12
ชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ
กว่าภาพในหัวจะหายไปก็นานโขจนหมอปรินซ์ไม่มีอารมณ์อ่านหนังสืออีก เขาเปิดประตูออกไปจากห้องแล็บเดินผ่านใบชาที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วไปที่ครัวเปิด จากนั้นเอ่ยถามลอยๆโดยไม่มองหน้าเธอ
“อยากกินอะไร”
“ไม่เอาเหมือนเดิมค่ะ” เสียงใสตอบขึ้นมาทันควัน ตามองตามมือใหญ่ที่คว้ากระทะมาตั้ง ก่อนหน้านี้เขาก็วางกระทะแบบนี้ต้องเป็นเมนูเดิมแน่ๆ
“อย่าเรื่องมาก ฉันมีแค่ปลาแซลมอนกับไข่”
“แล้วคุณหมอจะถามว่าอยากกินอะไรทำไมคะ”
เขาเงยขึ้นมองหน้าเธอทันที ก่อนที่จะปล่อยมือจากด้ามกระทะล้วงกระเป๋ากางเกงแทน
“มาทำเอง”
เท่านั้นแหละใบชารีบลุกขึ้นเดินมาหาเขาอย่างดีใจ เธอใส่ชุดเดรสสีขาวแขนตุ๊กตาชายกระโปรงพลิ้วสะบัดตามจังหวะเดิน คุณหมอหนุ่มเผลอมองแวบหนึ่งและถอยออกห่างเล็กน้อยเมื่อเธอมาหยุดยืนใกล้ๆ
“ใบชาจะลองทำดูค่ะ สอนหน่อยนะคะ” เขาไม่ได้ปฏิเสธอะไร สอนทำก็ได้เธอจะได้ทำเป็นและใช้ชีวิตได้ตอนเขาไม่อยู่
“เธอเบื่อปลา?”
“เบื่อมากค่ะ”
“งั้นกินไข่” คนตัวสูงเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบไข่มาสองใบ วางไว้บนเคาน์เตอร์
“ทำยังไงต่อคะ มันคืออะไรที่เราจะทำกัน”
“ไข่เจียว”
เขาวางถ้วยใบเล็กข้างๆเธอแล้วตอกไข่ให้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ใบชาก้มมองไข่ในถ้วยแล้วใช้นิ้วจิ้มจึกๆ แต่มือใหญ่คว้าหมับอย่างรวดเร็วแล้วหันมาดุเธอ
“อย่าเล่นไข่”
ไม่สิ คำนั้นมันกำกวม
“อย่าเล่นของกิน”
พูดจบเขาก็เปิดลิ้นชักด้านล่างหยิบส้อมขึ้นมาตีไข่ให้เธอดู คนกำลังเรียนรู้สังเกตทุกอย่าง เอียงคอมองและรับส้อมที่เขาส่งให้มาลองตีบ้าง หมอปรินซ์ยืนมองมือใบชาที่แอบสั่นเล็กน้อย ถึงจะไม่พูดอะไรแต่เล็งเห็นความตั้งใจและใฝ่รู้ เธอพยายามจับให้กระชับมือ พยายามขยับข้อมือช้าๆ
“ค่อยๆทำ ไม่มีใครกดดัน”
“แบบนี้ได้ไหมคะ”
“อืม...”
เขาตอบในลำคอแล้วคว้าซอสปรุงรสเยาะเล็กน้อย จากนั้นเปิดเตาไฟฟ้าวางกระทะ เทน้ำมันมะกอกให้ ใบชายังตีไข่อยู่ตื่นเต้นถึงขั้นตอนถัดไป เธอมองกระทะแล้วมองหน้าเขาที่ยืนทำหน้านิ่งข้างๆ
“คุณหมอทำอาหารเก่งจังค่ะ”
“ฉันทำได้แค่นี้”
“แล้วเก่งอะไรบ้างคะ”
“ไม่รู้” เขาไม่ได้ตอบกวนแต่อย่างใด มาถึงตอนนี้นายแพทย์หนุ่มก็ยังไม่รู้ว่าเขาเก่งในด้านไหน
“แล้วอาชีพหมอที่คุณหมอทำอยู่ ทำอะไรบ้างคะ”
“ฉันเป็นหมอและต่อเฉพาะทางนิติเวช รักษาคนได้ ทำงานเกี่ยวข้องกับกฎหมายใช้วิชาแพทย์ทุกสาขาไปประยุกต์ให้เป็นประโยชน์กับกระบวนการยุติธรรม”
เธอยังมองหน้าเขาและคิดทบทวนอีกครั้ง
“ยุติธรรม?... เกี่ยวกับมีคนทำให้ใบชาตายด้วยใช่ไหมคะ”
“ใช่...”
