้มีความยินดีแสดงออกมาเลย มีเพียงสายตาเย็นชาที่มองไปยังใบหน้าหวานเท่านั้น