ตกอยู่ในอันตราย

2108 คำ
“เสี่ยครับ รถพร้อมแล้วครับ” เสียงลูกน้องคนสนิทเอ่ยบอกในระหว่างที่ผมกำลังนั่งไขว่ห้างบนโซฟาตัวใหญ่พลางใช้มือเลื่อนไถหน้าจอไอแพดเพื่อดูความคืบหน้าของงานก่อสร้าง ผมกำลังวางแผนทำกาสิโนแห่งใหญ่ร่วมกับผู้มีอิทธิพลทั้งสามคน รวมเป็น 8 แห่งในประเทศ โดยกระจายกันออกไปทุกภาค ผมได้รับมอบหมายให้จัดตั้งบ่อนและกาสิโนที่อุดรหนึ่งแห่ง และนครราชสีมาอีกหนึ่งแห่ง เราต้องเตรียมการไว้รอ เพราะถ้ากฎหมายอนุมัติเมื่อไหร่ เราจะเปิดกันทันที จริง ๆ จะลักลอบเปิดเลยก็ได้แหละ แต่คงดีกว่า หากทำให้มันถูกกฎหมาย จะได้ไม่ต้องหลบซ่อนให้มันเหนื่อย ส่วนเรื่องผิดกฎหมาย... ค่อยไว้ทำตอนฟอกเงินในบ่อนอีกที “อืม” ผมพับเก็บไอแพดวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เอื้อมมือไปคว้าแก้วกาแฟขึ้นมากระดกเข้าปากรวดเดียวหมด โดยมีไอ้บอลยืนมองดูอยู่ใกล้ ๆ “เสี่ยดูเหนื่อย ๆ นะครับ นอนไม่ค่อยหลับเหรอครับ” นี่อาการของผมมันดูออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ แต่จะเรียกว่านอนไม่ค่อยหลับก็คงไม่ถูก ให้เรียกว่าไม่ได้นอนทั้งคืนเลยจะดีกว่า ตั้งแต่ที่ผมได้เจอกับนับดาวอีกครั้ง สมองของผมมันก็เริ่มรวน เอาแต่เฝ้าทบทวนคิดว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เธอต้องทำแบบนี้ แต่อีกใจมันก็พยายามจะต่อต้าน อยากจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่สนใจใยดี ไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงแบบนั้นอีก “อืม มีเรื่องให้เครียด ๆ น่ะ” “เลื่อนวันดีไหมครับ” ไอ้บอลรีบเสนอด้วยสีหน้าเป็นห่วง ผมจึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน “กูไหว” ผมบอกพร้อมกับดันตัวลุกขึ้นยืน แล้วเดินนำไอ้บอลออกไปที่หน้าบ้านที่มีรถจอดรออยู่ก่อนหน้า พอขึ้นไปบนรถแล้วก็รีบเอนหลังพิงเบาะพลันหลับตาพริ้มเพราะเวียนหัวเล็กน้อยเนื่องจากพักผ่อนไม่เพียงพอ ขับรถออกมาได้สักพักใหญ่ ๆ รถก็แล่นมาจอดเทียบข้างไฟจราจรที่ขึ้นสีแดง ก่อนที่เด็กขายพวงมาลัยจะตรงเข้ามาหาและยื่นพวงมาลัยดอกไม้สดส่งให้ ไอ้บอลก็จัดแจงจ่ายเงินปกติ ทำเหมือนไม่มีอะไร แต่แท้จริงนั้นในพวงมาลัยดอกดาวเรืองสีเหลืองเข้ม แอบซ่อนกระดาษสีขาวแผ่นเล็กเอาไว้อยู่ เมื่อรถออกตัวไปแล้ว ไอ้บอลก็รีบยื่นกระดาษที่ได้จากสายรายงานมาให้ผม พอเปิดดูก็พบว่าด้านในเป็นตัวหนังสือที่เขียนอย่างลวก ๆ ด้วยข้อความสั้น ๆ กระชับ เข้าใจง่าย วันศุกร์ ส่งเด็กล็อตใหม่ 20 คน ผมอ่านแล้วก็เข้าใจในทันที ว่ามันต้องรีบหาเด็กไปชดเชยรอบก่อน ไม่งั้นคงเสียลูกค้า และเสียผลประโยชน์ที่ดีลเอาไว้กับฝั่งนั้น แต่ยังไม่ทันที่ผมจะสั่งให้ไอ้บอลได้ประสานอะไรต่อ รถที่เพิ่งออกตัวหลังสิ้นสัญญาณไฟแดงก็เบรกจนหัวทิ่ม จนผมต้องรีบกุมอาวุธที่ซ่อนอยู่ใต้เบาะเตรียมกระชากออกมา แต่ทว่าบุคคลที่ขับรถมาปาดหน้ากลับไม่ใช่ฝั่งศัตรู ไม่สิ... ต้องเรียกว่าศัตรูนั่นแหละ เพียงแค่เป็นศัตรูใกล้ตัวที่ตัดไม่ขาด “เอายังไงดีครับเสี่ย” ไอ้บอลลังเลใจที่จะถาม “รออยู่นี่ เดี๋ยวกูมา” ผมเดินลงจากรถไปคนเดียว แล้วตรงไปนั่งเบาะข้างคนขับของรถกระบะสีขาวยกสูงที่วิ่งมาปาดหน้าอย่างจงใจ พลางจ้องมองดูคนที่มีใบหน้าคล้ายกับตัวเองราวกับแกะ “ว่าไงน้องชาย มาไกลเหมือนกันนะเนี่ย” ผมยิ้มทักทายไอ้ทิศ ที่มียศเป็นถึงสารวัตรไฟแรง แต่รอยยิ้มนี้กลับไม่ได้แสดงถึงความเป็นมิตร เพียงแค่ต้องการกวนตีนมันเท่านั้น “ไม่ว่ามึงคิดจะทำอะไร หยุดซะ” คนในชุดเสื้อยืดสีขาว มีตราประทับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแปะที่อกหันมาพูดด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ตามฉบับคนหัวร้อนแบบมัน “กะจะไม่ให้กูขยับตัวเลยเหรอวะ โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ เฮ้ออ” ผมทำทีถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย แต่แท้จริงแล้วไม่ได้กังวลเลยสักนิด ก็ในเมื่อตอนนี้ผมยังไม่ได้ทำอะไรผิด มันจะเอาผิดอะไรผมได้ล่ะ “มึงไม่ต้องมาเสแสร้ง! ไอ้พวกผิดกฎหมายนี่ชอบนัก มึงนี่มันคนชั่วจริง ๆ ชีวิตนี้กะจะเป็นคนดีกับเขาบ้างไม่ได้เลยหรือไงวะ” “ถ้าการพนันมันชั่วช้านัก ทำไมไม่ไปห้ามแม่มึงล่ะ ทั้งหวยใต้ดินเอย ไพ่เอย ไฮโลเอย อย่ามาตอแหลว่ามึงไม่รู้” ไอ้ทิศถึงกับชะงักไปกลางอากาศ เพราะสิ่งที่ผมพูด มันเป็นจริงทุกประการ และถึงแม้ว่ามันจะห้ามจนปากฉีก คนอย่างเจ๊นาวก็ไม่ยอมเชื่อฟังง่าย ๆ หรอก รายนั้นเขาฟังใครเสียที่ไหนกันล่ะ “มันคนละอย่างกัน แม่เขาเล่นแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ที่มึงกำลังทำน่ะ มันโปรเจกต์ใหญ่ มึงกำลังทำให้ผีพนันครองงำคนทั่วทั้งประเทศ ไม่ละอายใจบ้างหรือไงวะ” “ถ้ากูไม่ทำก็มีคนอื่นทำอยู่ดีนั่นแหละ และถึงกูไม่ทำ คนมันอยากเล่น มันก็แสวงหาเล่นอยู่ดี ไอ้เว็บเถื่อน ๆ ที่เกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองตอนนี้มึงมีปัญญาห้ามไม่ให้คนเล่นไหมล่ะ? มันดีแค่ไหนที่กูตั้งใจจะทำให้ถูกกฎหมาย ถ้าเล่นได้ ก็ได้เงิน ถ้าเล่นเสีย ก็เสียเงินแค่นั้น หรือมึงอยากให้คนไปเล่นเว็บเถื่อน ๆ แล้วโดนโกงกัน” ผมร่ายยาวอธิบาย หวังให้คนหัวโบราณอย่างไอ้ทิศซึมซับเข้าสมองบ้าง ไม่ใช่วัน ๆ เอาแต่จะจับผิด หาเรื่องลากคอผมเข้าคุกไม่เว้นวัน มันจะจงเกลียดจงชังอะไรผมขนาดนี้ ขนาดผมเพิ่งไปช่วยชีวิตมันให้รอดพ้นจากไอ้นุทินจนรอดตายมาหยก ๆ คำว่าสำนึกบุญคุณนี่ไม่มีเลยจริง ๆ “มึงไม่ต้องฟอกสบู่ให้ตัวเองขาวสะอาด กูรู้ว่ามึงตั้งใจสร้างกาสิโนบังหน้า ที่แท้ก็ใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงิน” มันว่าอย่างรู้ทัน สมกับเป็นตำรวจน้ำดี “เอ้า! ถ้าอาบน้ำไม่ถูสบู่กูจะซื้อสบู่มาทำแม่มึงเหรอ” “อย่ามาลามปามแม่กู!” “แล้วไง นั่นก็แม่กูเหมือนกัน” ผมเถียงกลับทันควัน ก่อนจะถูกไอ้ทิศกระชากคอเสื้อเข้าหาตัวอย่างเดือดดาล จนต้องเป็นผมเองที่ยอมแพ้มันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเกรงกลัวหรอก แต่เพราะผมรำคาญที่จะเถียงกับมันแล้ว และผมต้องรีบเดินทางไปที่นครราชสีมา เพื่อตรวจสอบดูอาคารที่กำลังสร้างว่าราบรื่นดีหรือไม่ ถึงแม้จะมีภาพถ่ายให้ดู แต่มันคงดีกว่า หากได้ลงพื้นที่ด้วยตัวเอง “กูว่ามึงเลิกจับผิดกูแล้วหันไปมองคนที่ทำระยำกว่ากูอีกหลายเท่าดีกว่านะ” ผมพูดพร้อมกับดึงข้อมือที่กระชากคอเสื้อออก แล้วยัดแผ่นกระดาษเล็ก ๆ ใส่เข้าไปในมือของไอ้ทิศแทน “ไอ้ทินมันได้ธุรกิจใหม่ จากเดิมแค่ค้ายา ตอนนี้มันค้าประเวณี ค้ามนุษย์แล้ว สิ่งที่มึงควรจับตามองเป็นสิ่งแรก คือมัน ไม่ใช่กู หรือถ้ามึงอยากให้กูช่วยร่วมมือ กูทำได้นะ” มือหนาตบไหล่คนข้างกันสองสามที ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเดินกลับเข้ามายังรถของตัวเอง ถึงได้เห็นว่าตอนนี้ไอ้บอลเพิ่งวางสายจากลูกน้องที่คอยส่งข่าว และกำลังจะพุ่งตัวออกมาจากรถเพื่อเรียกผม “แย่แล้วเสี่ย! ผู้หญิงที่เราปล่อยกลับบ้านไปถูกพวกไอ้ทินไล่ตามมาเอาตัวกลับคืนไปแล้วครับ” “ว่าไงนะ...” ใจผมกระตุกวูบลงพื้นจนเจ็บหน่วง ก่อนจะโพล่งออกมาอย่างคนขาดสติ “ดาวล่ะ!” “กำลังส่งคนไปที่บ้านคุณนับดาวครับ” บอกตามตรงว่าผมไม่อาจอยู่นิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ทั้งที่พยายามห้ามตัวเองแล้วว่าต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้อีก แต่พอเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเธอ ผมกลับห่วงเธอจนปกปิดไม่มิด “กลับบ้าน” “ครับ” คนขับรถรับคำอย่างเข้าใจในสถานการณ์ ก่อนจะเหยียบคันเร่งแทบจะมิดเข็มไมล์ แต่กระนั้นรถก็ยังช้าไปกว่าที่ใจผมต้องการ หวังว่าเราจะไปทันนะ ผมใช้เวลานั่งรถไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงที่หมาย เป็นจังหวะที่พวกลูกน้องที่ได้รับคำสั่งให้ไปตามหานับดาวกลับเข้ามาพอดี “ไม่เจอคุณนับดาวเลยครับ” ลูกน้องที่เพิ่งกลับเข้าบ้านเอ่ยรายงานสีหน้าไม่สู้ดี เพราะรู้ว่าถ้าไม่ได้ดั่งใจผมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง “พวกมึงหากันทั่วแล้วใช่ไหม