“เฉพาะคนที่ตายเหรอคะ”
“ไม่ รวมถึงคนเป็นด้วย ตรวจหลักฐานทางนิติเวชทุกอย่าง คราบอสุจิจากคนไข้ที่โดนข่มขืน หลักฐานทางดีเอ็นเอตามส่วนอื่นๆที่มีผลในคดี”
เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วกดตามองไปที่มือเธอที่ถือถ้วยไข่อยู่
“เช่นเล็บเธอที่ถูกตัดไปมีดีเอ็นเอคนร้าย...”
“ก็เลยมีคนทำลายหลักฐานเหรอคะ?”
คำถามที่ทวนขึ้นมาทำให้หมอปรินซ์เห็นการพัฒนาด้านความคิดของเธอ เขาพยักหน้าหนึ่งครั้งแล้วจับมือเธอเทไข่ลงกระทะที่น้ำมันร้อนได้ที่ กลิ่นหอมของไข่เจียวเตะจมูกใบชาจนเธอลืมสนใจเรื่องที่คุยอยู่ทันที ไข่ในกระทะค่อยๆฟูขึ้น ตาเธอลุกวาว
“น่ากินจัง”
หมอปรินซ์หยิบตะหลิวส่งให้
“พลิกซะ”
“เอ่อ มันทำยังไงคะ” เขาขี้เกียจอธิบายจึงอ้อมไปด้านหลังจับมือเธอที่ถือตะหลิวอยู่ จากนั้นช่วยช้อนตัวไข่ที่จับกันเป็นแผ่นพลิกอีกฝั่งให้ดู
ใบชาตื่นเต้นมาก
“ฝั่งนี้ยิ่งน่ากินค่ะ”
“ดูด้วยล่ะ อย่าให้ไหม้”
“ค่ะ”
คุณหมอหนุ่มถอยไปเปิดตู้เย็นหยิบข้าวในกล่องไปอุ่นในไมโครเวฟ ระหว่างรอเวลานับถอยหลังเขายืนมองใบชาจากด้านหลังเธอ คนตัวเล็กพยายามฝึกพลิกไข่เจียวเอง เธอมีความพยายามสูงกว่าที่คิด งัดแล้วงัดอีก และเมื่อทำได้ก็หันมายิ้มดีใจเหมือนเด็กประถม
“เย้ ใบชาทำได้แล้วค่ะ^^” เหมือนนี่จะเป็นความสุขแรกของเด็กหญิงใบชา
เธอเป็นคนยังไงกันแน่นะ...
บางครั้งก็แสบ บางครั้งก็ทำตัวน่ารัก ล่าสุดก็หัวเร็วมาก
“ยกขึ้นเลยไหมคะ”
หมอปรินซ์หลุดจากภวังค์เดินไปดูไข่ในกระทะ สีมันน่ากินกว่าตอนที่เขาทำเองซะอีก แล้วเขาก็รีบปิดเตาหยิบจานเปล่าวางไว้ตรงหน้าเธอ
“ตักใส่จาน”
“มันชิ้นใหญ่ตักได้เหรอคะ”
“ใช้สมองบ้าง ไม่ใช่สักจะถาม”
ใจดีแป๊บเดียวก็ดุซะแล้ว ทว่าใบชายังแยกแยะไม่ได้ว่าเขาดุหรือสอน เธอพยายามคิดตามที่เขาบอก ก่อนจะใช้ตะหลิวค่อยๆหั่นครึ่งเหมือนสเต็กปลาแซลมอนที่กิน แล้วช้อนตักไข่เจียวสองชิ้นใส่จาน
“ชิ้นนี้ของใบชานะคะ อีกชิ้นของคุณหมอ”
“ฉันไม่กิน” เขาปฏิเสธโดยไม่คิด
“กินเถอะค่ะ อย่าเรื่องมาก^^” หมอปรินซ์มองหน้าคนพูดประโยคนั้นทันที ยิ่งเธอพูดด้วยรอยยิ้มยิ่งอยากตีให้หลาบจำ ทั้งๆที่เธอก็จำมาจากเขาทั้งนั้น
เมื่อข้าวสวยอุ่นเสร็จเขาก็จัดการแบ่งใส่สองจานไปนั่งกินข้าวกับเธอ คนตรงหน้ามีความสุขกับไข่เจียวมากจนชวนเขาคุยจ้อไม่หยุด
“ใบชาชอบมาก อร่อยมาก”
“กินไป อย่าพูดมาก”
“คุณหมอชอบกินอะไรคะ ใบชาอยากกินของที่คุณหมอชอบบ้าง” เธอฟังที่ไหนยังพูดไม่หยุดจนหมอปรินซ์ที่กำลังจะยกช้อนกินข้าวชะงักมือหลายครั้ง
