อีกฟากฝั่งของซีกโลกบนตึกสูงเสียดฟ้า ชั้นบนสุดใช้เป็นห้องทำงานของผู้บริหารหนุ่มไฟแรง ร่างสูงเปลือยเปล่าอุดมไปด้วยมัดกล้าม ที่เกิดจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กำลังบรรเลงเพลงรักเร่าร้อนกับคู่ขาคนสนิท เสียงร้องครางจากความรัญจวนดังขึ้นไม่ขาดสาย จวบจนเพลิงสวาทเดินทางมาถึงปลายทาง
“อืม” ครางต่ำในลำคอ ลมหายใจหอบกระเส่าด้วยความเหนื่อยล้า
เมื่อความสุขถูกปลดปล่อย ชายหนุ่มก็ขยับตัวออกห่าง ไม่สนใจไยดีหญิงสาวคู่ขาเลยสักนิด คว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่ เซ็นเช็คและวางลงตรงหน้า
นาตาลีรีบหยิบเช็คขึ้นมาดู คลี่ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ เมื่อเห็นจำนวนตัวเลข รีบแต่งตัวให้เรียบร้อย เดินเข้าไปลาชายหนุ่มที่กลับไปนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
“นาไปก่อนนะคะ” ไม่พูดเปล่ายัง โน้มใบหน้าเข้ามาหอมแก้มสากเป็นการส่งท้าย ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มไปอย่างอารมณ์ดี ได้ทั้งความสุขและเงินไปใช้ ไฉนเลยเธอจะไม่ชอบ
ประตูที่ปิดลงไม่นาน ถูกเปิดออกอีกครั้งด้วยฝีมือของลูกน้องคนสนิท ที่เดินเข้ามายืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานเจ้านาย
“คุณฟรานซ์ครับ คุณจัสมินมาขอพบครับ” สายตาคมกริบฉายแววแพรวพราวออกมา เมื่อได้ยินชื่อที่ลูกน้องเอ่ยบอก
“รีบให้เข้ามา แล้วเดี๋ยวอีกสักพัก เตรียมรถให้ฉันด้วย ฉันจะพาเธอไปทานข้าวข้างนอก”
“ครับนาย” เมื่อลูกน้องออกไปได้ไม่นาน ประตูห้องทำงานของฟรานซ์ก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
หญิงสาวรูปร่างบอบบาง ตัวเล็กผิวขาวอมชมพู ใบหน้าเนียนใส ผมสีน้ำตาลอ่อนดัดลอนสวยงาม ฉีกยิ้มหวานส่งมาให้เจ้าของห้อง
ฟรานซ์รีบลุกจากเก้าอี้ทำงาน เดินเข้าไปรับหญิงสาว ด้วยใบหน้าที่เคลือบไปด้วยรอยยิ้มไม่ต่างกัน แต่หากหญิงสาวพินิจดูสักนิด คงเห็นว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นมีบางอย่างแฝงไว้
“ทำไมวันนี้ถึงมาหาพี่ถึงที่บริษัทได้ล่ะครับ” เอ่ยถามเสียงทุ้มอ่อนโยน โอบร่างบางเดินมานั่งที่โซฟา ที่ตัวเองเพิ่งปฏิบัติกิจกรรมกับคู่ขาเสร็จไปไม่นาน โดยไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด
“ก็มะลิคิดถึงพี่ฟรานซ์นี่คะ ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลย พี่ฟรานซ์งานยุ่งเหรอ” จัสมินเอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใส มองผู้ชายตรงหน้าด้วยความรัก ที่เปี่ยมล้นจนเก็บเอาไว้ไม่มิด
“ครับ ช่วงนี้งานพี่เยอะจริงๆ ไม่โกรธพี่นะครับคนดีของพี่” ไม่พูดเปล่า ยังยื่นมือมาลูบผมยาวนุ่มมือของแฟนสาวอย่างอ่อนโยน
พาให้หัวใจดวงน้อย ที่ไร้ประสบการณ์ความรัก เพิ่งจะมีรักครั้งแรกรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ สายตาที่มองแฟนหนุ่มจึงเต็มไปด้วยประกายแห่งความรัก
“พี่ฟรานซ์ทำงาน มะลิจะโกรธได้ยังไงคะ มะลิเป็นห่วงพี่ด้วยซ้ำ ไม่อยากให้พี่ทำงานหนักเกินไป” เมื่อได้ยินคำตอบเป็นที่น่าพอใจ ฟรานซ์จึงโน้มใบหน้าจุมพิตที่หน้าผากนูนเป็นการให้รางวัลเด็กดี ที่ว่านอนสอนง่ายพูดอะไรก็เชื่อไปเสียหมด
“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจพี่ งั้นวันนี้พี่ขอเกเรงานหนึ่งวัน พามะลิไปทานข้าวนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“เพื่อคนที่พี่รัก พี่ทำได้อยู่แล้ว ไปครับ” ฟรานซ์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าหญิงสาว
จัสมินเงยหน้ามองเจ้าของฝ่ามือหนาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยื่นมือไปจับมือนั้นไว้ และลุกเดินเคียงคู่ออกไปกับชายคนรัก
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย ฟรานซ์พาจัสมินมาที่คอนโดของตัวเอง เมื่อเข้ามาภายในห้องพัก จัสมินแอบมองสำรวจไปรอบห้องอย่างถือวิสาสะ เพราะนี่คือครั้งแรกที่หญิงสาวได้มาที่นี่
ร่างบางเดินมาหยุดอยู่หน้ารูปถ่าย ที่ใส่กรอบวางไว้อยู่บริเวณตู้โชว์ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย มองดูรูปถ่ายระหว่างชายหญิงคู่หนึ่ง ผู้ชายคือฟรานซ์แฟนของเธอ แต่ผู้หญิงที่ฟรานซ์กอดนี่สิ ใคร?
“นั่นเฟญ่าน้องสาวพี่เอง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับวงแขนแกร่ง ที่สวมกอดร่างบางไว้จากทางด้านหลัง พาให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย
“มะลิเพิ่งรู้นะคะ ว่าพี่ฟรานซ์มีน้องสาวด้วย ไม่เห็นพี่ฟรานซ์เคยเล่าให้ฟังเลยค่ะ” แววตาเฉยชาฉายแววความเจ็บปวดออกมาชั่วครู่ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นโกรธแค้น
ภาพเก่าในวันวาน ย้อนเข้ามาในสมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เผลอกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น จนจัสมินรู้สึกว่ามันเริ่มจะแน่นไป
“พี่ฟรานซ์กอดแน่นไปหรือเปล่าคะ” คำพูดของจัสมิน เรียกสติของฟรานซ์ให้กลับมา พร้อมกับคลายอ้อมกอด
จัสมินหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับแฟนหนุ่ม เห็นใบหน้าคมเปลี่ยนเป็นเครียดขรึมก็แปลกใจ
“พี่ฟรานซ์เป็นอะไรไปคะ ทำไมทำหน้าเครียดๆ”
“เปล่าครับ”
“แล้วตอนนี้ น้องพี่ฟรานซ์อยู่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่เหรอคะ” แววตาของฟรานซ์แข็งกล้าอย่างไม่รู้ตัว
ประโยคที่จัสมินเอ่ยถาม เหมือนมีดกรีดลงบนแผลเรื้อรัง แผลเดิมที่ไม่มีวันหาย สายตาที่มองจัสมินเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และเจ็บปวดเสียใจเมื่อคิดไปถึงตัวต้นเหตุ
“ไม่ใช่! น้องพี่มันถูกไอ้ชั่วทำร้าย จนขึ้นไปอยู่บนสวรรค์แล้ว” เสียงห้วนที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นเอ่ยตอบ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นดุดันจนจัสมินรู้สึกกลัว เพราะไม่เคยเห็นฟรานซ์ในมุมแบบนี้ อีกทั้งยังรู้สึกสงสารชายหนุ่ม เพราะคงเจ็บปวดและเสียใจมากที่ต้องสูญเสียน้องสาวไป
“มะลิเสียใจด้วยนะคะ มะลิขอโทษนะคะที่ถามออกไป” ฟรานซ์รีบปรับสีหน้าแววตาให้เป็นปกติ ส่งยิ้มอบอุ่นให้แฟนสาว
“ไม่เป็นไรครับ” แม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ในใจกลับมีกองไฟกำลังลุกโชนสุมอยู่ในทรวง
เขาจะทำให้คนที่ทำร้ายน้องสาวเขา เจ็บปวดปางตายเหมือนที่เขาได้รับ มันต้องเจ็บมากกว่าเขาเป็นร้อยเท่า
“มะลิรักพี่ไหมครับ” จัสมินส่งยิ้มเจ้าของคำถาม มือบางประคองใบหน้าแฟนหนุ่ม
“รักสิคะ”
“รักมากไหมครับ”
“มากค่ะ”
“แล้วระหว่างพี่ กับพี่ชายของมะลิ มะลิรักใครมากกว่ากัน” เจอคำถามนี้เข้า ไปจัสมินก็ลำบากใจ อึกอักตอบไม่ถูก
เธอรักพี่ชายเธอมาก และพี่ชายก็รักเธอมากเช่นกัน ดูแลเอาใจใส่เธออย่างกับไข่ในหิน คอยปกป้องดูแลไม่ให้ใครมารังแก โดยเฉพาะเรื่องผู้ชาย หากพี่ชายรู้ว่าเธอแอบคบอยู่กับฟรานซ์ เธอคงถูกกักบริเวณ ห้ามออกไปไหนแน่ หรือถ้าไปก็คงมีบอดี้การ์ดเดินตามเป็นขบวน
ส่วนฟรานซ์แม้เธอกับชายหนุ่มจะรู้จักกันได้ไม่กี่เดือน แต่ความรู้สึกของเธอที่มีต่อชายหนุ่ม กลับเหมือนผูกพันกันมานานนับปี
ฟรานซ์เข้ามาทำให้หัวใจของเธอชุ่มชื่น ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน ชายหนุ่มดูแลเทคแคร์เธอทุกอย่าง ให้เกียรติเธอเสมอ และที่สำคัญฟรานซ์เป็นผู้ชายอบอุ่น ไม่ต่างจากบิดาและพี่ชายเธอเลยสักนิด
“พี่รู้ครับ ว่าเราเพิ่งรู้จักกัน มะลิจะมารักพี่มากกว่าพี่ชายของตัวเองได้ยังไง แต่พี่อยากจะบอกว่า พี่รักมะลิมาก มากกว่าชีวิตพี่ด้วยซ้ำ เพราะถ้าพี่ไม่รัก พี่คงไม่พามะลิมาที่คอนโดพี่แบบนี้ พี่รักมะลิ มีมะลิคนเดียว เชื่อใจพี่นะครับคนดี”
“ค่ะ มะลิก็รักพี่ พี่ฟรานซ์อย่าทิ้งมะลินะคะ” นั่นคือสิ่งที่จัสมินกลัวที่สุด
เธอกลัวชายหนุ่มจะทิ้งเธอไป กลัวเขาจะเบื่อเธอ ฟรานซ์ส่งยิ้มอบอุ่นไปให้ มือหนายกขึ้นมาลูบศีรษะเล็กอย่างอ่อนโยน
“พี่บอกแล้วไงว่าพี่รักมะลิ พี่จะทิ้งคนที่รักได้ยังไงครับเด็กดีของพี่” เพียงเท่านี้ ก็เหมือนหัวใจดวงน้อยได้รับคำมั่นสัญญา
“เป็นภรรยาของพี่นะครับ เป็นแม่ของลูกพี่ เราจะสร้างครอบครัวไปด้วยกัน พี่สัญญาว่าถ้าพี่เคลียร์งานเสร็จเมื่อไหร่ พี่จะเข้าไปขอมะลิกับคุณพ่อคุณแม่ เราจะแต่งงานกันทันที พี่อยากสร้างครอบครัวกับมะลิ อยากเห็นลูกของเราสองคนใจจะขาด” จัสมินหลงลมคำหวานของผู้ชายอย่างไร้สติไตร่ตรอง
ผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงดูมาดั่งแก้วตาดวงใจ ประคบประหงมมีคนตามติดมาตั้งแต่เด็ก เพิ่งจะได้ใช้ชีวิตเองก็หลังจากเรียนจบ มีหรือจะตามทันเล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์บนโลกใบนี้
โลกของจัสมินคือสีขาวสะอาด และประดับประดาด้วยสีชมพู ถูกห้อมล้อมด้วยความรักจากคนในครอบครัว คงไม่คิดว่าผู้ชายที่รักจนหมดหัวใจ จะพูดหลอกลวงโกหกเพื่อให้เธอตายใจ และยอมทอดกายให้เขาได้เชยชมอย่างง่ายดาย
ยอมมอบความบริสุทธิ์ที่หวงแหนให้ชายหนุ่ม อีกทั้งยังวาดฝันไปถึงครอบครัวที่อบอุ่นตามที่อีกคนกล่าวมา ไม่คิดจะป้องกันเลยสักนิด เพราะคิดว่าชายคนนี้จะจริงใจดั่งวาจาที่เอ่ยออกมา
ความไร้เดียงสาไม่ทันคน ทำให้จัสมินเดินตามเกมที่ฟรานซ์วางไว้ ยินยอมทอดกายให้แฟนหนุ่มเชยชมตามที่หัวใจเรียกร้อง
ตกเป็นของชายหนุ่มทั้งร่างกายและจิตใจ ลืมสิ้นคำสั่งสอนของมารดา ที่พร่ำสอนมาให้รักนวลสงวนตัว
ลืมแม้กระทั่งคิดไปถึงความรู้สึกของบิดามารดา หากรับรู้การกระทำของตัวเองที่เป็นคนใจง่าย ยอมให้ชายคนรักเชยชม เพียงเพราะคำหวานที่ประโคมใส่ ว่าอยากสร้างครอบครัวกับเธอ
"มีความสุขไหมครับ" จัสมินพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม เธอมีความสุขอย่างที่สุด หลังจากได้ทอดกายให้ฟรานซ์เชยชมจบสิ้นลง
"มะลิรักพี่ฟรานซ์นะคะ" ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดตอบกลับมา มีเพียงอ้อมกอดเท่านั้น ที่กระชับให้แน่นขึ้นจากเดิม พร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้ม โดยที่หญิงสาวไม่มีทางได้รู้เลย ว่าภายใต้ความเงียบนั้น ด้านในมันอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่