บทที่ 4 อบอุ่นกาย

1381 คำ
แล้วนั่นกลายเป็นว่าวารุณีชี้ช่องให้กระรอกตัวใหญ่ได้เข้าประชิดตัวเธอ ตอนนี้จะปฏิเสธก็ยากแล้ว เกลียดความมีน้ำใจของตัวเอง ที่ทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากกายลำบากใจ คนที่ชอบใจกลับเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำและถอดเสื้อผ้าทิ้งไว้หน้าห้องจนวารุณีต้องตามเก็บ แต่เมื่อฉวยเอากองเสื้อผ้าขึ้นมากลับจับเข้ากับกางเกงชั้นในของเขา ใบหน้ารูปไข่แดงเรื่อ นึกถึงสิ่งที่มันเคยปกปิดขึ้นแล้วเขิน แต่เมื่อกำลังจินตนาการไปเรื่อยชายหนุ่มที่อาบน้ำราวความไวแสง เปิดประตูออกมาแล้วพวงอะไรต่อมิอะไรที่มันพร้อมสู้ศึกก็อวดสายตาอยู่ตรงหน้าเธอ “ว๊าย!” เสียงกรีดร้องเมื่อเห็นเขาแก้ผ้าต่อหน้าสายตาชักขึ้นเสมองใบหน้าเขาอย่างต้องการเอาเรื่อง แต่กลับเห็นรอยยิ้มทะเล้นแกมทะลึ่งนั่นราวกับอยากกลั่นแกล้งเธอให้อับอายก็ไม่ปาน “ทำไมเดินออกมาอย่างนี้เล่า” “ผมไม่มีเสื้อผ้า” “แล้วทำไมไม่บอก” วารุณีที่กำลังโกรธระคนอายเล็กน้อยที่ได้เห็นของผู้ชายอย่างถนัดตา จนรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นตากุ้งยิงเอาได้เลยหากเขามาชีเปือยต่อหน้าเธอแบบนี้ “ดูเหมือนคุณจะชอบนะ” ภิภักดิ์หรี่ตามองอย่างจับผิด เห็นสีหน้าแดงเรื่อแล้วในมือของเ​ธอยังกำชั้นในของเขาแน่น ‘ไม่ใช่ว่าหยิบขึ้นมาแล้วดม จินตนาการถึงน้องชายของเขานะ’ “บ้าสิ” วารุณีเดินเอาเสื้อผ้าไปทิ้งในตะกร้าแล้วหยิบเอาผ้าขนหนูมาให้เขานุ่งกันอุจาดตาไปก่อน เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะกล้าขนาดนี้ หากรู้ก่อนเธอไม่มีวันให้เขาเข้ามาในห้องเธอเด็ดขาด ภิภักดิ์เอาผ้าขนหนูพันรอบเอวอย่างหมิ่นเหม่ แล้วฉวยเอาผ้าผืนเล็กเช็ดหัวให้น้ำที่เกาะพราวตามเส้นผมหมาดลง ส่วนเจ้าของห้องนั้นขึ้นเตียงนอนหันหลังให้เขาไปแล้ว ที่สำคัญเอาทอปเปอร์มาปูพร้อมกับหมอนที่มันน่าจะเคยอยู่เคียงข้างเธอบนเตียงลงมาวาง ‘จิตใจจะให้ฉันนอนพื้นเหรอ’ ภิภักดิ์รู้สึกว่าไม่อยากยอม เธอได้เห็นของลับของเขาไปหมดแล้ว ทั้งยังพรากความคึกคักของเขาไปจนหมดในคืนนั้น จนเขาคิดถึงแทบบ้า จะให้มานอนข้างล่างอย่างนี้ได้อย่างไร หน้าอกนุ่ม ๆ ยามได้ลูบไล้ในคืนนั้นทำให้เขาจำได้ขึ้นใจ จนอยากสัมผัสมันอีกสักหน แล้วเมื่อผมแห้งแล้วคนที่หมายใจที่นอนเคียงข้างเธอก็ก้าวขึ้นนอนจนเตียงยวบ พาให้คนที่ตั้งใจหนีหน้าตื่นตกใจ “คุณ...!” “ครับ” นั่นไง เขาใช้เสียงสองแสนสุภาพกับเธอ ผิดกับตอนทำงานลิบลับแล้วแบบนี้เธอจะด่าเขาลงได้ยังไง “ที่นอนคุณที่พื้น” นิ้วเรียวดั่งลำเทียนชี้ไปที่พื้น แต่ทว่าคนหน้ามึนกลับไม่สนใจ คว้าหมอนขึ้นมาวางบนที่นอนแล้วก็ดึงผ้าห่มผืนเดียวที่เธอห่มมาเปิดเอว ยกแขนหนุนศีรษะส่งยิ้มให้เธออย่างสบายใจ “ผมนอนตรงนี้แล้วกัน เผื่อคุณไม่สบายจะได้รู้ก่อน” ข้ออ้างแถสีข้างถลอกของเขา ทำให้วารุณีมองค้อน ‘เป็นห่วงว่าเธอไม่สบายหรือต้องการจะเคลมเธอครั้งที่สองกันแน่’ สุดท้ายเมื่อผลักไม่ไปไล่ไม่ลง ก็ต้องทนนอนกับเขาไปสักคืนก็แล้วกัน เธอนอนเกือบชิดริมเตียงไม่ยอมหันหน้ามาหาเขา ใช้หมอนข้างแบ่งเขตอย่างดี แต่เธอลืมไปหรือเปล่าว่านี่มันผ้าห่มผืนเดียวกันนะ “คุณคลื่นไส้อีกหรือเปล่า”คนที่ยังไม่นอนถาม “ไม่...ดีขึ้นแล้ว” ต่อให้ยังเวียนหัวไม่หาย เธอก็ไม่บอกเขาตอนนี้หลับตานอนพักซะ อยากให้ถึงเช้าไว ๆ จะได้ตรวจให้จบ ๆ แล้วเขาจะได้เลิกยุ่งกับเธอสักที แต่... “หิวน้ำไหม” คำถามถัดมาทำให้เธอเริ่มถอนหายใจ อีกคนอยากหลับจะได้เช้าไว ๆ แต่อีกคนอยากยื้อเวลาคืนนี้ให้ยาวนานอีกหน่อยจนเธอรู้สึกรำคาญเล็กน้อยจนสุดท้ายต้องหันหน้ามาเผชิญกับเขา แต่แล้วใบหน้าของเธอและเขาก็อยู่ห่างเพียงปลายจมูกกั้น เพราะเขาเอาหน้ามาจ่อไว้ที่ด้านหลังทำให้เธอไม่รู้ตัวแล้วคนตัวใหญ่ก็ยิ้มมีเลศนัย หากเธอเดาไม่ผิดคงคิดเรื่องบนเตียงอยู่เป็นแน่ เพราะสีหน้าแบบนี้จะคิดเรื่องอื่นไปได้อย่างไร “คุณ...” วารุณีไม่รู้จะผลักไสยังไงดี ยิ่งอยากห่างเขาก็ยิ่งอยากใกล้ แล้วเธอจะรอดพ้นจะเงื้อมือเหยี่ยวไปได้อย่างไรกัน “ครับ” เธอเกลียดเสียงขานรับนี้ที่สุด มันเหมือนไฟที่เผาไหม้ให้เธอละลาย “ห่าง ๆ ก็ได้” “ผมหนาว” “ไปนอนข้านอกเลยค่ะ” เธอสุดจะทนกับคนหน้าด้านแล้วจริง ๆ “ไม่เอาอยากอยู่ใกล้คุณ” เสียงที่อ้อนนิด ๆ แบบนี้มันคืออะไรกัน เขาคิดว่าเธอเป็นคุณหยาดฟ้าหรือไงกัน “อ้อนผิดคนแล้วค่ะ ฉันไม่ใช่คุณหวานของคุณนะ” ถ้อยคำประชดเล็กน้อยนั่นทำให้ภิภักดิ์อมยิ้ม “หึงผมเหรอ” หญิงสาวหน้าเหวอ ไม่คิดว่าเขาจะถามแบบนี้ “ใครหึงคุณ เราไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” วารุณีหลบสายตาเขา สายตาเค้นความจริงนั้นเธอไม่กล้ามองเลย กลัวว่าจะหลุดความในใจออกมา “แล้วที่ลานจอดรถร้องไห้ทำไม” เขาถามพร้อมขยับเข้าใกล้อีกนิด สายตาสองคู่สบประสานโดยเขาอยากรู้ว่าเธอคิดอย่างไร คิดเหมือนเขาหรือเปล่า “...