5 NITA | ความหวังที่ไม่มีวันเป็นจริง

1926 คำ
ฉันตื่นมาบนเตียงที่ความว่างเปล่าในเช้าของอีกวันไม่มีร่องรอยของพี่ชินอยู่บนเตียง มีเพียงคราบน้ำรักที่เปรอะไปทั่วบนที่นอนเท่านั้น เมื่อคืนพี่ชินเมามากจนฉันแอบกลัว เขาไม่อ่อนโยนยิ่งกว่าคืนแรกที่เราเข้าหอกันซะอีก “โอ๊ยย....” เนื้อตัวฉันมีแต่รอยฟกช้ำเต็มไปหมดราวกับไปฟัดกับตัวอะไรสักอย่างมาและแน่นอนว่าตัวต้นเหตุของเรื่องครั้งนี้ก็ไม่อยู่อีกตามเคย นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ฉันตื่นมาคนเดียวหลังมีเซ็กส์..... “คาดหวังอะไรกันนะตัวเรา” ถึงตอนแรกฉันอาจจะไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่แต่สุดท้ายก็แพ้เขาตลอด ฉันรักเขาแม้ว่าพี่ชินจะทำตัวร้ายกาจก็ตามจะหาว่าฉันโง่ก็ได้ “ไปทำงานดีกว่า อะ โอ๊ย~” หลังจากหอบร่างพัง ๆ ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วฉันก็ต้องมาปกปิดรอยช้ำตามร่างกายให้ได้มากที่สุด ยังดีที่ส่วนใหญ่เขาทำรอยใต้ร่มผ้าฉันเลยพอปกปิดได้ ในบ้านเงียบเหงาเหมือนกับทุกครั้งไม่มีอะไรเปลี่ยนไป บรรยากาศในบ้านทำฉันอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ไม่น่าเชื่อว่าครั้งหนึ่งที่นี่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ “คิดถึงจังเลย....” ฉันคิดถึงพี่ชินที่แสนใจดีและอ่อนโยน คนที่มักมีรอยยิ้มประดับใบหน้าอยู่เสมอ คนที่มักปลอบใจเวลาฉันฝันร้ายแต่มันคงไม่มีวันนั้นอีกแล้ว ฉันหันหลังให้กับห้องนั่งเล่นแล้วเดินออกไปทันที ไม่มีประโยชน์ที่จะจมอยู่กับอดีตอีกต่อไป ฉันเองก็มีเป้าหมายและสิ่งที่อยากทำอยู่ “อีกไม่นานนิตาจะคืนอิสระให้นะคะ พี่ชิน” ฉันพูดออกมาเบา ๆ ก่อนจะรีบขับรถออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน เมื่อมาถึงบริษัทก็เจอกับคุณพศิณที่เพิ่งมาถือพอดี “อ้าวคุณนิตา มาเช้าจังเลยนะครับ” “สวัสดีค่ะคุณพศิณ” “ครับ วันนี้อากาศดีนะครับ” ฉันกับเขาเดินเข้าบริษัทไปด้วยกัน ตลอดระยะทางเขาทักทายพนักงานทุกคนที่เจออย่างเป็นกันเอง ทุกคนดูจะชอบคุณพศิณน่าดู “คุณใจดีจังเลยนะคะ” “ครับ?” เพราะเอาแต่มองหน้าเขาเลยทำให้ฉันเผลอพูดออกไปโดยไม่ทันคิด พอรู้ตัวอีกทีก็เห็นรอยยิ้มเอ็นดูจากประธานหนุ่มแล้ว “ขะ ขอโทษค่ะ ฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย” “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ” ฉันเกาคอแก้เก้อก่อนจะรีบเดินไปที่โต๊ะทำงาน ถ้าได้ยินไม่ผิดเหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะจากเขาด้วย น่าอายเป็นบ้าเลย! “งะ งั้นเดี๋ยวฉันจะรีบเอาเอกสารช่วงเช้าเข้าไปให้นะคะ” “ครับ ไม่ต้องรีบนะ” เขาพูดก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องทำงานส่วนฉันก็เริ่มลงมือทำหน้าที่ของตัวเอง อาจเพราะว่าเป็นงานที่คุ้นเคยอยู่แล้วฉันเลยปรับตัวได้ไม่ยากเท่าไหร่ “คุณนิตาครับ วันนี้ตอนเที่ยงรบกวนคุณออกไปทานข้าวกับลูกค้าด้วยกันกับผมได้ไหมครับ” “ได้ค่ะ” ฉันกับคุณพศิณเตรียมออกจากบริษัทตอนเกือบเที่ยงเพื่อไปทานอาหารกับลูกค้า ระหว่างทางเขาก็พยายามหาเรื่องมาคุยเพื่อไม่ให้ฉันเกร็งจนเกินไป “ไม่ต้องเกร็งนะครับ ลูกค้าคนนี้เป็นลูกค้าประจำของเรา นาน ๆ ทีก็จะมีออกมาเจอกันนอกรอบบ้าง” “ฉันโอเคค่ะ แค่กลัวตัวเองทำออกมาได้ไม่ดี” “ผมเชื่อว่าคุณนิตาจะทำได้ดีแน่นอนครับ” เขาล้วงมือเข้าไปในเสื้อสูทแล้วหยิบลูกอมรสองุ่นมายื่นให้ เล่นเอาฉันงงไปเลย “ของหวานช่วยให้หายเครียดได้ครับ ลองดูนะ” ฉันรับลูกอมมาแกะออกแล้วส่งเข้าปาก รสชาติและกลิ่นหอม ๆ ของมันทำให้ฉันผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ตัว “ดีขึ้นไหมครับ?” “ค่ะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว” ไม่นานเราทั้งคู่ก็มาถึงร้านอาหรหรูกลางเมือง คุณพศิณพาเราขึ้นไปยังห้องส่วนตัวที่จองไว้ ที่นั่นลูกค้าของเขากำลังรออยู่ “ถึงแล้วครับ” ในห้องอาหารมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ ข้าง ๆ เขามีหญิงสาวที่อุ้มทารกน้อยอยู่ด้วย “ไงวินซ์” “ไงพศิณ” สองหนุ่มลุกขึ้นมาจับมือกับก่อนจะนั่งลง คุณพศิณแนะนำฉันให้อีกฝ่ายได้รู้จักพร้อมกับแนะนำภรรยากับลูกน้อยของเขาด้วย “นี่ภรรยาฉันชื่อว่า เกรซ ส่วนนี่ลูกชายฉันชื่อว่า วิคเตอร์” “สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ” หลังทักทายและแนะนำตัวให้กันและกันได้รู้จักพนักงานก็ทยอยเอาอาหารเข้ามาเสริฟ บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นและเรียบง่าย แม้จะมีการพูดเรื่องธุรกิจกันบ้างแต่ส่วนใหญ่คุณวินซ์จะออกแนวอยากอวดลูกมากกว่า ฉันกับคุณพศิณก็เลยต้องตามน้ำไปเรื่อย ๆ เพราะไม่อยากเสียมารยาทก่อนที่สองหนุ่มจะชวนกันออกไปสูบบุหรี่ ในห้องเลยเหลือแค่ฉันกับภรรยาของคุณวินซ์เท่านั้น “วิคเตอร์น่ารักมากเลยนะคะ” ฉันเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา ทารกน้อยขยับตัวอยู่ในห่อผ้าเล็กน้อยส่วนคุณเกรซก็เผยรอยยิ้มพอใจออกมา “ใช่ค่ะ กว่าฉันกับวินซ์จะมีลูกกันก็ใช้เวลาหลายปี ร่างกายฉันไม่ค่อยแข็งแรงน่ะคะเลยมีลูกยาก พอมีวิคเตอร์เราเลยตั้งใจจะมอบความรักให้กับเขามากที่สุด” “ฉันดีใจด้วยนะคะ เขาต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่มีพ่อแม่แบบพวกคุณ” “แล้วคุณมีสามีกับลูกหรือยังคะ? ขอโทษนะคะที่เสียมารยาทถาม” “อ้อ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังไม่มีลูกค่ะแต่แต่งงานแล้ว” เกรซทำหน้าเสียดายเล็กน้อยก่อนจะกระชับทารกน้อยเอาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะพูดต่อ “เสียดายจัง ถ้าคุณโสดฉันก็อยากแนะนำพศิณให้กับคุณนะคะ เขาเป็นคนดีมากเลย” ฉันได้แต่ยิ้มตอบรับเพราะมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เราสองคนคุยถูกคอกันมากคงเพราะอายุไล่เลี่ยกันเลยแลกข้อมูลติดต่อกันไว้ด้วยก่อนที่เราจะแยกย้ายกันกลับ “ไว้เจอกันใหม่นะคะ พศิณ นิตา” “ค่ะ คุณเกรซ” »»»»«««« อีกด้านชินที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานก็กำลังนั่งปวดหัวกับงานอยู่ที่บริษัท เขาตื่นเช้าจนเป็นนิสัยไปแล้วแม้จะเมาแค่ไหนก็ตาม “เอกสารบ้าบออะไรนักหนาว่ะเนี่ย” เขาปาเอกสารลงบนโต๊ะด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้ไว้พลางคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เขาจำไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจำได้แค่ตัวเองนั่งรอนิตาอยู่ในห้องนั่งเล่นเท่านั้น ตื่นมาอีกทีก็ต่างคนต่างเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าปกปิดแถมเนื้อตัวเธอก็เหมือนไปฟัดกับหมาบ้ามาไม่มีผิด ผิวขาว ๆ มีแต่รอยแดงและรอยช้ำเต็มตัวเต็มหลังไปหมด “เฮ้ออ เมาเป็นหมาเลยให้ตายเถอะ” ชินหยิบกาแฟดำมาดื่มรวดเดียวจนหมดแล้วสะบัดหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่านออก