7
ภาระอันดับหนึ่ง
“รู้สึกไม่สบายตัวค่ะคุณหมอ”
ว่าแล้วไง
“เป็นอะไร จะตายอีกแล้วงั้นสิ”
“ตาย?”
เธอถามทวนทันควัน เพราะคุ้นๆกับคำนี้ และความเงียบก็ทำให้พ่อครัวจำเป็นเหลือบขึ้นมามองทันที จนเห็นใบชานั่งตกอยู่ในภวังค์
ตาย... คือจากไปจากโลกนี้ เหมือนกับพ่อแม่รึเปล่า? เธอถึงไปเจอพ่อกับแม่มา แต่ชีวิตเธอก่อนตายมันเป็นยังไงนะ ทำไมจำอะไรไม่ได้เลย ใบชาพยายามนึก แต่ก็ไม่มีอะไรในหัวเธอนอกจากเรื่องที่คุณหมอป้อนข้อมูลมาใหม่
“เธอเพิ่งฟื้นจากความตาย” พอเขาอธิบายต่อ ดวงตาเธอก็เบิกกว้างขึ้น
“ทำไมถึงฟื้นได้คะ พ่อกับแม่ไม่เห็นฟื้นขึ้นมาเลย”
“ด้วยยาของฉัน แต่ไม่ใช่คนตายทุกคนจะฟื้นได้ และตอนนี้เธอกำลังเป็นหนูทดลองตัวที่สี่ นับจากหนูที่เธอเห็นในกรงนั่น”
ยิ่งเห็นเธอทำหน้างง เขายิ่งขี้เกียจอธิบาย ปรินซ์จึงปล่อยให้ใบชาใช้ความคิดบ้าง เว้นระยะการพูดกับเธอด้วยการลงมือทำอาหารไปด้วย
เขาเลือกทำสเต็กแซลมอนให้ เพราะยัยซอมบี้นั่นจะได้รับไขมันดีๆ รวมถึงมีพัฒนาการทางสมอง อีกทั้งในกรดไขมันโอเมก้าสาม เช่น DHA (Docosahexaenoic acid) จะทำหน้าที่เป็นตัวสร้างเซลล์เยื่อหุ้มสมอง
เพราะปัญหาที่เห็นชัดเจนตอนนี้คือสมองของเธออย่างเดียว
“หนูทดลอง... น่ารักดีค่ะ”
เขาไม่ตอบ ก้มหน้าทำอาหารต่อไป เดิมทีนายแพทย์หนุ่มไม่ค่อยทำอาหารเท่าไหร่ เพราะเขาไม่มีเวลาว่างพอ จะสั่งเดลิเวอรี่หรือไม่ก็พกขนมปังกินรองท้องเท่านั้น แต่พอมีอีกคน (ที่ไม่ปกติ) มานั่งจ๋องทำตาโตๆมองเขาและเพิ่งฟื้นจากความตายมาหมาดๆ เธอควรได้รับสารอาหารดีๆเป็นมื้อแรกบ้าง
“คุณหมอคะ ‘หมอ’ คือชื่อของคุณไหม”
ปรินซ์พลิกชิ้นปลาแซลมอนในกระทะแล้วเหลือบมองคนถามด้วยสายตาเอือมระอา ขณะที่เธอตั้งใจจ้องเขาตาไม่กะพริบ
“หมอคืออาชีพ ฉันชื่อปรินซ์”
“ปรินซ์...?” เธอพูดขึ้นมาเบาๆ ท่องชื่อเขาห้าหกรอบในหัว
“ชื่อปรินซ์เรียกยากจัง ใบชาเรียกคุณหมอได้ไหมคะ“
“จะเรียกอะไรก็เรียก แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ต้องเรียก”
“ทำไมคะ...”
“อาหารเสร็จแล้ว เงียบให้ฉันสบายหูบ้าง-_-”
เธอเม้มริมฝีปากไว้ขวับ มองตามคนตัวสูงที่ถือจานสเต็กหอมๆมาวางตรงหน้า
“กินซะ แล้วไปอาบน้ำนอน”
“คุณหมอไม่กินเหรอคะ”
เขาไม่ตอบ แถมรำคาญจนเดินหนีไปที่ห้องแล็บทิ้งให้เธออยู่คนเดียว แต่ก็ไม่ได้เมินเฉยซะทีเดียว พอเข้ามาในเขตห้องหมอปรินซ์ก็หันกลับไปและยืนกอดอกดูเงียบๆ
ตอนนี้ใบชาหันมองซ้ายมองขวา และมองขึ้นไปชั้นบนที่เป็นชั้นลอย เธอยังหวาดระแวงถึงแม้ว่าในตัวบ้านจะสว่างจ้า
แต่เมื่อทุกอย่างเริ่มคุ้นตาและคุ้นเคย คนแปลกสถานที่ก็ลงมือกินสเต็กในจาน สองมือสวยพยายามจับส้อมและมีดหั่น ทว่าเสียงปลายมีดที่กระทบจานกึกๆนั้น ทำให้คุณหมอหนุ่มเอะใจ และขมวดคิ้ว
มือเธอสั่น?
