2 NITA | หมางเมิน

1969 คำ
ฉันได้แต่ถอนหายใจอยู่หน้ากระจกเมื่อคิดถึงตอนที่เปิดพินัยกรรมเมื่อสามเดือนก่อน ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณชีวินถึงทำแบบนี้กันแน่ “เฮ้ออ คุณชีวินคะ พี่ชินคงเกลียดฉันจนไม่อยากเจอหน้าแล้วล่ะ” จะมีเจ้าสาวสักกี่คนที่ต้องตื่นมาบนเตียงคนเดียวทั้งที่เพิ่งแต่งงานและเข้าหอไปได้ไม่ถึงวัน แม่บ้านบอกว่าพี่ชินออกไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างและคงไม่กลับมาอีกพักใหญ่ มันเป็นเรื่องที่ฉันต้องเจอตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมา พี่ชินพยายามหาทางที่จะไม่ต้องแต่งงานกับฉันและทำให้พินัยกรรมเป็นโมฆะแต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายเขาเลยต้องยอมทั้งที่ไม่ต้องการแม้แต่น้อย “ฉันควรทำยังไงต่อดีนะ....” ฉันรู้ว่าพี่ชินไม่เคยคิดอะไรกับฉันเกินกว่าคำว่าพี่น้อง มีแค่ฉันฝ่ายเดียวที่แอบรักเขามาตั้งแต่เมื่อก่อน ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ฉันก็ไม่เคยอยากให้เขาต้องมาตอบรับความรู้สึกของฉันสักหน่อย แค่ได้มองดูเขาอยู่ใกล้ ๆ มันก็ทำให้มีความสุขมากแล้วแท้ ๆ “คิดไปก็ปวดหัว ออกไปทำงานดีกว่า” แม้จะเพิ่งเข้าพิธีแต่งงานไปแต่ฉันไม่อยากหมกตัวอยู่แต่ในบ้านให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้อีกแล้ว เรื่องของพี่ชินไม่แน่ว่าถ้าฉันให้เวลาเขาสักหน่อยมันอาจจะค่อย ๆ ดีขึ้นก็ได้ ตอนนี้บริษัทของพี่ชินยังไม่มีคนขึ้นเป็นประธานแทนคุณชีวินที่เสียชีวิตไปฉันเลยต้องรับหน้าที่รักษาการณ์ชั่วคราวไปก่อนจนกว่าพี่ชินจะพร้อมเข้ารับตำแหน่ง แม้จะมีเสียงคัดค้านจากกรรมการคนอื่นแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้เพราะคุณชีวินได้จัดการทุกอย่างไว้ก่อนตายเรียบร้อยแล้ว “สวัสดีค่ะ คุณนิตา” “สวัสดีค่ะ” ฉันเข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่สมัยเรียนเลยเป็นที่รู้จักของพนักงาน เรื่องการบริหารก็ได้คุณชีวินนี่แหล่ะที่คอยช่วยสั่งสอนให้ “มีงานอะไรค้างเอาเข้ามาได้เลยนะ” “ค่ะ คุณนิตา” ฉันใช้เวลาทั้งวันในการเคลียร์งานทั้งหมดเพราะก่อนหน้านี้ต้องไปเตรียมงานแต่งงานเลยทำให้มีเอกสารตกค้างจำนวนหนึ่ง พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งตะวันก็ตกดินไปแล้ว “ป่านนี้แล้วเหรอ” พนักงานทั้งหมดกลับบ้านไปแล้วเหลือแค่ฉันกับยามที่เฝ้าด้านหน้าเท่านั้น บรรยายเงียบเหงาของที่นี่แอบทำให้รู้สึกเศร้าเล็กน้อย ตั้งแต่คุณชีวินเสียที่นี่ก็เปลี่ยนไปเยอะมากทุกคนต่างโศกเศร้ากับการสูญเสียครั้งนี้ คุณชีวินเป็นเจ้านายที่ใจดีและไม่เคยถือตัวกับลูกน้องเลย “ป่านนี้ไม่รู้จักกลับบ้าน คิดจะทำดีเอาหน้าไปถึงเมื่อไหร่” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่คุ้นตา พี่ชินเดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวอีกคนที่แต่งกายเซ็กซี่และยั่วยวน “พี่ชินขาา งั้นเราค่อยเจอกันใหม่นะคะ” “ได้สิคนสวย” เธอยืดตัวหอมแก้มเขาแล้วหันหลังเดินออกไป ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนกำหมัดอยู่แบบนั้น ในใจเจ็บแปลบ ๆ กับสิ่งที่พี่ชินทำ “สวัสดีค่ะพี่ชิน” “.....” เขาไม่ตอบแต่กลับเดินผ่านไปเหมือนฉันเป็นเพียงอากาศธาตุ ฉันเลยทำได้แค่เดินตามเขากลับเข้าไปในห้องทำงานทั้งที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจจะกลับบ้านแท้ ๆ “อาทิตย์หน้าฉันจะเข้ามาทำงานที่นี่ เก็บข้าวของเธอออกไปซะ” “คะ?” “ฉันไล่เธอออกไง โง่จนฟังภาษาคนไม่ออกแล้วเหรอ” “พี่ชิน....” “หวังว่าอาทิตย์หน้าฉันจะไม่เห็นหน้าของเธอลอยไปลอยมาในบริษัทของฉันนะ นิตา สำเหนียกตัวเองหน่อยสิว่าเธอมันไม่ได้มีสิทธิ์ในที่แห่งนี้เลย” คำพูดของพี่ชินเหมือนมีดที่กรีดหัวใจฉันซ้ำ ๆ เขาเย็นชากับฉันเหมือนเราเป็นคนแปลกหน้าต่อกันและกันไม่มีผิด “เข้าใจ...แล้วค่ะ” “ออกไปได้แล้ว เห็นหน้าเธอแล้วฉันอยากจะอ้วก” ตลอดการพูดคุยพี่ชินไม่แม้แต่จะมองหน้าฉันด้วยซ้ำ เขาก้มหน้าอ่านเอกสารอย่างตั้งใจ ส่วนฉันก็ยืนนิ่งให้เขาไล่เหมือนยัยโง่คนหนึ่ง “ค่ะ” ฉันไม่อยากฟังอะไรที่ร้ายกาจจากปากเขาอีกแล้ว ตอนนี้ต่อให้พูดอะไรไปพี่ชินก็คงไม่ฟัง ฉันนึกว่าระหว่างเราอาจมีอะไรดีขึ้นแล้วแท้ ๆ หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่ได้เจอกับพี่ชินอีกเลยตลอดสัปดาห์ เขากลับบ้านแค่ตอนฉันหลับและออกไปก่อนฉันตื่น ข่าวเรื่องที่ฉันลาออกและพี่ชินจะเข้ามาบริหารทำให้เกิดข่าวลือมากมายขึ้น บ้างก็ว่าพี่ชินรักฉันมากจนไม่ยอมให้ทำงาน บ้างก็ว่าพี่ชินจงใจไล่ฉันออกเพราะไม่อยากให้ฮุบบริษัทไป ฉันไม่สนใจข่าวลือพวกนั้นหรอก ยังไงซะวันนี้ก็วันสุดท้ายที่ฉันจะทำงานที่นี่แล้วหลังจากนี้ฉันก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคนพวกนี้อีก “ไปดีมาดีนะคะ คุณนิตา” “ขอบคุณนะคะ” เลขาคนเก่าของคุณชีวินช่วยขนของมาใส่ท้ายรถ เธอเป็นคนที่หวังดีกับฉันมาตลอด ทั้งคอยช่วยเหลือเรื่องต่าง ๆ อีกด้วย “ฉันฝากพี่ชินด้วยนะคะ” “ได้เลยค่ะ ฉันจะช่วยดูแลท่านประธานให้” เอาตรง ๆ ก็แอบใจหายไม่น้อยเพราะฉันก็ทำงานที่นี่มานาน ความทรงจำดี ๆ มีอยู่เยอะมากจนเล่าออกมาไม่หมดแต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้คำสั่งของพี่ชินถือว่าเป็นคำขาด ครืดด ครืดด “ว่าไงเนเน่ เนเน่ น้องสาวและญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของฉัน ปีนี้เธออายุ 19 ปีแล้วห่างกับฉัน 5 ปีและกำลังขึ้นมหาลัยปีหนึ่ง (คิดถึงอ่ะ ไปหาไรกินกัน) “ได้สิ เดี๋ยวพี่ไปรับที่หอนะ” (อื้อ รีบมาน้าาา หนูหิวจะแย่แล้ว) ฉันขับรถมุ่งตรงไปยังหอพักของน้องสาว ไม่นานก็มาถึงเพราะรถไม่ได้ติดมากอย่าที่คิด เนเน่เดินเข้ามาหาก่อนจะเปิดประตูขึ้นมานั่ง “จะกินไรดีตัวแสบ?” “เวลาแบบนี้ก็ต้องชาบูอยู่แล้วว” “ร้านเดิมนะ” “อื้อ ไปกันเล้ยยย” เนเน่เป็นคนที่สดใสและร่าเริงเสมอไม่ว่าจะเจอกับอะไรก็ตาม เธอจะยังคงยิ้มและหัวเราะก่อนจะก้าวไปข้างหน้า เป็นคนที่ทำให้ฉันยังยืนหยัดได้ “ว่าแต่หลังจากนี้พี่จะเอาไงต่อ?” เนเน่รู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับพี่ชินแล้ว ตอนแรกเธอโมโหมากแล้วจะไม่ยอมให้ฉันแต่งงานด้วยซ้ำไปเพราะไม่อยากให้ฉันเสียใจแต่คนที่เลือกจะเดินเข้าพิธีแต่งงานก็คือฉันเองแม้จะรู้ว่าต้องเจอกับอะไรก็ตาม “พี่ว่าจะหางานใหม่ทำ ไม่เป็นไรหรอกน่า ยังไงหลังพี่ชินเข้ารับตำแหน่งพี่ก็ว่าจะลาออกอยู่แล้ว” มันเป็นความตั้งใจเดิมของฉันที่จะลาออกด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง นี่ก็แค่ไวกว่าที่คิดไว้นิดหน่อยเท่านั้น “เขายังพูดจาทำร้ายพี่อยู่ไหม?” “....” “พี่นิตา พี่ไม่จำเป็นต้องทนด้วยซ้ำนะ!” ฉันเข้าใจในสิ่งที่เนเน่พูดดีแต่ว่าลึกๆแล้วฉันเองก็อดยังคาดหวังไม่ได้ พี่ชินไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรเขาแค่กำลังโกรธที่ถูกบังคับเท่านั้นเอง “เนเน่ พี่ไม่เป็นไร” ฉันพยายามทำให้น้องสาวตัวเองใจเย็นลงเธอเลยทำได้แค่แสดงท่าทีไม่พอใจแล้วไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เราเลือกมากินชาบูร้านโปรดตั้งอารมณ์ของเนเน่เลยดีขึ้นเรื่อย ๆ “อร่อยไหมตัวแสบ” “อื้ออ อร่อยที่สุดเลยยย” เราสองพี่น้องไปเดินเล่นกันต่อที่ห้างในเมือง ต่างคนต่างเลือกชุดให้กันและกัน ว่าจะพากลับบ้านก็ดึกมากแล้ว “งั้นกลับดี ๆ นะพี่ รักพี่นะ” “พี่ก็รักเนเน่ ดูแลตัวเองดี ๆ นะ” ฉันจอดรถส่งน้องจนเธอเดินเข้าตึกไปเรียบร้อยถึงได้ขับรถออกมา จะว่าไปก็ไม่ค่อยอยากกลับบ้านเท่าไหร่เลยกลับไปก็ไม่เจอใครอยู่ดี “ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว สักแก้วก็น่าจะดี” พอคิดได้แบบนั้นฉันเลยเปลี่ยนจุดหมายจากบ้านเป็นผับแห่งหนึ่ง ที่นั่นค่อนข้างมีชื่อเสียงและรับแต่ลูกค้าระดับสูง ฉันเองก็เป็นเมมเบอร์ของที่นี่แม้จะไม่ค่อยมาก็ตาม มันอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ฉันขับรถเลยใช้เวลาแค่ไม่ถึง 20 นาทีก็มาถึงแล้ว สิ่งแรกที่สัมผัสได้หลังก้าวขาเข้ามาในผับคือเพลงที่กำลังเปิดให้ผู้คนโยกกายอย่างเมามันส์ แสง สี เสียงเรียกได้ว่าจัดเต็ม บรรดาแขกมากหน้าหลายตาต่างพากันยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มไม่มีหยุด “รับอะไรดีครับคุณผู้หญิง?” “ขอโซนวีไอพีที่ส่วนตัวที่สุดค่ะ” ฉันหยิบบัตรที่คุณชีวินทำไว้ให้ออกมาส่งให้กับพนักงาน เขารับไปพิจารณาดูก่อนผายมือเชิญไปยังห้องวีไอพี ถึงมันจะแพงไปหน่อยแต่สักครั้งในชีวิตฉันก็อยากลองทำอะไรแบบนี้บ้าง “จะรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ” “อืมม ขอเป็นพิงค์เลดี้แล้วกันค่ะ” “ได้ครับ” ผ่านไปสักพักบริกรก็เดินกลับมาพร้อมเครื่องดื่มสีสวยในถาดมันดูน่ากินและน่าลองมากเลย ถึงจะเคยดื่มพวกค็อกเทลมาบ้างเวลาเข้างานสังคมแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ดื่มเจ้านี่เลย “ขอบคุณมากค่ะ” บริกรโค้งคำนับก่อนจะเดินออกจากห้องไป ในห้องตกอยู่ใต้ความเงียบสงัด เสียงเพลงด้านนอกเองก็ไม่สามารถดังเข้ามาได้ “เฮ้อออ” ฉันถอนหายใจยาวออกมาด้วยความเหนื่อยล้าก่อนจะยกเหล้าขึ้นมาจิบเล็กน้อย มันอร่อยและกินง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะเลย รู้ตัวอีกทีฉันก็ซัดหมดไปแล้ว บริกรเองก็ค่อยมาเติมให้เรื่อย ๆ จนกว่าฉันจะสั่งให้หยุด บนโต๊ะเริ่มเต็มไปด้วยแก้วที่ว่างเปล่า จากหนึ่งใบเป็นสองใบและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีหยุด แกร๊ก “เอามาอีกได้เลยค่ะ” ฉันส่งเสียงบอกพนักงานโดยไม่หันไปมองพลางยกแก้วเหล้าแก้วที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ขึ้นมาดื่ม พอกินก็หยุดไม่ได้เหมือนได้ปลดปล่อยความไม่สบายใจออกไปเลย “หึ มายั่วผู้ชายคนอื่นทั้งที่เพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน เธอนี่มันเลวจริง ๆ” “ครายยน่ะ.....” “คนที่เธออยากได้เป็นผัวนักหนาไง” ตอนนี้ฉันไม่มีแม้แต่แรงจะแกะมือที่กำลังบีบแขนด้วยซ้ำ ภาพตรงหน้าพร่าเลือนจนแยกแยะอะไรไม่ออก ในหัวมึนงงจนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว “ฉานนไม่มีผัวสักหน่อย.... “ไม่มีผัว?” “โอ๊ยย!!!” แรงบีบที่แขนทำฉันนิ้วหน้าด้วยความเจ็บก่อนที่เขาจะดึงฉันเข้าไปหาจนใบหน้าแทบจะชนกันอยู่แล้ว “อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำซากนะนิตา ทำตัวดี ๆ ให้สมกับอยากเป็นเมียฉันหน่อย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม