บทที่ 3 เมียที่รับหน้าที่พ่อของลูก 1/2

1410 คำ
กวินภพกล่อมลูกจนหลับ วันนี้เขาวุ่นวายเรื่องทำงานและเรื่องของลูกกว่าจะเสร็จทุกอย่างเล่นเอาเหนื่อยไม่น้อย ดีที่ลูกทั้งสองคนอาบน้ำช่วยตัวเองแต่งตัวได้แล้ว ไม่ต้องให้เขาช่วย แต่กว่าจะหาของที่อยากได้ครบเล่นเอาเหงื่อชื้นไปทั้งหลัง เพราะมีผิงอยู่ เขาแค่เอ่ยปากทุกอย่างก็อยู่ตรงหน้า ตอนนี้แม้แต่เสื้อผ้าที่ต้องการใส่ถึงกับต้องรื้อหาจนเละเทะกว่าจะหาเจอ แล้วกลับมาถึงโรงพยาบาล เจอเพื่อนตัวดีแอบมานั่งจับมือเมียอีก เขาหงุดหงิดแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้จนกว่าลูกจะหลับ แต่สิ่งที่รบกวนจิตใจเขาอยู่คือเรื่องค่าเทอมของเชอร์รีล ไม่รู้ว่าผิงรู้ได้ยังไง แล้วกระทั่งเดชดนัยก็รู้ ที่สำคัญประกาศอะไร เขาไม่เคยประกาศเลย จึงต้องเข้าไปหาเมียตัวเองเพื่อพูดคุยให้เข้าใจ ภริตานอนเหม่ออยู่บนเตียงผู้ป่วย วันนี้น้ำเกลือขวดที่สามแล้ว เพราะเธออ่อนเพลียมาก จึงต้องให้น้ำเกลือมากหน่อย จะได้ฟื้นตัวเร็วขึ้น เมื่อได้ยินเสียงสามีเดินมา เธอดึงผ้าขึ้นเตรียมจะนอนทันทีเพราะไม่อยากทะเลาะกับเขาอีก “ง่วงแล้วเหรอ” กวินภพที่อยากคุยให้เข้าใจ แต่เมื่อเห็นเธอกำลังจะพักผ่อนก็ไม่กล้าขัด “ใช่เราจะนอนแล้ว กวินก็เหนื่อยมามากแล้ว ไปนอนเถอะ” เธอให้เขาพักผ่อน เพราะเห็นเขาทำงานก็หนักพออยู่แล้ว ยังช่วยเธอเลี้ยงลูกอีก “คุยแป๊บนึงได้ไหม” น้ำเสียงอ่อนลงเห็นได้ชัด เธอรู้ว่าเขาคงคิดเรื่องที่ดนัยพูด แต่ว่านั่นก็คือเงินที่เขาหามาได้ เขาอยากจ่ายให้ใครเธอก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งหรอก จึงพริ้มตาหลับลงตั้งสติให้มาก และจะไม่ใช้อารมณ์ “คือว่ากิ่งเขามีปัญหานิดหน่อยน่ะ เราเลยอาสาช่วยแต่เขาไม่ได้ขอนะ เราอยากช่วยเอง” ไม่รู้ว่าเขากำลังแก้ตัวอยู่ไหม แต่ที่พูดมาล้วนปกป้องผู้หญิงคนนั้นทุกคำ จนเธอรู้สึกว่าหากเป็นเธอตกที่นั่งลำบาก หรือต้องขอความช่วยเหลือขึ้นมา เขาจะรีบยื่นมือช่วยแบบผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่านะ “อื้อ...เรารู้แล้ว” รู้แล้วที่แปลว่าไม่ยอมรับการกระทำของเขา หากเขาบริสุทธิ์ใจจริงคงปรึกษาเธอ ที่สำคัญดูเขาจะเอ็นดูเชอร์รีลมากเป็นพิเศษ ราวกับอยากอาสาเป็นพ่อเสียเอง นี่แหละคือสิ่งที่เธอเจ็บ ขนาดลูกชายลูกสาวชอบอะไรเขาไม่เคยรู้ แต่กับผู้หญิงคนนั้นกับลูกชอบอะไรไม่ชอบอะไรเขารู้หมด “รู้แล้วก็อย่าคิดมากล่ะ อย่าเที่ยวพูดไปให้...” ยังพูดไม่จบเธอก็ขัดขึ้นก่อน “กวิน...