อาการอะไร?
แพนิค?
สุดท้ายคนที่หนีไปไหนไม่ได้ก็เดินกลับไปหาเธออีกครั้ง เขายืนมองจากด้านหลังเงียบๆ จ้องมือของใบชาที่สั่นเทาอย่างสังเกต ตอนนี้เธอไม่มีแรงพอที่จะบังคับส้อมกับมีดด้วยซ้ำ
หมอปรินซ์จึงโน้มลงไปจับมือเธอทั้งสองข้าง นำทางกดลงหั่นช้าๆแล้วจิ้มเนื้อปลาขึ้นมา
“นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก หลังจากนี้บริหารกล้ามเนื้อมือไว้มากๆ” เสียงเขาดังทุ้มข้างหู ใบชานิ่งราวกับเจอมนต์สะกดและสุดท้ายค่อยๆเงยขึ้นมองเขา
แต่เมื่อทั้งคู่สบตากัน หมอปรินซ์ก็จับหัวลงให้ก้มมองจานอีกครั้ง
“มองจาน จะมองหน้าทำไม”
“คุณหมอหล่อ”
“รู้จักคำว่าหล่อ?”
“รู้จักตอนเห็นหน้าคุณหมอค่ะ”
“หึ...”
ถึงจะดูไม่แคร์ไม่สนใจและเย็นชาราวกับก้อนน้ำแข็งเดินได้ แต่เขายังไม่ปล่อยมือเธอ สอนจับมีดจับส้อมหั่นจนชิ้นปลาโดนตัดเป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำ ก่อนจะจับมือเธอข้างที่ถือส้อมจิ้มและยกขึ้นป้อน
“กินแบบนี้ และเคี้ยวให้ละเอียด”
เธอทำตามที่เขาบอก อ้าปากรับแล้วเคี้ยวช้าๆ
“อร่อยค่ะ”
“เวลากินอย่าพูด จะติดคอ”
ดีหน่อยที่ไม่ดื้อ เธอทำตามทุกอย่างที่เขาสอน พอกินเองได้คุณหมอหนุ่มก็เดินไปรินน้ำใส่แก้วมาวาง จากนั้นเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามแทน
“ระหว่างนี้ฉันอธิบายให้ฟัง และเธอต้องฟังเท่านั้น”
ใบชาพยักหน้าหงึกๆ
“เธอตายไปแล้ว แต่ฉันเป็นคนทำให้เธอฟื้นกลับมาอีก และตอนนี้เธอกำลังอยู่ในการทดลองของฉัน อย่าออกไปไหน อย่าทำอะไรตามใจชอบ จำอะไรได้ให้บอกและรู้สึกอะไรกับร่างกายต้องรีบบอกฉันทันที เพราะเธอมีโอกาสตายอีกได้ตลอดเวลา”
“....”
เธอเคี้ยวช้าลงแล้วมองหน้าหมอปรินซ์ ก่อนจะค่อยๆกลืนลงคอแล้วถาม
“ถ้าตายอีก ใบชาจะกลับมามีชีวิตอีกไหมคะ”
เขาส่ายหน้า
“ฉันไม่รู้ เธอต้องรักษาสุขภาพตัวเอง และเชื่อฟังฉัน”
“ค่ะใบชาจะเชื่อฟัง ยังไงใบชาก็เป็นของคุณหมออยู่แล้ว”
พูดจบเธอก็ก้มลงสนใจสเต็กในจานตัวเอง หมอปรินซ์นั่งมองอย่างใช้ความคิด ใบชาเหมือนจะไม่มีอะไรแต่เขากลับเข้าไปในหัวเธอไม่ได้ เพราะสำหรับเธอและเขาไม่ต่างจากคนแปลกหน้าสองคนที่ต้องมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ไม่เพียงแค่เธอต้องเรียนรู้การใช้ชีวิต ตัวเขาต้องเรียนรู้การอยู่กับคนอื่นด้วย
ไม่รู้ถอนหายใจไปกี่ครั้ง แต่เขาก็ผ่านมันมาได้ สิ่งแรกที่เขาทำคือสอนให้เธอรู้จักของใช้รอบตัวภายในบ้าน บอกว่าตรงไหนอันตราย และพาเธอขึ้นไปชั้นบน เขาตั้งใจจะให้เธอนอนที่ห้องหนังสือที่มีเตียงพับขนาดสามจุดห้าฟุตชั่วคราว
เธอพยักหน้าเชื่อฟังหมด สบายๆ ไม่ถามมาก จนกระทั่งถึงเวลาอาบน้ำเตรียมนอน วินาศสันตะโรก็บังเกิดกับนายแพทย์หนุ่มที่ไม่เคยอยากใกล้ชิดกับผู้หญิงที่ไหนมาก่อน
“อาบน้ำยังไงคะ”
“ความฉลาดของเธอคงไม่มีสินะ”
“คุณหมอคงไม่เกิดมาแล้วฉลาดเลยใช่ไหมคะ” คนยืนล้วงกระเป๋ากางเกงถึงกับชะงัก เธอต่อล้อต่อเถียงหรือถามเพราะไม่รู้จริงๆ?
ก่อนตายยัยนี่ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
“คุณหมอเกิดมาแล้วอาบน้ำเองได้เลยรึเปล่า” ดูถามเข้า
“อย่าถามมาก”
ใบชาเงียบแล้วมองผ้าเช็ดตัวที่เขาส่งให้แทน
“ฉันจะหันหลังให้ แล้วจะบอกว่าต้องหยิบอะไรทำอะไร”
“ทำไมต้องหันหลัง?”
“ฉันไม่อยากเห็นนมเธอ-_-”
“ไม่ชอบนมใบชาเหรอคะ”
“...” เขาถึงกับเงียบ หัวร้อนไปถึงหูทั้งหงุดหงิดทั้งรำคาญใจ
“อย่าทิ้งใบชานะคะ ใบชากลัว”
“งั้นก็รีบไปอาบให้เสร็จแล้วรีบนอน”
ชั้นสองมีห้องน้ำแค่หนึ่งห้อง ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ในห้องนอนเขาอีกที หมอปรินซ์เดินนำใบชาเข้าไปในห้องนอนสีดำสนิทของเขาที่ปราศจากสิ่งรบกวนจากภายนอก ปิดกั้นทั้งแสงสว่างและเสียง
และตอนนี้ภายในห้องมีแค่ไฟสีส้มอ่อนๆจากฝ้าส่องลงมาเท่านั้น คนตัวเล็กที่เดินตามช้าๆคว้าแขนเขาจับไว้ตลอดเวลา กระทั่งเขาพาเธอมาถึงห้องน้ำ คุณหมอขี้รำคาญก็จับมือที่จับแขนอยู่ออกดึงไปที่โซนเปียกแทน
จากนั้นรีบปรับอุณหภูมิน้ำให้ แล้วรีบหันหลัง
“ถอดเสื้อผ้าซะ”
“...”
“ถอดรึยัง”
“...”
“ใบชา”
“ถอดให้หน่อยค่ะ ถอดไม่ได้”
จะหันไปด่าอยู่แล้วเชียว แต่หันมาเห็นก็เข้าใจ ชุดของเธอไม่ใช่กระดุมที่จะถอดมันได้ง่าย แต่เป็นชุดผูกเชือกหลายเส้นที่ต้องดึงเชือกให้ถูกถึงจะถอดออก ใบชาพยายามดึงแต่ดึงไม่ได้ เธอมองเขาขอความช่วยเหลือ
เขาจึงตัดใจส่งมือตัวเองไปที่ปมเชือกตรงหน้าอกเธอ... และดึงเชือกออกให้ แค่ปมแรกก็เห็นเนินอกและร่องขาวๆ เขาตระหนักในหัวว่าเธอคือคนไข้ ขยับมือเคลื่อนลงไปปมที่สองต่อ
และสาม...
และสี่...
แววตานิ่งเรียบมองหน้าเจ้าของอกขาวเนียน ถูกต้องที่เขาไม่รู้สึกอะไรเลย ด้วยชุดที่ใส่อยู่ ด้วยภาพจำที่เห็นตอนเธอนอนนิ่งเขายังคิดว่าเธอเป็นแค่คนไข้เท่านั้น
แต่ต้องยอมรับว่า...
ใบชานมใหญ่จริงๆ
“ฉันจะสอนแค่ครั้งเดียว หลังจากนี้เธอต้องอาบเอง” คนตัวเล็กพยักหน้าแล้วถอดเสื้อออก แน่ล่ะว่าจากที่เห็นร่องอกแวบๆ ตอนนี้เต็มเต้าเต็มตา!
เขารีบหันหลังทันที ยืนอึ้งอยู่สักพัก...
แต่เธอก็เดินอ้อมมาโชว์นมให้ดูอีก!
“ยังไงต่อคะ แก้ผ้าหมดแล้ว”
ตาเขามันไปเอง อยู่ๆก็ไล่ลงมองช่วงล่างของเธอ