ถึงได้เสนอหน้ากลับมา!” ผมข่มตาเอ่ยถามเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านอยู่ในอก ตอนนี้ความกดดันและความกังวลมันถาโถม จนแทบจะระเบิดออกมาอยู่รอมร่อ “หะ หาทั่วแล้วครับเสี่ย บ้านหลังนั้นมีแค่น้าของคุณนับดาว กับน้าเขยครับ แล้วตอนที่ไปส่ง คุณนับดาวก็ไม่ได้ให้ไปส่งหน้าบ้านครับ ให้ส่งแค่ปากซอยทางเข้า ผมสอบถามชาวบ้านละแวกนั้น เขาบอกว่าคุณนับดาวยังไม่ได้กลับเข้าบ้านเลยครับ” ดาวอาศัยอยู่กับน้าเพราะพ่อของเธอเสียตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนแม่ของเธอก็ป่วยออด ๆ แอด ๆ เพิ่งจะมาเสียตอนที่เราเลิกกันไปได้เพียงไม่นาน ก่อนหน้านี้ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ผมก็แอบแปลกใจเหมือนกันที่อยู่ ๆ น้าของเธอก็ยอมให้เธอออกไปขายตัวแบบนี้ ทั้งที่ตอนคบกันก็ดูเหมือนน้าของเธอจะรักและหวงเธอเอาเสียมาก ๆ เลยละ “กลับไปหาตัวให้เจอ ถ้าคืนนี้ไม่เจอ ก็ไม่ต้องโผล่หน้ากลับมา” “ครับ” กลุ่มชายชุดดำต่างรับคำเสียงหนัก แล้ววิ่งพรวดกันออกไปตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายจากผม “ดื่มน้ำเก๊กฮวยเย็น ๆ ไหมครับเสี่ย” ไอ้บอลโน้มลงมาถามอย่างนึกห่วง เพราะเห็นว่าผมเอาแต่ยกมือขึ้นกุมขมับแน่น “เอาเหล้ามา” “เอ่อ... ครับ” คนได้รับคำสั่งอึกอักอยู่เล็กน้อย ก่อนจะยอมเดินไปหยิบเหล้ามาเทให้ผมด้วยความบรรจง “มึงออกไปก่อน กูอยากอยู่คนเดียว” “ครับเสี่ย” ไอ้บอลไม่รอให้ผมออกคำสั่งซ้ำเป็นรอบที่สอง ยอมผละออกไปแต่โดยดี เปิดจังหวะให้ผมได้นั่งทบทวนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเพียงลำพัง “ถ้าไม่เจอก็ช่างแม่งดิวะ จะไปเป็นเดือดเป็นร้อนเพราะผู้หญิงคนนี้อีกทำไม” เหล้าเข้ม ๆ กรอกผ่านลำคอเพื่อระงับความว้าวุ่นในใจ ผมเพิ่งเข้าใจที่พ่อบอกว่าความรักคือจุดอ่อนก็วันนี้ ที่ผ่านมาผมคิดว่าตัวเองลืมทุกอย่างได้โดยสนิทใจมาตลอด แต่พอได้เจอเธออีกครั้ง ผมถึงได้รู้ตัวว่าที่ผ่านมาแผลในใจของผมมันไม่เคยหายไปเลยแม้แต่วันเดียว มันแค่ถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าก๊อซ และปิดซ่อนเอาไว้จนสนิท จนกระทั่งถึงวันที่นับดาวเดินเข้ามากระชากผ้าก๊อซนั้นออก เผยให้เห็นรอยแผลที่ถูกมีดเสียบคาเอาไว้แน่น ไม่มีทางที่จะกระชากมันหลุดออกไปได้ “เฮ้ออ” เสียงถอนหายใจหนัก ๆ ดังขึ้นพร้อมกับเหล้าอีกแก้วที่ยกขึ้นกระดก สายตาของผมเลื่อนลอยไปอย่างไร้จุดหมาย ความสับสนกำลังก่อตัวขึ้นในใจ ผมอยากผลักไสเธอออกไป แต่ในคราเดียวกันผมก็โหยหาเธอจนแทบคลั่ง ผมควรจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นในใจตัวเองยังไงดี...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม