ฉันตื่นมาบนเตียงที่ความว่างเปล่าในเช้าของอีกวันไม่มีร่องรอยของพี่ชินอยู่บนเตียง มีเพียงคราบน้ำรักที่เปรอะไปทั่วบนที่นอนเท่านั้น เมื่อคืนพี่ชินเมามากจนฉันแอบกลัว เขาไม่อ่อนโยนยิ่งกว่าคืนแรกที่เราเข้าหอกันซะอีก
“โอ๊ยย....”
เนื้อตัวฉันมีแต่รอยฟกช้ำเต็มไปหมดราวกับไปฟัดกับตัวอะไรสักอย่างมาและแน่นอนว่าตัวต้นเหตุของเรื่องครั้งนี้ก็ไม่อยู่อีกตามเคย
นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ฉันตื่นมาคนเดียวหลังมีเซ็กส์.....
“คาดหวังอะไรกันนะตัวเรา”
ถึงตอนแรกฉันอาจจะไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่แต่สุดท้ายก็แพ้เขาตลอด ฉันรักเขาแม้ว่าพี่ชินจะทำตัวร้ายกาจก็ตามจะหาว่าฉันโง่ก็ได้
“ไปทำงานดีกว่า อะ โอ๊ย~”
หลังจากหอบร่างพัง ๆ ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วฉันก็ต้องมาปกปิดรอยช้ำตามร่างกายให้ได้มากที่สุด ยังดีที่ส่วนใหญ่เขาทำรอยใต้ร่มผ้าฉันเลยพอปกปิดได้
ในบ้านเงียบเหงาเหมือนกับทุกครั้งไม่มีอะไรเปลี่ยนไป บรรยากาศในบ้านทำฉันอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ไม่น่าเชื่อว่าครั้งหนึ่งที่นี่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
“คิดถึงจังเลย....”
ฉันคิดถึงพี่ชินที่แสนใจดีและอ่อนโยน คนที่มักมีรอยยิ้มประดับใบหน้าอยู่เสมอ คนที่มักปลอบใจเวลาฉันฝันร้ายแต่มันคงไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
ฉันหันหลังให้กับห้องนั่งเล่นแล้วเดินออกไปทันที ไม่มีประโยชน์ที่จะจมอยู่กับอดีตอีกต่อไป ฉันเองก็มีเป้าหมายและสิ่งที่อยากทำอยู่
“อีกไม่นานนิตาจะคืนอิสระให้นะคะ พี่ชิน”
ฉันพูดออกมาเบา ๆ ก่อนจะรีบขับรถออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน เมื่อมาถึงบริษัทก็เจอกับคุณพศิณที่เพิ่งมาถือพอดี
“อ้าวคุณนิตา มาเช้าจังเลยนะครับ”
“สวัสดีค่ะคุณพศิณ”
“ครับ วันนี้อากาศดีนะครับ”
ฉันกับเขาเดินเข้าบริษัทไปด้วยกัน ตลอดระยะทางเขาทักทายพนักงานทุกคนที่เจออย่างเป็นกันเอง ทุกคนดูจะชอบคุณพศิณน่าดู
“คุณใจดีจังเลยนะคะ”
“ครับ?”
เพราะเอาแต่มองหน้าเขาเลยทำให้ฉันเผลอพูดออกไปโดยไม่ทันคิด พอรู้ตัวอีกทีก็เห็นรอยยิ้มเอ็นดูจากประธานหนุ่มแล้ว
“ขะ ขอโทษค่ะ ฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ”
ฉันเกาคอแก้เก้อก่อนจะรีบเดินไปที่โต๊ะทำงาน ถ้าได้ยินไม่ผิดเหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะจากเขาด้วย น่าอายเป็นบ้าเลย!
“งะ งั้นเดี๋ยวฉันจะรีบเอาเอกสารช่วงเช้าเข้าไปให้นะคะ”
“ครับ ไม่ต้องรีบนะ”
เขาพูดก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องทำงานส่วนฉันก็เริ่มลงมือทำหน้าที่ของตัวเอง อาจเพราะว่าเป็นงานที่คุ้นเคยอยู่แล้วฉันเลยปรับตัวได้ไม่ยากเท่าไหร่
“คุณนิตาครับ วันนี้ตอนเที่ยงรบกวนคุณออกไปทานข้าวกับลูกค้าด้วยกันกับผมได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ”
ฉันกับคุณพศิณเตรียมออกจากบริษัทตอนเกือบเที่ยงเพื่อไปทานอาหารกับลูกค้า ระหว่างทางเขาก็พยายามหาเรื่องมาคุยเพื่อไม่ให้ฉันเกร็งจนเกินไป
“ไม่ต้องเกร็งนะครับ ลูกค้าคนนี้เป็นลูกค้าประจำของเรา นาน ๆ ทีก็จะมีออกมาเจอกันนอกรอบบ้าง”
“ฉันโอเคค่ะ แค่กลัวตัวเองทำออกมาได้ไม่ดี”
“ผมเชื่อว่าคุณนิตาจะทำได้ดีแน่นอนครับ”
เขาล้วงมือเข้าไปในเสื้อสูทแล้วหยิบลูกอมรสองุ่นมายื่นให้ เล่นเอาฉันงงไปเลย
“ของหวานช่วยให้หายเครียดได้ครับ ลองดูนะ”
ฉันรับลูกอมมาแกะออกแล้วส่งเข้าปาก รสชาติและกลิ่นหอม ๆ ของมันทำให้ฉันผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ตัว
“ดีขึ้นไหมครับ?”
“ค่ะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
ไม่นานเราทั้งคู่ก็มาถึงร้านอาหรหรูกลางเมือง คุณพศิณพาเราขึ้นไปยังห้องส่วนตัวที่จองไว้ ที่นั่นลูกค้าของเขากำลังรออยู่
“ถึงแล้วครับ”
ในห้องอาหารมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ ข้าง ๆ เขามีหญิงสาวที่อุ้มทารกน้อยอยู่ด้วย
“ไงวินซ์”
“ไงพศิณ”
สองหนุ่มลุกขึ้นมาจับมือกับก่อนจะนั่งลง คุณพศิณแนะนำฉันให้อีกฝ่ายได้รู้จักพร้อมกับแนะนำภรรยากับลูกน้อยของเขาด้วย
“นี่ภรรยาฉันชื่อว่า เกรซ ส่วนนี่ลูกชายฉันชื่อว่า วิคเตอร์”
“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”
หลังทักทายและแนะนำตัวให้กันและกันได้รู้จักพนักงานก็ทยอยเอาอาหารเข้ามาเสริฟ บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นและเรียบง่าย แม้จะมีการพูดเรื่องธุรกิจกันบ้างแต่ส่วนใหญ่คุณวินซ์จะออกแนวอยากอวดลูกมากกว่า
ฉันกับคุณพศิณก็เลยต้องตามน้ำไปเรื่อย ๆ เพราะไม่อยากเสียมารยาทก่อนที่สองหนุ่มจะชวนกันออกไปสูบบุหรี่ ในห้องเลยเหลือแค่ฉันกับภรรยาของคุณวินซ์เท่านั้น
“วิคเตอร์น่ารักมากเลยนะคะ”
ฉันเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา ทารกน้อยขยับตัวอยู่ในห่อผ้าเล็กน้อยส่วนคุณเกรซก็เผยรอยยิ้มพอใจออกมา
“ใช่ค่ะ กว่าฉันกับวินซ์จะมีลูกกันก็ใช้เวลาหลายปี ร่างกายฉันไม่ค่อยแข็งแรงน่ะคะเลยมีลูกยาก พอมีวิคเตอร์เราเลยตั้งใจจะมอบความรักให้กับเขามากที่สุด”
“ฉันดีใจด้วยนะคะ เขาต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่มีพ่อแม่แบบพวกคุณ”
“แล้วคุณมีสามีกับลูกหรือยังคะ? ขอโทษนะคะที่เสียมารยาทถาม”
“อ้อ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังไม่มีลูกค่ะแต่แต่งงานแล้ว”
เกรซทำหน้าเสียดายเล็กน้อยก่อนจะกระชับทารกน้อยเอาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะพูดต่อ
“เสียดายจัง ถ้าคุณโสดฉันก็อยากแนะนำพศิณให้กับคุณนะคะ เขาเป็นคนดีมากเลย”
ฉันได้แต่ยิ้มตอบรับเพราะมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เราสองคนคุยถูกคอกันมากคงเพราะอายุไล่เลี่ยกันเลยแลกข้อมูลติดต่อกันไว้ด้วยก่อนที่เราจะแยกย้ายกันกลับ
“ไว้เจอกันใหม่นะคะ พศิณ นิตา”
“ค่ะ คุณเกรซ”
»»»»««««
อีกด้านชินที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานก็กำลังนั่งปวดหัวกับงานอยู่ที่บริษัท เขาตื่นเช้าจนเป็นนิสัยไปแล้วแม้จะเมาแค่ไหนก็ตาม
“เอกสารบ้าบออะไรนักหนาว่ะเนี่ย”
เขาปาเอกสารลงบนโต๊ะด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้ไว้พลางคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เขาจำไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจำได้แค่ตัวเองนั่งรอนิตาอยู่ในห้องนั่งเล่นเท่านั้น
ตื่นมาอีกทีก็ต่างคนต่างเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าปกปิดแถมเนื้อตัวเธอก็เหมือนไปฟัดกับหมาบ้ามาไม่มีผิด ผิวขาว ๆ มีแต่รอยแดงและรอยช้ำเต็มตัวเต็มหลังไปหมด
“เฮ้ออ เมาเป็นหมาเลยให้ตายเถอะ”
ชินหยิบกาแฟดำมาดื่มรวดเดียวจนหมดแล้วสะบัดหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่านออก ทำไมเขาจะต้องรู้สึกผิดด้วย?
เธอเป็นเมียเขาก็ถูกแล้วที่จะต้องเป็นที่ระบายอารมณ์ให้กับเขา อีกอย่างต้นเหตุมันก็มาจากเธอทั้งนั้น
“หงุดหงิดจริง ๆ”
ถึงจะพยายามบอกให้ตัวเองไม่ต้องใส่ใจมากแค่ไหนแต่สุดท้ายเรื่องของนิตาก็ยังรบกวนเขาจนถึงเวลาเลิกงาน ความรู้สึกผิดกำลังเล่นงานเขาอยู่....
“ทำไมฉันต้องมาสงสารผู้หญิงแบบเธอด้วย!”
ชินสบถออกมาอย่าหัวเสียก่อนจะขับรถมุ่งตรงไปที่ผับเพื่อดื่มเหล้าคลายเครียด ตั้งแต่พ่อตายเขาก็ดื่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งแต่งงานก็ยิ่งปล่อยปละละเลยตัวเอง
เพื่อนของเขาจองห้องไว้รอแล้วเมื่อชินมาถึงเขาก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหรูอย่างเซ็ง ๆ พร้อมกับคว้าแก้วน้ำสีอำพันมายกดื่มรวดเดียวหมด
“เฮ้ยย เพิ่งมาก็จะเมาแล้วเหรอว่ะ”
เจตต์เพื่อนสนิทของชินเอ่ยปากขึ้นเมื่อเห็นว่าเขาดื่มเหล้าไม่ต่างจากดื่มน้ำเปล่า แม้เขาเองจะชอบเที่ยวแต่ก็ไม่ได้หนักเท่าหมอนี่ที่ออกเที่ยวกลางคืนทุกวัน
“พูดมาก ไม่แดกก็กลับไป”
ชินหันไปด่าเจตต์ก่อนจะคว้าขวดเหล้าดีกรีสูงมารินเพิ่ม เจตต์ได้แต่ส่ายหัวให้กับความผีเข้าผีออกของเพื่อนสนิท
“ชิน มึงจะไม่คุยกับน้องเขาดี ๆ จริง ๆ เหรอว่ะ”
เจตต์รู้ทุกเรื่องและเขาเองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ชินเอาแต่โกรธนิตาจนขาดสติแบบนี้ เขาเองก็พอรู้นิสัยของหญิงสาวอยู่บ้างเลยไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะทำอย่างที่ชินกล่าวหา
“คุยเหี้ยไร กูไม่คุย”
“เออ เรื่องของมึงแล้วกัน สักวันน้องเขาหนีไปแล้วมึงมานั่งร้องไห้กูจะด่าซ้ำให้ดู”
“ฝันไปเถอะ”
สองหนุ่มนั่งฟังเพลงและดื่มเหล้าด้วยกันตามปกติก่อนที่เจตต์จะเริ่มเด็กมานั่งดริ้งก์ด้วยโดยไม่ลืมหันไปถามชายหนุ่มข้างกาย
“มึงเอาไหม?”
“ไม่”
“อะไรว่ะ ปากก็บอกไม่รักไม่สนเขาแต่กูไม่เห็นมึงยุ่งกับใครที่ไหนหลังแต่งงานเลยทั้งที่เมื่อก่อนขาดไม่ได้แท้ ๆ”
ชินเองก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่เลยสักนิด เขาไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอแต่ที่ต้องทำก็เพื่อรักษาสมบัติของพ่อเอาไว้ต่างหากแล้วทำไมเขาต้องมานั่งเกรงใจเธอด้วย
“ไม่ต้องเสือก มึงจะหิ้วสาวไปกินไหนก็ไป”
“เออ ๆ ๆ แดกไปคนเดียวเลยมึง ทำตัวเป็นหมาบ้าไปได้”
เจตต์ควงสาวออกไปนอกห้องทิ้งให้ชินนั่งดื่มอยู่คนเดียว มีสาว ๆ หลายคนส่งสายตาเชิญชวนเข้ามาให้แต่ชินกลับเมินซะอย่างนั้น
“อะไรของกูว่ะ แม่ง....”
เขาตัดสินใจที่จะลองทำบางอย่างจึงกวาดสายตามองไปนอกห้องจนพบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่หนึ่งที่มองมาอย่างเชิญชวน ชินหยิบแก้วเหล้าติดมือออกมาด้วยและเดินเข้าไปหาเป้าหมายทันที
“ผมเห็นคุณมองผม มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเป็นที่จับจ้องของคนอื่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้วเพราะงั้นการเข้าหาผู้หญิงคนหนึ่งเลยไม่ได้ยากเย็นเท่าไหร่
“ฉันแค่คุ้นหน้าคุณค่ะ แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก....”
นิ้วเรียวสวยของหญิงสาวตรงหน้ากรีดไปตามแผงอกล่ำ เธอส่งสายตายั่วยวนชายตรงหน้าสุดกำลัง ชินเผยรอยยิ้มมากเสน่ห์ออกมาก่อนจะก้มลงไปกระซิบท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังลั่น
“งั้น...สนใจไปนึกต่อที่ห้องกับผมไหมครับ”