“ไม่รู้ ฉันกินได้ทั้งนั้น”
“ก็เลยมีแค่ไข่กับแซลมอนเหรอคะ”
เท่านั้นแหละความอดทนเขาก็หมดกะทันหัน หมอปรินซ์รีบวางช้อนในมือแล้วยกจานเดินหนีทันที เขาถือจานไข่เจียวไปห้องแล็บไปหาที่เงียบๆกินข้าว ใบชามองตามหลังคนตัวสูงที่หายเข้าไปในห้องอย่างไม่คิดอะไรมาก เธอดึงไอแพดที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดดูเพลย์ลิสที่เขาทำไว้ให้ต่อจากเมื่อเช้า และตักข้าวไข่เจียวกินไปด้วย
จนกระทั่งมีเสียงกริ่งดังขึ้นมา
‘ปิ๊งป่อง~’
ใบชาหันไปมองที่ประตูขวับ ก่อนจะเห็นจอมอนิเตอร์ที่ติดอยู่ถัดไปฉายภาพผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูบ้าน เธอรีบลุกขึ้นวิ่งไปที่ห้องแล็บอย่างหวาดกลัว แต่แล้วก็ชนกับอกกว้างที่โผล่ออกมาจากห้อง ‘พลั่ก!’
เขาจับแขนเธอไว้อย่างรวดเร็ว
“อย่าวิ่ง”
“คุณหมอคะ มีคนมาๆ”
“ฉันรู้แล้ว ไปหลบในห้องแล็บ ฉันฝากให้อาหารหนูด้วย” ให้อาหารหนูที่เธอเคยชมว่าน่ารักจะได้คลายกังวลได้บ้าง ซึ่งใบชาไม่รอช้ารีบเข้าไปในห้องปิดประตูไว้ทันที หมอปรินซ์หันกลับไปมองแล้วถอนหายใจเบาๆตามหลัง จากนั้นเดินไปที่จอมอนิเตอร์ที่ติดข้างประตู
คิดไว้แล้วว่าถ้าแม่เขาเห็นจะมีหนึ่งคนในครอบครัวมาที่บ้าน แต่ดีหน่อยที่คนนี้ไม่ต้องเก็บความลับอะไรมากเพราะรู้ว่าเขาทดลองอะไรอยู่ และเป็นอีกหนึ่งคนที่ร่วมโปรเจกต์นี้
หมอปรินซ์เปิดประตูให้พ่อของเขาทันที
“แม่บอกว่าลูกพาหนูคนนั้นไปซื้อของที่ห้าง”
“ครับ แต่แม่ยังไม่รู้อะไร”
“ดีแล้วล่ะ ว่าแต่เธอฟื้นและแข็งแรงขนาดนั้นได้ยังไง?” เขาหลบให้ผู้เป็นพ่อเดินเข้าไป ปริญหยุดมองไปที่โต๊ะอาหารที่มีข้าวไข่เจียวกับไอแพดที่เล่นคลิปวิดีโอสอนแต่งหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เพราะวิดีโอแบบนั้นลูกชายเขาไม่ใช่คนดูแน่ๆ
“ผู้หญิงคนนั้นฟื้นมาเหมือนคนปกติ แต่วุฒิภาวะคล้ายกับถูกรีเซ็ตใหม่ ลืมทุกอย่างรวมถึงการใช้ชีวิตที่ผ่านมา และเธอก็กลัวทุกคนยกเว้นผม”
พ่อของเขาทำหน้าครุ่นคิด
“ขอพ่อเจอหนูคนนั้นหน่อย เผื่อต้องเช็กสมองเพิ่มเติม”
หมอปรินซ์พยักหน้าแล้วเดินนำไปที่ห้องแล็บ เขาเคาะประตูห้องสามทีและเปิดแง้มเข้าไปมองด้านในก่อนอันดับแรก ตอนนี้ใบชากำลังนั่งกอดเข่าอยู่ล่างกรงหนู ทันทีที่เธอเห็นหน้าเขา ก็อุ่นใจและรู้สึกปลอดภัยรีบลุกขึ้นเดินมาหาทันที
“ใครมาคะ ไปยังคะ”
“พ่อฉันมา”
“พะ พ่อ?...” เธอเอ่ยเสียงเบา ในหัวพลันนึกถึงใบหน้าพ่อตัวเอง
“พ่อฉันเป็นอีกคนที่ช่วยให้เธอฟื้นกลับมา ท่านมาตรวจอาการเพิ่มเติม ไม่ต้องกลัว...”
หมอปรินซ์ก้าวเข้ามาในห้องจนใบชาจับแขนไว้แล้วก้าวไปยืนชิดตัวเขา ก่อนที่เขาจะดันประตูห้องแล็บเปิดกว้างขึ้นให้พ่อของเขาเดินเข้ามา ใบชาขยับไปยืนด้านหลังโผล่มาแค่ตาหนึ่งข้างเหมือนเดิม มองคนตัวสูงที่หน้าละม้ายคล้ายกับหมอปรินซ์ที่กำลังมองเธออยู่ด้วยสายตาทั้งกลัวและสงสัย
ทำไมหน้าเหมือนกันจัง...
“พ่อไม่อยากจะเชื่อ ยาตัวนั้นลูกผลิตจากอะไร”
“ผมบอกไม่ได้ แต่ฤทธิ์ของมันบีบกล้ามเนื้อหัวใจอย่างรุนแรง ถ้าคนเป็นใช้จะตายภายในสามนาที ถ้าคนตายใช้และสภาพร่างกายสมบูรณ์จะมีโอกาสฟื้น”
หมอปรินซ์เดินไปหยิบขวดยาที่มีเหลืออีกหนึ่งขวดส่งให้พ่อเขาดู โดยมีใบชาเดินเกาะแขนตามไปติดๆ แน่นอนว่าทุกอย่างอยู่ในสายตาพ่อของเขา จนสุดท้ายส่งขวดยาคืนให้ลูกชาย ชี้ไปที่คนตัวเล็กที่เกาะไม่ปล่อยข้างกาย
“กลไกป้องกันทางจิตมันจะผลักให้ข้อมูลที่เคยเจอมาลงไปในจิตใต้สำนึกจนรู้สึกกลัว พ่อว่าอาการแบบนี้ต้องพบจิตแพทย์ไม่ต้องถึงหมอสมอง”
“ผมก็คิดแบบนั้น”
“แล้วจะทำยังไงต่อไป การทดลองของลูกหลุดออกไปไม่ได้นะ เพราะผิดกฎหมาย ผิดจรรยาบรรณแพทย์ อาจจะส่งผลถึงบริษัทเครื่องมือแพทย์ของเรา”
หมอปรินซ์หลุบตามองมือของใบชาที่เกาะแขนอยู่
“คงให้เธออยู่กับผมไปก่อนและเรียนรู้ทุกอย่างใหม่ ถ้าความจำเก่าๆยังไม่กลับมา ไม่มีหลักฐาน ยังจับตัวฆาตกรไม่ได้ ผมคงสร้างตัวตนใหม่ให้ใบชาได้ใช้ชีวิตต่อไปและเลิกพึ่งกฎหมาย”
พ่อของเขาขมวดคิ้ว มองหน้าลูกชายที่เอ่ยแผนออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์
“ลูกหมายถึงอะไร?...” สายตาคุณหมอหนุ่มเข้มขึ้น
“ผมอาจจะให้มาเฟียช่วยจัดการเรื่องนี้”
“ว่าไงนะ”
“ชีวิตใหม่ที่ผมให้ใบชา ปลุกเธอฟื้นขึ้นมาจากความตาย ยังไงผมต้องรับผิดชอบ”