“แมทธิวส่งข่าวมาไหม” เบญจมินเอ่ยถามไมเคิล เมื่อทั้งสองกลับมายังห้องทำงานในช่วงบ่าย หลังจากออกไปพบลูกค้าคนสำคัญกลับมา
“โทรมาเมื่อเช้าครับ บอกว่างานเรียบร้อยดีไม่มีปัญหา พรุ่งนี้น่าจะบินมาถึงไทย”
“ไอ้ฟรานซ์นี่มันกัดไม่ปล่อยจริงๆ สินะ ดีที่ครั้งนี้โกดังไม่เป็นอะไรมาก บอกคนของเราที่นั่น จับตาดูความเคลื่อนไหวของมันตลอดเวลา ไอ้นี่มันไว้ใจไม่ได้ เป็นหมาลอบกัด ฉันคิดว่ามันไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่”
“ได้ครับนาย...นายครับ” ไมเคิลเรียกเจ้านายน้ำเสียงจริงจัง ดึงสายตาคมของเบญจมินให้หันมามองลูกน้องเป็นเชิงถาม
“คนของเรารายงานมาว่า เห็นคุณจัสมินเข้าออกที่บริษัทของ...ของคุณฟรานซ์บ่อยๆ ครับช่วงนี้”
เบญจมินแววตาวาวโรจน์เมื่อได้ยินสิ่งที่ไมเคิลเอ่ย ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเครียดขรึม กรามขบกันเป็นสันนูนชัดเจน ถามกลับเสียงเครียด
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ไม่ทราบครับ แต่เพิ่งมาสังเกตเมื่อช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เพราะว่าช่วงนี้คุณจัสมินออกจากบ้านบ่อยขึ้นครับ”
เสียงลมหายใจกระแทกออกมาหนักๆ สายตาคมหรี่มองหน้าไมเคิล นิ้วแกร่งเคาะลงบนโต๊ะอย่างใช้ความคิด หัวใจของชายหนุ่มหน่วงหนักขึ้นมา
ไม่อยากจะมองโลกในแง่ร้าย ว่าจัสมินกำลังจะถูกฟรานซ์หลอกใช้เป็นเครื่องมือ แต่จะไม่ให้คิดก็ไม่ได้ ในเมื่อไม่มีเหตุผลใด ที่ฟรานซ์จะเข้ามาทำดีกับจัสมิน ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการแก้แค้นเขา
“ตามมะลิทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก แล้วมีใครรายงานเรื่องนี้ให้แด๊ดกับแม่รู้หรือยัง”
“ยังครับนาย พวกนั้นไม่กล้าตัดสินใจ เลยให้ผมมารายงานนายก่อน”
“งั้นก็ไม่ต้องบอกให้แด๊ดกับแม่รู้ ถ้ามีความเคลื่อนไหวอะไร ให้รีบมารายงานฉันทันที”
“ได้ครับ”
“โทรไปสั่งให้คุณปีเตอร์ ลงโทษคนที่มันรายงานฉันช้าด้วย มะลิไปหาไอ้ฟรานซ์เป็นเดือน แต่เรื่องเพิ่งถึงหูฉัน นายคิดว่ามันช้าเกินไปหรือเปล่า” หากเป็นเรื่องคอขาดบาดตายไม่แย่หรอกหรือ
“ครับนาย” รีบเดินออกมาจากห้องทำงานของเจ้านาย เพื่อไปจัดการตามคำสั่ง
ส่วนพริมาเมื่อทำงานบ้านเสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่าง หญิงสาวเดินวนไปมาอยู่หน้าประตูห้องพัก ตัดสินใจว่าเธอจะเปิดประตูห้องออกไปดีหรือไม่ เพราะอยากออกไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล
“เอาวะ เขาคงไม่ฆ่าเราหรอกมั้ง” เมื่อตัดสินใจได้ ก็ไม่รอช้าที่จะเปิดประตูห้องออกไป ทว่ายังไม่ได้ก้าวขาสักก้าว ชายชุดดำถึงสองคนก็เข้ามายืนขวางไว้
“เอ่อ คือ...คือฉันอยากจะถามว่า ฉันสามารถออกไปข้างนอกได้ไหมคะ”
“ถ้าไม่มีคำสั่งจากเจ้านาย ผมไม่สามารถให้คุณออกไปไหนได้ครับ...ขอโทษนะครับ” เมื่อกล่าวขอโทษเสร็จ ก็ดึงประตูห้องปิดใส่หน้าพริมาทันที
คนถูกปิดประตูใส่หน้า ได้แต่ยืนมองประตูบานใหญ่ตาปริบๆ เดินคอตกกลับมานั่งที่โซฟา เย็นนี้เธอคงต้องขออนุญาตเบญจมินให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียแล้ว
“ขออนุญาตครับเจ้านาย เมื่อสักครู่คนของเรารายงานมาว่า คุณพิมพ์ขออนุญาตออกไปข้างนอกครับ” เมื่อได้รับแจ้งจากลูกน้อง ไมเคิลก็รีบเข้ามารายงานให้เจ้านายทราบทันที
“จะไปไหน”
“ไม่ทราบครับ” คนที่ก้มหน้าเซ็นเอกสาร เงยหน้าขึ้นมองไมเคิลอย่างตำหนิ
จนคนถูกมองเสียวสันหลังวาบ รีบพูดออกมาด้วยความเร็ว ด้วยรู้ดีว่าคำตอบที่ตัวเองตอบไปก่อนหน้า คือสิ่งที่ไม่น่าตอบมากที่สุด
“เดี๋ยวผมจะให้ลูกน้องไปสอบถามคุณพิมพ์ให้ครับ เจ้านายรอสักครู่นะครับ”
“ไม่ต้อง” เสียงเข้มร้องสั่ง ปิดแฟ้มเอกสารลง
“ไปจัดการสั่งสอนลูกน้องแกด้วย เดี๋ยวนี้รู้สึกจะทำงานไม่ได้เรื่องกันแล้ว ทั้งที่นี่ทั้งที่อิตาลี สงสัยฉันคงต้องจัดระบบใหม่” พูดทิ้งระเบิดให้ไมเคิลเสียวสันหลัง ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไป
ไมเคิลจึงรีบเดินตามเจ้านายออกจากห้องทำงาน ขืนชักช้าเขาคงคือหนึ่งในนั้น ที่ต้องถูกจัดระบบใหม่
เมื่อประตูลิฟต์ตัวสำคัญเปิดออก บอดี้การ์ดก็รีบโค้งศีรษะทำความเคารพ ชายฉกรรจ์สองคนที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูหน้าห้อง ก็รีบเปิดประตูให้เจ้านายพร้อมกับโค้งศีรษะลง
ส่วนไมเคิลที่เดินตามหลังมา ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา กำปั้นหนักๆ ซัดเข้าที่ใบหน้าของลูกน้องทั้งสองเต็มแรงไปคนละหมัด
“ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงที่อยู่ในห้อง คำตอบที่ได้ ต้องไม่มีคำว่าไม่รู้ จำเอาไว้”
“ครับคุณไมเคิล”
พริมาหันขวับไปยังประตูห้องที่ถูกเปิดออกจากด้านนอก ใบหน้าของหญิงสาวประดับด้วยรอยยิ้ม แววตาเปล่งประกายเมื่อเห็นบุคคลที่เดินเข้ามา คนได้รับรอยยิ้มหวานถึงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย เดินเข้ามานั่งที่โซฟา
พริมาจึงรีบทำหน้าที่ของตัวเอง ด้วยการไปเตรียมน้ำดื่มเย็นชื่นใจมาเสิร์ฟ เอาใจชายหนุ่มสักนิด อาจจะทำให้เรื่องที่เธอต้องการเจรจาง่ายขึ้น
“น้ำค่ะ” แก้วน้ำเย็นถูกวางลงบนโต๊ะหน้าโซฟา ยื่นมือไปรับเสื้อสูทที่อีกคนถอดออกมาถือไว้
“ลูกน้องฉันบอกว่าเธอจะออกไปข้างนอก” ยังคงไว้ซึ่งใบหน้าเรียบเฉย หยิบแก้วน้ำขึ้นจิบ ด้วยความคิดในหัวที่ว่า ผู้หญิงคนนี้ก็รู้จักเอาใจเขาเหมือนกันนะเนี่ย
สิ่งที่เบญจมินกล่าวมา พริมารู้ได้ทันทีว่าทุกการเคลื่อนไหวของเธอ ล้วนถูกนำไปรายงานต่อเบญจมินทั้งสิ้น
“ใช่ค่ะ ฉันอยากออกไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล ฉันขออนุญาตไปได้ไหมคะ”
“ได้สิ” คนได้รับอนุญาตตาเป็นประกาย ฉีกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ
“ขอบคุณค่ะ” และรอยยิ้มหวาน นัยน์ตาทอประกายดีใจของหญิงสาว ทำให้หัวใจของคนที่หันมามองกระตุกวูบ และเปลี่ยนเป็นเต้นแรงระส่ำ จนเจ้าตัวต้องรีบดึงสายตามองไปด้านหน้า
“แต่หลังจากที่เธออาบน้ำให้ฉันเสร็จก่อนนะ ฉันออกไปพบลูกค้ามา เหนียวตัวอยากอาบน้ำ” รอยยิ้มดีใจมลายกลายเป็นยิ้มเจือน
ว่าแล้วเชียว ว่าการที่เบญจมินตอบรับคำขอของเธออย่างง่ายดาย ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยน
“ว่าไง หรือจะไม่ทำ” ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เอ่ยถามอย่างเป็นต่อ
วันนี้เขามีเรื่องให้เครียด หากได้คลายเครียดสักหน่อยคงดีไม่น้อย อีกทั้งเมื่อช่วงเช้าพริมายังทำเขาแสบนัก ถึงเวลาที่เขาต้องเอาคืนทั้งต้นและดอกแล้ว
“ทำค่ะ งั้นรีบเข้าห้องเถอะค่ะ จะได้อาบน้ำเร็วๆ” เบญจมินยกยิ้มมุมปาก เดินเข้ามาในห้องนอนตามที่พริมาบอกอย่างว่าง่าย
พริมาก็เหมือนจะถูกคนเจ้าเล่ห์กลั่นแกล้ง เมื่อถูกสั่งให้ถอดเสื้อผ้าให้ หญิงสาวพยายามบังคับมือไม่ให้สั่น เมื่อถึงปราการด่านสุดท้าย
นิ้วเรียวแตะลงบนขอบกางเกงชั้นในสีขาว ใบหน้าขาวเนียนค่อยๆ ซับสีเรื่อ พร้อมกับความร้อนผะผ่าวของพวงแก้ม หลับตาปี๋กลั้นใจจับขอบกางเกงของเบญจมินเพื่อจะดึงลง
เบญจมินมองอาการท่าทาง และใบหน้าแดงระเรื่อของคนที่ยืนหลับตาก็ยกยิ้มมุมปาก ใบหน้าส่ายไปมาเล็กน้อย คว้ามือบางที่กำลังจะดึงกางเกงชั้นในของตัวเองไว้
“เดี๋ยวฉันถอดเองแล้วกัน” คนฟังรีบลืมตาขึ้นมองอย่างโล่งอก แต่เพียงครู่เดียวความโล่งอกก็มลายหายไป เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของชายหนุ่ม
“แต่ถอดของเธอนะ ไม่ใช่ของฉัน เพราะเมื่อเช้าเธอทำฉันแสบนัก”
“คะ!” พริมาตาโตเท่าไข่ห่าน ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้เอ่ยคัดค้านอะไร ร่างบางก็ถูกเบญจมินรวบเข้าไปในห้องน้ำด้วยกันเสียแล้ว