ทุกเรื่องเราไม่เคยพูด” เธอเบื่อแล้วกับการเป็นคนผิด ที่อะไรก็โยนให้เธอฝ่ายเดียว ขนาดมีใบเสร็จอยู่กับมือเธอยังไม่เคยพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ “แล้วดนัย...?” เขาลากเสียงเหมือนเชิงถาม “ไปถามผู้หญิงของกวินดีกว่า เราว่าน่าจะได้คำตอบ” เธอไม่อยากพูดมากกว่านี้ อารมณ์เธอไม่ดีและก็ไม่พร้อมคุยกับเขาด้วยเหตุผล นี่เธอทนรับฟังมาก็เจ็บปวดทุกคำอยู่แล้ว อย่าให้เธอเป็นคนผิดฝ่ายเดียวอีกเลย “กิ่งไม่ใช่ผู้หญิงของเรา!” กวินภพเถียงขึ้น เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่เคยบอกใคร และไม่รู้ว่าทุกคนรู้ได้ยังไง ขนาดผิงที่อยู่แต่บ้านเลี้ยงแต่ลูกยังรับรู้เลย เหมือนเขากำลังโดนปิดหูปิดตา แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร “เรา...ขอโทษนะ” เขาไม่รู้จะพูดอะไรดีไปกว่าคำนี้แล้ว ครั้งนี้เขาปิดบังจึงมีความผิด แต่ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดและบริสุทธิ์ใจ และเชื่อว่าคนรักจะเข้าใจเขาดี ว่าการเห็นคนที่เคยรักลำบากมันรู้สึกยังไง “ครั้งหน้ามีอะไรก็บอกเรานะ” เธอบอกเขาเสียงเรียบพยายามข่มใจให้ไม่มีอารมณ์โกรธ หวังว่าเขาจะทำตามที่ขอสักวัน ‘ได้ยินคำขอโทษจากคนรักแค่นี้ก็ยกโทษให้ ใจอ่อนเกินไปไหมผิง เบื่อตัวเองจริง ๆ’ หลังจากออกจากโรงพยาบาลได้สองอาทิตย์ เขาก็ยังคงทำงานหนักเหมือนเดิม แต่ที่โรงเรียนลูกเชิญผู้ปกครองให้ไปร่วมกิจกรรมในวันปีใหม่ มีแข่งกีฬาสำหรับนักเรียน เธอจึงคิดว่าชวนเขาไปร่วมกิจกรรมกับเด็ก ๆ ในวันที่ 22ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่เปิดเรียนวันสุดท้ายก่อนปิดปีใหม่ ของโรงเรียนอนุบาลไบรตันสคูล @ช่องแชทส่วนตัว ภรรยาแสนดี: วันศุกร์นี้ว่างไหม โรงเรียนของเด็ก ๆ มีกิจกรรมฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ มีแข่งกีฬาและแจกของขวัญ (เธอส่งไปหลายนาที กว่าจะเห็นว่าเขาอ่านแต่...เขาไม่ตอบ) หลายปีมานี้ตั้งแต่แต่งงาน แชทเธอหนักขวามาตลอด ไม่เคยเลยที่เขาจะพูดมากกว่าเธอ เธอสับสนและถามตัวเองหลายครั้งกำลังทำอะไรอยู่เหรอ จากที่ยิ้มรอสามีตอบตกลง เธอก็เห็นแล้วว่าเขาคงไม่ว่างและไม่อยากไปกับเธอ จึงส่งกลับไปอีกข้อความ ภรรยาแสนดี: ถ้าไม่ว่างไม่เป็นไรนะ ใกล้สิ้นปีบริษัทวุ่นวายน่าดู เธอรู้ว่าใกล้จะปีใหม่ต้องปิดงานทุกอย่างตรวจเช็ก สต๊อกสิ้นปี ปิดบัญชีสิ้นปี ทุกอย่างล้วนจัดการให้เสร็จก่อนปิดปีใหม่ การเป็นเจ้าของบริษัทไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบมากมาย และเธอก็เข้าใจเขา แต่เขาไม่เคยเข้าใจเธอเลยนี่สิ ว่าหน้าที่พ่อแม่ก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นเธอจะรับหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ให้เด็ก ๆ ไปร่วมงานกิจกรรมคริสต์มาสก็แล้วกัน จะได้ไม่รบกวนเขา ขณะที่ยังนั่งเหม่อลอยคิดเรื่องสามีไปไกลแล้วนั้น เธอก็สะดุ้งขึ้นเมื่อกล้ากวีวิ่งมาในบ้าน พร้อมกับแก้วกัลยา ที่มารถรับส่งนักเรียน เรื่องขอนั่งรถของโรงเรียนเป็นกล้ากวีที่เป็นคนคิดเอง เพราะไม่อยากให้แม่เหนื่อย และก็เป็นบริการของโรงเรียนไบรตันที่อยากลดภาระของผู้ปกครอง เธอยิ้มให้กับลูกชายลูกสาว แล้วหอมหัวกันคนละฟอด “เหนื่อยไหมคะลูก แม่ทำน้ำส้มคั้นเย็น ๆ กับเยลลี่อร่อย ๆ ไว้ให้ด้วย รีบไปอาบน้ำแล้วก็มาทานกันดีไหม” เสียงสดใสของแม่เปล่งออกมา แต่เหมือนลูกชายจะไม่ได้สนใจเรื่องของกิน เพราะเขาเอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวดจนแทบผูกโบว์ได้ ราวกับมีเรื่องไม่สบายใจคิดไม่ตกเหมือนผู้ใหญ่ ทั้งที่เจ้าอ้วนตุ้ยนุ้ยของเธอที่อายุแค่สี่ขวบ “พี่กล้า มีอะไรเหรอลูก” เธอเห็นความผิดปกติของลูกชาย จึงถามขึ้น เพราะไม่รู้ว่าลูกไปเจออะไรมา หรือนั่งรถโรงเรียนไม่สะดวก เธอขับรถพาไปส่งเหมือนเดิมก็ได้ไม่ได้ลำบากอะไร แล้วลูก ๆ ก็ไม่ต้องเบียดกับคนอื่น “เห้อ...พ่อฉิคะแม่ขา” เป็นแก้วกัลยาที่ถัดตัวขึ้นนั่งจุ้มปุ๊กบนโซฟาข้างเธอ และขนาบข้างด้วยลูกชายสุดที่รักที่เป็นต้นเหตุของความสงสัยทั้งหมด “พ่อทำไมเหรอลูก เขาไปทำงานนี่คะ” “แต่มีเวลาไปรับเชอร์รีล ทั้ง ๆ ที่เราสองคนก็เป็นลูก หรือผมไม่ใช่ลูกพ่อใช่ไหมฮะแม่?” กล้ากวีเปล่งเสียงตัดพ้อคนเป็นพ่อให้แม่ได้ฟัง ทั้งทำสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก คำพูดของกล้ากวีทำเธอจุกไปทั้งอก ที่เขาไม่ตอบเพราะยุ่งเรื่องไปรับลูกคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ลูกตัวเองขึ้นรถโรงเรียนกลับ นี่มันอะไรกัน เขายังเป็นพ่อคนได้เหรอ “ตาฝาดหรือเปล่าลูก” “ไม่ฝาดฮะแม่ รถพ่อกล้าจำได้” เธอหมดคำจะพูด คำขอโทษครั้งนั้น เขาทำเพื่ออยากให้มันผ่าน ๆ ไปใช่ไหม แล้วก็กลับมาทำอีก หากอยากรับผิดชอบบ้านนั้นนัก บอกเธอคำเดียวเธอจะหลีกทางให้ แต่ลูกต้องให้เธอดูแล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม