“อะแฮ่ม” ชยุดาแกล้งกระแอมในลำคอเบาๆ ภัคร์พิมลปั้นหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะบอกว่า
“เดี๋ยวพายน์ไปตักอาหารก่อนดีกว่าค่ะ”
“พี่ไปด้วย”
ระหว่างที่ภัคร์พิมลไปเลือกตักอาหารกับชยุดา สหทรรศกับภวิกาก็เดินมาตักอาหารข้างๆ ทั้งคู่ ภัคร์พิมลสนใจแต่อาหารตรงหน้า ส่วนชยุดาที่เห็นสหทรรศเข้าก็อ้าปากพะงาบๆ แววตาเป็นประกายในความหล่อเหลาของแพทย์หนุ่มระยะประชิด ก่อนจะเบียดตัวมากระซิบกับภัคร์พิมล
“พายน์ นั่นน่ะอาจารย์หมอสหทรรศ เพื่อนของอาจารย์หมอวีรภัทร หล่อมากกก”
ชยุดาลากเสียงยาวจนภัคร์พิมลต้องรีบหันไปมอง แต่ก็ระมัดระวังไม่ให้ดูจงใจเกินไปจนน่าเกลียด เห็นอีกฝ่ายกำลังถือจานเปล่า โดยมีหญิงสาวร่างบางหน้าตาสะสวยกำลังคีบอาหารจากถาดไปใส่จาน ก็เห็นจริงอย่างที่ชยุดาว่า
“หล่อจริงค่ะ แต่พายน์ว่าอาจารย์หมอวีรภัทรหล่อกว่า”
“หืม พี่เอ๊ะจริงจังแล้วนะ”
ชยุดามองภัคร์พิมลอย่างจับผิด ดวงตากลมโตเบิกกว้างก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หญิงสาวกระแอมในลำคอเบาๆ ก่อนจะตัดบทเป็นการกลบเกลื่อน
“พายน์กลับไปที่โต๊ะก่อนนะคะ ของเต็มมือแล้ว”
“หึๆ มีหนีนะ”
ภัคร์พิมลแสร้งไม่ได้ยินที่ชยุดาบอก ในขณะเดียวกันก็รู้สึกหน้าร้อนที่เผลอปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่ม หญิงสาววางจานอาหารในมือลง บนโต๊ะมีเตาย่างพร้อมอยู่แล้ว จึงจัดการคีบเนื้อหมูลงบนเตาย่าง พร้อมกับเติมน้ำซุปและใส่ผักลงไป ระหว่างนั้นชยุดาก็กลับมาที่โต๊ะ
“นี่ พี่ถามหน่อยสิ แบบจริงจังเลยนะ”
ชยุดากล่าวขึ้นตอนที่คีบเนื้อจากจานของตนขึ้นบนเตาย่างบ้าง ภัคร์พิมลชะงักมือที่กำลังพลิกเนื้อหมูบนเตาร้อนๆ ไปครู่หนึ่ง ดวงตากลมโตมองมาที่ชยุดา
“ถามอะไรคะ”
“ชอบอาจารย์หมอวีรภัทรจริงรึเปล่า”
“พี่ดาพูดอะไรกันคะ พายน์จะไปชอบพี่เค้าเอ๊ยชอบอาจารย์หมอเค้าได้ไงกัน ไม่ได้ชอบซะหน่อย”
“แหม มันไปเลิกลั่กเชียวนะคะ ถามอยู่กรุุงเทพฯ แต่ตอบที่สุไหงโกลก”
“พี่ดาพูดอะไรก็ไม่รู้”
ภัคร์พิมลบอกก่อนจะคีบเนื้อย่างเข้าปากโดยมีสายตาคล้ายกำลังหาความผิดปกติจากท่าทางของเธอมองมา
จากชยุดา อีกฝ่ายยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วบอกว่า
“แหม พี่ก็คิดว่าเราแอบชอบอาจารย์หมอวีรภัทรซะอีก ไม่ชอบก็ดี พี่จะได้ชิป*ต่อไม่รอแล้วจ้า”
“หมายถึงชิปอาจารย์หมอวีรภัทรกับอาจารย์หมอวินธัยน่ะหรือคะ”
*ชิป มาจากคำว่า “Relationship” ที่แปลว่าความสัมพันธ์ แล้วถูกเรียกสั้นๆ ว่า “Ship (ชิป)” ซึ่งในที่นี้หมายถึงความสัมพันธ์ของคู่ชาย-ชาย ที่สาววายชื่นชอบ
“ถูกเผง” ชยุดาดีดนิ้วดังเปลาะ “แต่ถ้าพายน์ชอบพี่จะยอมล่มเรือคู่ชิปของพี่ก็ได้นะ”
“พายน์ไม่ได้ชอบอาจารย์หมอจริงๆ นะคะ”
ภัคร์พิมลตอบโดยไม่ได้สบสายตาคู่สนทนา ซ้ำยังแสร้งคีบเนื้อย่างเข้าปากไปอีกหลายชิ้น ปล่อยให้ชยุดาจ้องมองมาด้วยสายตาล้อเลียนปนจับผิด
“จ้า ไม่ได้ชอบก็ไม่ได้ชอบจ้า ถ้างั้นพี่ชิปต่อไม่รอแล้วนะ”
ภัคร์พิมลพยักหน้าและส่งยิ้มไปให้อีกฝ่ายอย่างฝืนๆ ชยุดาลอบมองยิ้มๆ พลางคีบเนื้อย่างเข้าปากไปบ้าง เห็นหน้าหงอยๆ ของเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องก็อดจะพูดออกมาไม่ได้
“นี่ ถ้าพายน์เปลี่ยนใจก็บอกพี่ได้นะ พี่พร้อมจะล่มเรือคู่ชิปของพี่เพื่อพายน์เลยนะจ๊ะ”
ภัคร์พิมลทำเพียงส่งยิ้มแหยๆ เป็นการตอบรับ ชยุดามองเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องอย่างมีเลศนัย ก่อนจะคีบเนื้อย่างเข้าปากด้วยท่าทางรื่นเริง
“สองคนนั้นใช่พยาบาลที่โรงพยาบาลเราหรือเปล่าครับ”
วินธัยที่เห็นวีรภัทรจับจ้องสายตาไปที่โต๊ะข้างๆ ถามขึ้น วีรภัทรละสายตาจากโต๊ะของภัคร์พิมลแล้วหันมามองวินธัยแว่บหนึ่งก่อนจะคีบเนื้อย่างเข้าปากไปด้วยตอนที่ตอบคำถามวินธัย
“ใช่ สองคนนั้นเป็นพยาบาลที่วอร์ดศัลยกรรมชาย”
“ครับ”
วินธัยรับคำก่อนจะคีบผักต้มเข้าปากเป็นจังหวะเดียวกับที่สหทรรศและภวิกากลับมาที่โต๊ะพอดี วินธัยมองทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า
“หมอเท็นกับน้องแยมเตรียมตัวเอาไว้เลยนะครับ”
“หือ เตรียมตัวอะไรหรือคะ”
“นั่นน่ะสิ”
“ก็เตรียมตัวไปงานแต่งไงครับ”
“งานแต่งใคร นายจะแต่งงานแล้วงั้นเหรอ แล้วจะแต่งกับใคร”
“ใจเย็นก่อนนะครับหมอเท็น คำถามของคุณรัวมาก” วินธัยขยับแว่นสายตาพร้อมรอยยิ้มก่อนจะว่าต่อ “คนที่กำลังจะแต่งงานก็คือหมอภัทรต่างหาก”
“เฮ้ย จะเป็นฉันไปได้ยังไง”
วีรภัทรร้องถามเสียงหลง ส่วนวินธัยนั้นยังตีสีหน้าเช่นเดิมซ้ำยังคีบเนื้อย่างเข้าไปอีกหนึ่งชิ้นอย่างอารมณ์ดีแล้วบอกว่า
“ก็วันศุกร์นี้คุณมีนัดดูตัวนี่ ผมว่าไม่พ้นปีนี้หรอกคุณหญิงแม่ของคุณต้องบังคับให้คุณแต่งงานแน่”
“เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าคุณหญิงแม่นัดดูตัวให้นายอีกแล้วน่ะ” สหทรรศถามขึ้น
“ก็ใช่น่ะสิ คนที่ห้าหรือหกแล้วฉันก็ไม่แน่ใจ” วีรภัทรถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เขาคีบเนื้อย่างเข้าปากอย่างหงุดหงิด เคี้ยวอยู่พักหนึ่งก่อนจะกลืนลงคอแล้วมองค้อนสหทรรศ “เป็นเพราะนายนั่นแหละหมอเท็น”
“เดี๋ยวนะ ไหงหวยมาออกที่ฉัน”
“ก็เพราะคุณแม่เห็นนายแต่งงานน่ะสิ แล้วเห็นแม่นายได้ลูกสะใภ้น่ารักแบบน้องแยมก็เลยอยากได้ขึ้นมาบ้าง ตั้งแต่นายแต่งงานไปนะ แม่ก็นัดให้ฉันไปดูตัวตลอด”
“แล้วที่ผ่านมานายปฏิเสธยังไง”
“ฉันไม่ได้ปฏิเสธนะ ก็ยอมไปตามนัดน่ะแหละ ไม่อยากให้คุณแม่เสียคำพูดเพราะนัดกันเอาไว้แล้ว ก็ลูกสาวเพื่อนคุณแม่ทั้งนั้น”
“อ้าว แล้วทำไมนายถึงยังรอดมาได้ทุกครั้งล่ะ”
วีรภัทรกระตุกยิ้มมุมปากในขณะที่ดวงตาทุกคู่จับจ้องมาที่เขา ก่อนที่เจ้าตัวจะเล่าถึงเรื่องราวที่ผ่านมาด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
ภัตตาคารหรูใจกลางกรุงเทพฯ
“รออีกนิดนะคะตาภัทรถึงแล้วค่ะ กำลังจอดรถอยู่เดี๋ยวก็มา พอดีมีเคสของคนไข้ติดพันน่ะค่ะ ก็เลยมาช้าหน่อย”
คุณหญิงทิพปภามารดาของวีรภัทรบอกกับคุณหญิงรัตนากับลูกสาวที่ชื่อรินดาที่เจ้าตัวมาดหมายอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้ คุณหญิงรัตนาคลี่ยิ้มกว้างแล้วบอกกับคุณหญิงทิพปภา
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพี่ ดิฉันกับลูกสาวเข้าใจ” คุณหญิงรัตนาเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่ของรินดาที่นั่งด้วยท่าทางเรียบร้อยอย่างกุลสตรีที่ถูกอบรมมาเป็นอย่างดี “สำหรับคนเป็นหมอคนไข้ก็ต้องสำคัญเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้วละค่ะ ใช่ไหมลูก”
“ค่ะคุณแม่”
รินดายิ้มหวานรับคำมารดา ยังไม่ทันมีใครได้เอ่ยอะไรออกมาอีก วีรภัทรก็ก้าวเข้ามาหยุดเท้าตรงหน้าทุกคน แม้จะมีรอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา หากแต่ดวงตาอีกสามคู่กลับเบิกกว้าง คุณหญิงรัตนากับรินดาถึงกับอ้าปากพะงาบ คุณหญิงทิพปภาเองก็เช่นกัน เมื่อเห็นการแต่งตัวของลูกชายถึงกับพูดไม่ออก
“สวัสดีครับทุกคนรอผมนานไหมครับ”
วีรภัทรกล่าวทักทายทุกคน มือหนาขยับเก้าอี้ตัวที่ติดกับคุณหญิงทิพปภาผู้เป็นมารดาออกแล้วนั่งลง ในขณะที่ดวงตาคมกริบกวาดมองทุุกคนในโต๊ะอย่างเท่าเทียมก่อนจะหยุดสายตาที่รินดา
“สวัสดีครับน้องริน พี่หมอภัทรนะครับ”
วีรภัทรยื่นมือออกไปตรงหนาหวังจะจับมือทักทาย แต่อีกฝ่ายสั่นหน้ารัวๆ พลางเบียดตัวเข้าหาคุณหญิงรัตนาคล้ายกำลังหวาดกลัวระคนรังเกียจ
“คะคุณแม่คะเรากลับกันดีกว่าค่ะ”
“ไปลูก” คุณหญิงรัตนาขยับตัวลุกขึ้นในขณะที่โอบกอดร่างของคนเป็นลูกสาวไว้คล้ายปกป้อง ก่อนจะหันไปบอกกับคุณหญิงทิพปภา “น้องขอตัวกลับก่อนนะคะคุณพี่”
“ดะเดี๋ยวก่อนค่ะ คุณน้องคะ คุณน้อง หนูริน”
คุณหญิงทิพปภาพยายามจะรั้งสองแม่ลูกเอาไว้แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้ว เพราะคุณหญิงรัตนาบอกเพียงเท่านั้นก็พากันจ้ำอ้าวออกไปทันที วีรภัทรที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้ามอมแมมไม่ต่างจากยาจก แถมแพทย์หนุ่มยังสวมวิกผมหนาๆ หัวฟูๆ อีก ใบหน้าหล่อเหลาถูกแต่งแต้มด้วยไฝเม็ดโตๆ ที่มุมปาก แสร้งทำสีหน้าเลิกลั่กก่อนจะหัวเราะร่วนเมื่อสองแม่ลูกพ้นระยะสายตาไปแล้ว
“ฮาๆ”
เพี้ยะ!
“โอ๊ย คุณแม่ครับ ตีผมทำไมเนี่ย เจ็บนะครับ”
วีรภัทรลูบต้นแขนตัวเองป้อยๆ คล้ายกำลังเจ็บเสียเต็มประดา หากแต่ดวงตาคมกริบกลับดูพราวระยับจนเกินควร จนคุณหญิงทิพปภาอดไม่ได้ คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของลูกชายก่อนจะออกแรงบิดสุดแรงจนเจ้าตัวต้องสูดปาก
“โอ๊ยๆ คุณแม่ ผมเจ็บจริงๆ นะครับ”