ทำไมเขาจะต้องรู้สึกผิดด้วย? เธอเป็นเมียเขาก็ถูกแล้วที่จะต้องเป็นที่ระบายอารมณ์ให้กับเขา อีกอย่างต้นเหตุมันก็มาจากเธอทั้งนั้น “หงุดหงิดจริง ๆ” ถึงจะพยายามบอกให้ตัวเองไม่ต้องใส่ใจมากแค่ไหนแต่สุดท้ายเรื่องของนิตาก็ยังรบกวนเขาจนถึงเวลาเลิกงาน ความรู้สึกผิดกำลังเล่นงานเขาอยู่.... “ทำไมฉันต้องมาสงสารผู้หญิงแบบเธอด้วย!” ชินสบถออกมาอย่าหัวเสียก่อนจะขับรถมุ่งตรงไปที่ผับเพื่อดื่มเหล้าคลายเครียด ตั้งแต่พ่อตายเขาก็ดื่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งแต่งงานก็ยิ่งปล่อยปละละเลยตัวเอง เพื่อนของเขาจองห้องไว้รอแล้วเมื่อชินมาถึงเขาก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหรูอย่างเซ็ง ๆ พร้อมกับคว้าแก้วน้ำสีอำพันมายกดื่มรวดเดียวหมด “เฮ้ยย เพิ่งมาก็จะเมาแล้วเหรอว่ะ” เจตต์เพื่อนสนิทของชินเอ่ยปากขึ้นเมื่อเห็นว่าเขาดื่มเหล้าไม่ต่างจากดื่มน้ำเปล่า แม้เขาเองจะชอบเที่ยวแต่ก็ไม่ได้หนักเท่าหมอนี่ที่ออกเที่ยวกลางคืนทุกวัน “พูดมาก ไม่แดกก็กลับไป” ชินหันไปด่าเจตต์ก่อนจะคว้าขวดเหล้าดีกรีสูงมารินเพิ่ม เจตต์ได้แต่ส่ายหัวให้กับความผีเข้าผีออกของเพื่อนสนิท “ชิน มึงจะไม่คุยกับน้องเขาดี ๆ จริง ๆ เหรอว่ะ” เจตต์รู้ทุกเรื่องและเขาเองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ชินเอาแต่โกรธนิตาจนขาดสติแบบนี้ เขาเองก็พอรู้นิสัยของหญิงสาวอยู่บ้างเลยไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะทำอย่างที่ชินกล่าวหา “คุยเหี้ยไร กูไม่คุย” “เออ เรื่องของมึงแล้วกัน สักวันน้องเขาหนีไปแล้วมึงมานั่งร้องไห้กูจะด่าซ้ำให้ดู” “ฝันไปเถอะ” สองหนุ่มนั่งฟังเพลงและดื่มเหล้าด้วยกันตามปกติก่อนที่เจตต์จะเริ่มเด็กมานั่งดริ้งก์ด้วยโดยไม่ลืมหันไปถามชายหนุ่มข้างกาย “มึงเอาไหม?” “ไม่” “อะไรว่ะ ปากก็บอกไม่รักไม่สนเขาแต่กูไม่เห็นมึงยุ่งกับใครที่ไหนหลังแต่งงานเลยทั้งที่เมื่อก่อนขาดไม่ได้แท้ ๆ” ชินเองก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่เลยสักนิด เขาไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอแต่ที่ต้องทำก็เพื่อรักษาสมบัติของพ่อเอาไว้ต่างหากแล้วทำไมเขาต้องมานั่งเกรงใจเธอด้วย “ไม่ต้องเสือก มึงจะหิ้วสาวไปกินไหนก็ไป” “เออ ๆ ๆ แดกไปคนเดียวเลยมึง ทำตัวเป็นหมาบ้าไปได้” เจตต์ควงสาวออกไปนอกห้องทิ้งให้ชินนั่งดื่มอยู่คนเดียว มีสาว ๆ หลายคนส่งสายตาเชิญชวนเข้ามาให้แต่ชินกลับเมินซะอย่างนั้น “อะไรของกูว่ะ แม่ง....” เขาตัดสินใจที่จะลองทำบางอย่างจึงกวาดสายตามองไปนอกห้องจนพบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่หนึ่งที่มองมาอย่างเชิญชวน ชินหยิบแก้วเหล้าติดมือออกมาด้วยและเดินเข้าไปหาเป้าหมายทันที “ผมเห็นคุณมองผม มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเป็นที่จับจ้องของคนอื่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้วเพราะงั้นการเข้าหาผู้หญิงคนหนึ่งเลยไม่ได้ยากเย็นเท่าไหร่ “ฉันแค่คุ้นหน้าคุณค่ะ แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก....” นิ้วเรียวสวยของหญิงสาวตรงหน้ากรีดไปตามแผงอกล่ำ เธอส่งสายตายั่วยวนชายตรงหน้าสุดกำลัง ชินเผยรอยยิ้มมากเสน่ห์ออกมาก่อนจะก้มลงไปกระซิบท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังลั่น “งั้น...สนใจไปนึกต่อที่ห้องกับผมไหมครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม