“กลับไปกับฉัน เรามีเรื่องต้องตกลงกัน”
นั่นคือประโยคที่เบญจมินกล่าวกับพริมา หลังจากที่ชายหนุ่มจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้หญิงสาวเสร็จเรียบร้อย หลังจากที่พริมาออกมาจากห้องไอซียู
พริมายืนอยู่กลางห้องรับแขก ที่ตัวเองเพิ่งเดินออกไปเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ไม่รู้โชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกับชีวิตของเธอกันแน่ ถึงทำให้เธอต้องกลับมายืนอยู่ตรงนี้อีกครั้ง
“มานี่สิ” เสียงสั่งดังฝ่าความเงียบขึ้น พาให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยหันกลับไปยังด้านข้าง ก็เห็นเบญจมินยืนกอดอกพิงประตูมองมาที่เธอ
“คุณมีอะไรจะคุยกับฉันคะ” ไม่เพียงไม่ตอบคำถาม แต่เบญจมินกลับเดินมานั่งลงที่โซฟากลางห้อง ยกขาขึ้นพาดโต๊ะหน้าโซฟาอย่างสบายอารมณ์
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วค่อยมาคุยกัน เสื้อผ้าเธออยู่ในถุงกระดาษบนเตียง”
“คุณมีอะไรจะคุยกับฉันก็คุยมาเถอะค่ะ ดึกแล้วฉันจะได้กลับบ้าน” ไม่ได้อยากดื้อรั้นหรือขัดคำสั่ง ทว่าเธออยากทราบมากกว่า ว่าเบญจมินมีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับเธอกันแน่
“จะเข้าไปอาบเองดีๆ หรือจะให้ฉันเข้าไปช่วยอาบ อยากได้แบบไหนก็เลือกเอา” น้ำเสียงที่พูดออกมา ไม่ได้บ่งบอกเลยสักนิด ว่าคนตรงหน้ากำลังพูดเล่น
คนถูกสั่งยืนชั่งใจชั่วครู่ ว่าเธอควรทำตามที่อีกคนสั่งหรือไม่ ทว่าเมื่อเห็นสายตาคมอีกคนที่มองมา ก็ไม่คิดจะดื้อรั้นต่อรีบเดินเข้าห้องไปอาบน้ำตามที่อีกคนบอก
เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมา ก็พบว่าเบญจมินเข้ามานั่งรอที่โซฟาปลายเตียงเรียบร้อย หญิงสาวจึงไม่ชักช้า เดินเข้าไปหากำลังจะทรุดตัวนั่ง ทว่ากลับถูกวงแขนแกร่งรั้งตัวเธอให้นั่งลงบนตักแทน
“คุณ!”
“ชักช้า ฉันเข้ามารอเธอตั้งนาน” พริมาเอนตัวหลบลมหายใจอุ่นที่รินรดอยู่ที่ต้นคอ พานให้เธอขนลุกขึ้นมาชอบกล
ส่วนคนใจร้อนก็เผลอสูดความหอม จากเรือนร่างของหญิงสาวบนตัก นึกแปลกใจเหมือนกัน ว่าทำไมตัวเองก็ใช้สบู่อาบน้ำขวดนี้เช่นกัน ทว่าทำไมกลับไม่หอมเหมือนดั่งที่พริมาใช้นะ
ทำไมเมื่อกลิ่นของมันเวลาติดอยู่บนตัวของหญิงสาว ถึงได้หอมมากกว่ามาอยู่บนตัวเขาก็ไม่รู้
“ปล่อยก่อนได้ไหม ฉันจะได้ลงไปนั่งที่โซฟา”
“แล้วนั่งบนตักฉันมันเป็นอะไร หรือว่ารังเกียจ” พริมาเม้มปากแน่น มองสบตาคมทอประกายแพรวพราว ก็รีบหลบสายตามองไปอีกทาง
“ตกลงจะบอกได้หรือยังคะ ว่ามีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน”
วกกลับเข้าเรื่องที่ผู้ชายคนนี้พาเธอกลับมาที่นี่อีกครั้ง เบญจมินก็ไม่คิดจะเล่นต่อ หยิบซองเอกสารที่ถือติดมือเข้ามาส่งให้หญิงสาว
“เปิดออกดู” พริมามองซองเอกสาร สลับกับใบหน้าของเบญจมินอย่างชั่งใจ ก่อนจะหยิบซองนั้นออกมาเปิดดู
ดวงตากลมโตกวาดสายตาอ่านข้อความ ที่ปรากฏอยู่บนกระดาษทุกตัวอักษร อ่านซ้ำไปซ้ำมาเพื่อให้แน่ใจ ว่าไม่มีคำไหนที่เธออ่านตกหล่นไปใช่ไหม เพราะนี่คือหนังสือสัญญาระหว่างเธอกับเขา
ความรู้สึกชาไล่ตั้งแต่ใบหน้าลงไปถึงปลายเท้า แต่หัวใจกลับบีบรัดแน่นจนเธอรู้สึกเจ็บ ก้อนสะอื้นตีตื้นขึ้นมาจุกที่ลำคอ ขอบตาร้อนผะผ่าวแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“ฉันพร้อมช่วยเหลือแม่เธอทุกอย่าง ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าหมอ หรือแม้แต่เลือกโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของประเทศนี้ให้แม่เธอรักษาตัว จนกว่าแม่ของเธอจะหายดี” เบญจมินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เมื่อคนบนตักเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา หรือเอ่ยถามอะไรออกมาสักคำ
“โดยมีข้อแม้ว่า ฉันต้องเป็นผู้หญิงของคุณเป็นเวลาหนึ่งปี หรือจนกว่าคุณจะเบื่อ โดยไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้น นอกจากจะได้ค่าดูแลแม่เป็นค่าตอบแทน และเงินเดือนประจำที่คุณจะให้ฉันในแต่ละเดือน เพื่อแลกกับการทำหน้าที่เป็นผู้หญิงในมุมมืดของคุณ” พริมาเอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอย ดั่งคนสติหลุดออกไปจากร่าง
หญิงสาวไม่เคยรู้สึกไร้ศักดิ์ศรี และด้อยค่าขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต สิ่งที่เขาให้เธอเป็น ไม่ต่างจากผู้หญิงที่ใช้เรือนร่าง เพื่อแลกกับเศษเงินของคนรวย
เธอต้องกลายเป็นคนไร้ค่า ไร้ศักดิ์ศรีเปรียบเสมือนตุ๊กตายาง ที่ใช้สนองตัณหาระบายความใคร่ของเขา
แต่คนอย่างเธอมีสิทธิ์เลือกได้อย่างนั้นหรือ หากมัวแต่ห่วงศักดิ์ศรี ห่วงเกียรติของตัวเอง แล้วแม่เธอล่ะ จะเป็นเช่นไร
“มันอาจจะดูเป็นการเห็นแก่ตัวที่ฉันทำแบบนี้ แต่ที่ฉันต้องทำสัญญาฉบับนี้ขึ้นมา เพราะฉันก็ต้องการป้องกันตัวเอง จากผู้หญิงที่คิดจะเล่นแง่จับฉัน อีกอย่างถ้าเธอไม่โง่ เธอก็ควรจะคว้าโอกาสนี้ไว้ อย่าลืมสิว่าค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลเอกชนมันแพงขนาดไหน ไม่อย่างนั้นตอนอยู่ที่ร้าน เธอคงไม่มาขอร้องอยากให้ฉันช่วยหรอก จริงไหม” พริมานั่งตัวชาอยู่เงียบๆ พูดอะไรไม่ออกหรือหากจะพูดให้ถูก คือเธอไม่รู้จะพูดอะไรออกมาต่างหาก
“ฉันต้องทำอะไรบ้างคะ”
“ฉันต้องมาอยู่ที่ไทยประมาณหนึ่งปี อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ถ้างานฉันเสร็จเร็ว หน้าที่ของเธอคือดูแลฉันทุกอย่าง ดูแลความเรียบร้อยของห้องนี้ ทำอาหารให้ฉันทาน รวมถึงเรื่องบนเตียง”
พริมาหลับตาลงช้าๆ ทว่าเรียวปากกลับยิ้มเย้ยหยัน ให้กับโชคชะตาที่ฟ้าลิขิตให้เธอต้องพบเจอกับคำว่า...
ไร้ค่า
“ฉันเป็นคนขี้เบื่อ และไม่ชอบกินอะไรซ้ำนานๆ โดยเฉพาะผู้หญิง บางทีเธออาจจะไม่ต้องทำหน้าที่นี้จนครบปีก็ได้...เธอควรจะดีใจนะ เพราะมีแต่ผู้หญิงมากมาย อยากจะเข้ามาทำหน้าที่นี้ทั้งนั้น แต่ฉันกลับเลือกเธอให้เป็นคนทำ...อ๋อ! และสิ่งสำคัญที่เธอต้องรู้ และต้องจำให้ขึ้นใจ”
เบญจมินเว้นช่วงไปเล็กน้อย เชยคางมนให้หญิงสาวหันมาสบตากัน ดวงตาช้ำแดงก่ำของหญิงสาว ทำให้หัวใจของชายหนุ่มหน่วงขึ้นมาชอบกล แต่เพียงแค่เสี้ยวนาที ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความเฉยชา
“เธอไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวฉันสักอย่าง ไม่มีสิทธิ์หึง หวง หรือแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของฉัน... เพราะฉันไม่ชอบ อีกอย่างเธอจะไม่มีสิทธิ์มานอนที่ห้องนี้อีกถ้าฉันไม่สั่ง ห้องของเธออยู่ด้านนอก จะเข้ามาที่ห้องนี้ได้ ก็ต่อเมื่อมาทำความสะอาดเท่านั้น...ถ้าเธอตกลงปากกาอยู่ในซอง เซ็นซะ” ความเย็นเกาะกุมไปทั่วทั้งตัว เย็นเข้าไปถึงไขสันหลัง กำมือที่วางอยู่บนตักไว้แน่น จนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ แต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บเท่าหัวใจเลยสักนิด
ไม่รู้จะโทษชายหนุ่ม โทษตัวเอง โทษฟ้า โทษดิน ที่ทำให้เธอต้องมาตกอยู่สถานะนี้ แต่หากจะโทษ ก็คงโทษตัวเอง ในเมื่อรอบนี้เธอเองที่เป็นฝ่ายวิ่งเข้าไปหาเขา วิ่งเข้าไปขอร้องเขา และยังเอ่ยบอกออกไป ว่าเธอยอมทุกอย่างไม่ว่าเขาจะให้เธอทำอะไร