ใครร้อง...ไม่ได้ร้องเสียหน่อย” “โกหก” กลับมาเห็นเธอนอนหมดสภาพคราบน้ำตาก็ยังหลงเหลือให้เห็นบนใบหน้า แล้วยังมาโกหกอีกว่าไม่ได้ร้อง ทั้งที่เห็นอยู่เต็มตา เขาจึงเอากล้องที่บันทึกไว้ย้อนให้เธอดูหลักฐานว่าเขาเห็นว่าเธอร้องไห้จริง ๆ วารุณีเบิกตากว้าง เธอไม่รู้เลยว่าถูกแอบมองจากเขา แล้วลานจอดรถกล้องวงจรซูมได้ขนาดนี้เชียวเหรอ เขาลงทุนมามากไปหรือเปล่า “ก็...” “ก็เห็นผมจูบกับหวานแล้วก็หึงจึงร้องไห้” เขาแย่งมือถือมาพร้อมสรุปที่มาให้เสร็จสรรพ แต่คนปากแข็งกลับทำปากจู๋เสียจนน่ารั้งมาจูบ ‘ยายเด็กดื้อเอ้ย’ “คุณจะจูบใครก็เรื่องของคุณสิ ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย” เมื่อจำนนด้วยหลักฐานเธอเลือกจะหนีหน้าเขาด้วยการหันหลังให้ แต่ทว่าอีกคนกลับมารั้งเข้าไปในอ้อมกอดเสียอย่างนั้น แผ่นหลังของเธอเบียดเข้ากับหน้าอกที่มาด้วยมัดกล้ามเนื้อ ของเขาพร้อมซุกที่ข้างกกหู “ผมกับหวานเราแค่มีผลประโยชน์ร่วมกันอย่าคิดมาก” เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดไปแบบนั้น แต่กับหวานเขาไม่พัฒนาไปถึงขั้นเป็นคนรู้ใจ แค่คนคลายเหงาเท่านั้น แต่กับคนในอ้อมกอดเขาอยากรู้เหมือนกันตัวเองเป็นอะไร ทำไมต้องแคร์ความรู้สึกของเธอด้วย วารุณียิ้มออกไม่รู้ทำไมถึงยิ้ม นึกถึงภาพที่เห็นเมื่อตอนหัวค่ำ ที่คู่ควงของเขาไปสวีทกับชายอื่นกับคำยืนยันของเขา จากที่เศร้ากลับยิ้มเต็มใบหน้า แล้วภิภักด์ก็ซุกเข้าหาซอกคอสูดเอากลิ่นหอมของกายสาวเข้าลึกเต็มปอด อื้ม....!! “ชื่นใจจัง” วารุณีแสร้งหลับแต่รับรู้ทุกการกระทำ แล้วตัวเองยังปล่อยให้เขากอดโดยไม่รู้จักห้ามอีกด้วย แล้วค่ำคืนที่แสนอุ่นก็ผ่านไป เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้าสีหน้าวารุณีซีดเผือก เมื่อเห็นผลตรวจในมือตัวเอง กับมองคนบนเตียงสลับกับที่ตรวจ อีกคนที่นอนอุ่นสบายลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดกับสีหน้าของเธอ...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม