12 | ชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ

1962 คำ
12 ชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ กว่าภาพในหัวจะหายไปก็นานโขจนหมอปรินซ์ไม่มีอารมณ์อ่านหนังสืออีก เขาเปิดประตูออกไปจากห้องแล็บเดินผ่านใบชาที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วไปที่ครัวเปิด จากนั้นเอ่ยถามลอยๆโดยไม่มองหน้าเธอ “อยากกินอะไร” “ไม่เอาเหมือนเดิมค่ะ” เสียงใสตอบขึ้นมาทันควัน ตามองตามมือใหญ่ที่คว้ากระทะมาตั้ง ก่อนหน้านี้เขาก็วางกระทะแบบนี้ต้องเป็นเมนูเดิมแน่ๆ “อย่าเรื่องมาก ฉันมีแค่ปลาแซลมอนกับไข่” “แล้วคุณหมอจะถามว่าอยากกินอะไรทำไมคะ” เขาเงยขึ้นมองหน้าเธอทันที ก่อนที่จะปล่อยมือจากด้ามกระทะล้วงกระเป๋ากางเกงแทน “มาทำเอง” เท่านั้นแหละใบชารีบลุกขึ้นเดินมาหาเขาอย่างดีใจ เธอใส่ชุดเดรสสีขาวแขนตุ๊กตาชายกระโปรงพลิ้วสะบัดตามจังหวะเดิน คุณหมอหนุ่มเผลอมองแวบหนึ่งและถอยออกห่างเล็กน้อยเมื่อเธอมาหยุดยืนใกล้ๆ “ใบชาจะลองทำดูค่ะ สอนหน่อยนะคะ” เขาไม่ได้ปฏิเสธอะไร สอนทำก็ได้เธอจะได้ทำเป็นและใช้ชีวิตได้ตอนเขาไม่อยู่ “เธอเบื่อปลา?” “เบื่อมากค่ะ” “งั้นกินไข่” คนตัวสูงเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบไข่มาสองใบ วางไว้บนเคาน์เตอร์ “ทำยังไงต่อคะ มันคืออะไรที่เราจะทำกัน” “ไข่เจียว” เขาวางถ้วยใบเล็กข้างๆเธอแล้วตอกไข่ให้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ใบชาก้มมองไข่ในถ้วยแล้วใช้นิ้วจิ้มจึกๆ แต่มือใหญ่คว้าหมับอย่างรวดเร็วแล้วหันมาดุเธอ “อย่าเล่นไข่” ไม่สิ คำนั้นมันกำกวม “อย่าเล่นของกิน” พูดจบเขาก็เปิดลิ้นชักด้านล่างหยิบส้อมขึ้นมาตีไข่ให้เธอดู คนกำลังเรียนรู้สังเกตทุกอย่าง เอียงคอมองและรับส้อมที่เขาส่งให้มาลองตีบ้าง หมอปรินซ์ยืนมองมือใบชาที่แอบสั่นเล็กน้อย ถึงจะไม่พูดอะไรแต่เล็งเห็นความตั้งใจและใฝ่รู้ เธอพยายามจับให้กระชับมือ พยายามขยับข้อมือช้าๆ “ค่อยๆทำ ไม่มีใครกดดัน” “แบบนี้ได้ไหมคะ” “อืม...” เขาตอบในลำคอแล้วคว้าซอสปรุงรสเยาะเล็กน้อย จากนั้นเปิดเตาไฟฟ้าวางกระทะ เทน้ำมันมะกอกให้ ใบชายังตีไข่อยู่ตื่นเต้นถึงขั้นตอนถัดไป เธอมองกระทะแล้วมองหน้าเขาที่ยืนทำหน้านิ่งข้างๆ “คุณหมอทำอาหารเก่งจังค่ะ” “ฉันทำได้แค่นี้” “แล้วเก่งอะไรบ้างคะ” “ไม่รู้” เขาไม่ได้ตอบกวนแต่อย่างใด มาถึงตอนนี้นายแพทย์หนุ่มก็ยังไม่รู้ว่าเขาเก่งในด้านไหน “แล้วอาชีพหมอที่คุณหมอทำอยู่ ทำอะไรบ้างคะ” “ฉันเป็นหมอและต่อเฉพาะทางนิติเวช รักษาคนได้ ทำงานเกี่ยวข้องกับกฎหมายใช้วิชาแพทย์ทุกสาขาไปประยุกต์ให้เป็นประโยชน์กับกระบวนการยุติธรรม” เธอยังมองหน้าเขาและคิดทบทวนอีกครั้ง “ยุติธรรม?... เกี่ยวกับมีคนทำให้ใบชาตายด้วยใช่ไหมคะ” “ใช่...” “เฉพาะคนที่ตายเหรอคะ” “ไม่ รวมถึงคนเป็นด้วย ตรวจหลักฐานทางนิติเวชทุกอย่าง คราบอสุจิจากคนไข้ที่โดนข่มขืน หลักฐานทางดีเอ็นเอตามส่วนอื่นๆที่มีผลในคดี” เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วกดตามองไปที่มือเธอที่ถือถ้วยไข่อยู่ “เช่นเล็บเธอที่ถูกตัดไปมีดีเอ็นเอคนร้าย...” “ก็เลยมีคนทำลายหลักฐานเหรอคะ?” คำถามที่ทวนขึ้นมาทำให้หมอปรินซ์เห็นการพัฒนาด้านความคิดของเธอ เขาพยักหน้าหนึ่งครั้งแล้วจับมือเธอเทไข่ลงกระทะที่น้ำมันร้อนได้ที่ กลิ่นหอมของไข่เจียวเตะจมูกใบชาจนเธอลืมสนใจเรื่องที่คุยอยู่ทันที ไข่ในกระทะค่อยๆฟูขึ้น ตาเธอลุกวาว “น่ากินจัง” หมอปรินซ์หยิบตะหลิวส่งให้ “พลิกซะ” “เอ่อ มันทำยังไงคะ” เขาขี้เกียจอธิบายจึงอ้อมไปด้านหลังจับมือเธอที่ถือตะหลิวอยู่ จากนั้นช่วยช้อนตัวไข่ที่จับกันเป็นแผ่นพลิกอีกฝั่งให้ดู ใบชาตื่นเต้นมาก “ฝั่งนี้ยิ่งน่ากินค่ะ” “ดูด้วยล่ะ อย่าให้ไหม้” “ค่ะ” คุณหมอหนุ่มถอยไปเปิดตู้เย็นหยิบข้าวในกล่องไปอุ่นในไมโครเวฟ ระหว่างรอเวลานับถอยหลังเขายืนมองใบชาจากด้านหลังเธอ คนตัวเล็กพยายามฝึกพลิกไข่เจียวเอง เธอมีความพยายามสูงกว่าที่คิด งัดแล้วงัดอีก และเมื่อทำได้ก็หันมายิ้มดีใจเหมือนเด็กประถม “เย้ ใบชาทำได้แล้วค่ะ^^” เหมือนนี่จะเป็นความสุขแรกของเด็กหญิงใบชา เธอเป็นคนยังไงกันแน่นะ... บางครั้งก็แสบ บางครั้งก็ทำตัวน่ารัก ล่าสุดก็หัวเร็วมาก “ยกขึ้นเลยไหมคะ” หมอปรินซ์หลุดจากภวังค์เดินไปดูไข่ในกระทะ สีมันน่ากินกว่าตอนที่เขาทำเองซะอีก แล้วเขาก็รีบปิดเตาหยิบจานเปล่าวางไว้ตรงหน้าเธอ “ตักใส่จาน” “มันชิ้นใหญ่ตักได้เหรอคะ” “ใช้สมองบ้าง ไม่ใช่สักจะถาม” ใจดีแป๊บเดียวก็ดุซะแล้ว ทว่าใบชายังแยกแยะไม่ได้ว่าเขาดุหรือสอน เธอพยายามคิดตามที่เขาบอก ก่อนจะใช้ตะหลิวค่อยๆหั่นครึ่งเหมือนสเต็กปลาแซลมอนที่กิน แล้วช้อนตักไข่เจียวสองชิ้นใส่จาน “ชิ้นนี้ของใบชานะคะ อีกชิ้นของคุณหมอ” “ฉันไม่กิน” เขาปฏิเสธโดยไม่คิด “กินเถอะค่ะ อย่าเรื่องมาก^^” หมอปรินซ์มองหน้าคนพูดประโยคนั้นทันที ยิ่งเธอพูดด้วยรอยยิ้มยิ่งอยากตีให้หลาบจำ ทั้งๆที่เธอก็จำมาจากเขาทั้งนั้น เมื่อข้าวสวยอุ่นเสร็จเขาก็จัดการแบ่งใส่สองจานไปนั่งกินข้าวกับเธอ คนตรงหน้ามีความสุขกับไข่เจียวมากจนชวนเขาคุยจ้อไม่หยุด “ใบชาชอบมาก อร่อยมาก” “กินไป อย่าพูดมาก” “คุณหมอชอบกินอะไรคะ ใบชาอยากกินของที่คุณหมอชอบบ้าง” เธอฟังที่ไหนยังพูดไม่หยุดจนหมอปรินซ์ที่กำลังจะยกช้อนกินข้าวชะงักมือหลายครั้ง “ไม่รู้ ฉันกินได้ทั้งนั้น” “ก็เลยมีแค่ไข่กับแซลมอนเหรอคะ” เท่านั้นแหละความอดทนเขาก็หมดกะทันหัน หมอปรินซ์รีบวางช้อนในมือแล้วยกจานเดินหนีทันที เขาถือจานไข่เจียวไปห้องแล็บไปหาที่เงียบๆกินข้าว ใบชามองตามหลังคนตัวสูงที่หายเข้าไปในห้องอย่างไม่คิดอะไรมาก เธอดึงไอแพดที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดดูเพลย์ลิสที่เขาทำไว้ให้ต่อจากเมื่อเช้า และตักข้าวไข่เจียวกินไปด้วย จนกระทั่งมีเสียงกริ่งดังขึ้นมา ‘ปิ๊งป่อง~’ ใบชาหันไปมองที่ประตูขวับ ก่อนจะเห็นจอมอนิเตอร์ที่ติดอยู่ถัดไปฉายภาพผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูบ้าน เธอรีบลุกขึ้นวิ่งไปที่ห้องแล็บอย่างหวาดกลัว แต่แล้วก็ชนกับอกกว้างที่โผล่ออกมาจากห้อง ‘พลั่ก!’ เขาจับแขนเธอไว้อย่างรวดเร็ว “อย่าวิ่ง” “คุณหมอคะ มีคนมาๆ” “ฉันรู้แล้ว ไปหลบในห้องแล็บ ฉันฝากให้อาหารหนูด้วย” ให้อาหารหนูที่เธอเคยชมว่าน่ารักจะได้คลายกังวลได้บ้าง ซึ่งใบชาไม่รอช้ารีบเข้าไปในห้องปิดประตูไว้ทันที หมอปรินซ์หันกลับไปมองแล้วถอนหายใจเบาๆตามหลัง จากนั้นเดินไปที่จอมอนิเตอร์ที่ติดข้างประตู คิดไว้แล้วว่าถ้าแม่เขาเห็นจะมีหนึ่งคนในครอบครัวมาที่บ้าน แต่ดีหน่อยที่คนนี้ไม่ต้องเก็บความลับอะไรมากเพราะรู้ว่าเขาทดลองอะไรอยู่ และเป็นอีกหนึ่งคนที่ร่วมโปรเจกต์นี้ หมอปรินซ์เปิดประตูให้พ่อของเขาทันที “แม่บอกว่าลูกพาหนูคนนั้นไปซื้อของที่ห้าง” “ครับ แต่แม่ยังไม่รู้อะไร” “ดีแล้วล่ะ ว่าแต่เธอฟื้นและแข็งแรงขนาดนั้นได้ยังไง?” เขาหลบให้ผู้เป็นพ่อเดินเข้าไป ปริญหยุดมองไปที่โต๊ะอาหารที่มีข้าวไข่เจียวกับไอแพดที่เล่นคลิปวิดีโอสอนแต่งหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะวิดีโอแบบนั้นลูกชายเขาไม่ใช่คนดูแน่ๆ “ผู้หญิงคนนั้นฟื้นมาเหมือนคนปกติ แต่วุฒิภาวะคล้ายกับถูกรีเซ็ตใหม่ ลืมทุกอย่างรวมถึงการใช้ชีวิตที่ผ่านมา และเธอก็กลัวทุกคนยกเว้นผม” พ่อของเขาทำหน้าครุ่นคิด “ขอพ่อเจอหนูคนนั้นหน่อย เผื่อต้องเช็กสมองเพิ่มเติม” หมอปรินซ์พยักหน้าแล้วเดินนำไปที่ห้องแล็บ เขาเคาะประตูห้องสามทีและเปิดแง้มเข้าไปมองด้านในก่อนอันดับแรก ตอนนี้ใบชากำลังนั่งกอดเข่าอยู่ล่างกรงหนู ทันทีที่เธอเห็นหน้าเขา ก็อุ่นใจและรู้สึกปลอดภัยรีบลุกขึ้นเดินมาหาทันที “ใครมาคะ ไปยังคะ” “พ่อฉันมา” “พะ พ่อ?...” เธอเอ่ยเสียงเบา ในหัวพลันนึกถึงใบหน้าพ่อตัวเอง “พ่อฉันเป็นอีกคนที่ช่วยให้เธอฟื้นกลับมา ท่านมาตรวจอาการเพิ่มเติม ไม่ต้องกลัว...” หมอปรินซ์ก้าวเข้ามาในห้องจนใบชาจับแขนไว้แล้วก้าวไปยืนชิดตัวเขา ก่อนที่เขาจะดันประตูห้องแล็บเปิดกว้างขึ้นให้พ่อของเขาเดินเข้ามา ใบชาขยับไปยืนด้านหลังโผล่มาแค่ตาหนึ่งข้างเหมือนเดิม มองคนตัวสูงที่หน้าละม้ายคล้ายกับหมอปรินซ์ที่กำลังมองเธออยู่ด้วยสายตาทั้งกลัวและสงสัย ทำไมหน้าเหมือนกันจัง... “พ่อไม่อยากจะเชื่อ ยาตัวนั้นลูกผลิตจากอะไร” “ผมบอกไม่ได้ แต่ฤทธิ์ของมันบีบกล้ามเนื้อหัวใจอย่างรุนแรง ถ้าคนเป็นใช้จะตายภายในสามนาที ถ้าคนตายใช้และสภาพร่างกายสมบูรณ์จะมีโอกาสฟื้น” หมอปรินซ์เดินไปหยิบขวดยาที่มีเหลืออีกหนึ่งขวดส่งให้พ่อเขาดู โดยมีใบชาเดินเกาะแขนตามไปติดๆ แน่นอนว่าทุกอย่างอยู่ในสายตาพ่อของเขา จนสุดท้ายส่งขวดยาคืนให้ลูกชาย ชี้ไปที่คนตัวเล็กที่เกาะไม่ปล่อยข้างกาย “กลไกป้องกันทางจิตมันจะผลักให้ข้อมูลที่เคยเจอมาลงไปในจิตใต้สำนึกจนรู้สึกกลัว พ่อว่าอาการแบบนี้ต้องพบจิตแพทย์ไม่ต้องถึงหมอสมอง” “ผมก็คิดแบบนั้น” “แล้วจะทำยังไงต่อไป การทดลองของลูกหลุดออกไปไม่ได้นะ เพราะผิดกฎหมาย ผิดจรรยาบรรณแพทย์ อาจจะส่งผลถึงบริษัทเครื่องมือแพทย์ของเรา” หมอปรินซ์หลุบตามองมือของใบชาที่เกาะแขนอยู่ “คงให้เธออยู่กับผมไปก่อนและเรียนรู้ทุกอย่างใหม่ ถ้าความจำเก่าๆยังไม่กลับมา ไม่มีหลักฐาน ยังจับตัวฆาตกรไม่ได้ ผมคงสร้างตัวตนใหม่ให้ใบชาได้ใช้ชีวิตต่อไปและเลิกพึ่งกฎหมาย” พ่อของเขาขมวดคิ้ว มองหน้าลูกชายที่เอ่ยแผนออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ “ลูกหมายถึงอะไร?...” สายตาคุณหมอหนุ่มเข้มขึ้น “ผมอาจจะให้มาเฟียช่วยจัดการเรื่องนี้” “ว่าไงนะ” “ชีวิตใหม่ที่ผมให้ใบชา ปลุกเธอฟื้นขึ้นมาจากความตาย ยังไงผมต้องรับผิดชอบ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม