“หนู...ไม่รู้ว่าทำไมเฮียถึงใจดีกับหนูขนาดนี้ แต่หนูสัญญานะคะว่าหนูจะซื่อสัตย์กับเฮีย จะไม่มีวันทรยศเฮียแน่นอนค่ะ แล้วหนูก็จะตั้งใจเรียน จะเอาเกียรตินิยมมาแทนคำขอบคุณสำหรับโน้ตบุ๊กเครื่องนี้นะคะ”
“ฉันไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทน แต่ถ้าเธอกล้าหักหลังฉันเมื่อไหร่...ก็อย่าหวังว่าจะได้รับอะไรจากฉันอีก และจำเอาไว้ว่าฉันยังไม่ไว้ใจเธอ”
คราวนี้เขาก้าวขึ้นบันไดไปโดยไม่หันกลับมามองเธออีกเลย ทว่าอริสรากลับมองเขาในมุมที่เปลี่ยนไปจากเดิม
บางทีที่เธอคิดว่าเขาน่ากลัว...มันอาจจะไม่ใช่แบบนั้น เหมือนที่สารินบอกว่าเฮียไม่ใช่คนใจร้าย เขาก็แค่ไม่ใจดีกับทุกคนเท่านั้นเอง
หญิงสาวเอื้อมมือไปลูบโน้ตบุ๊กก่อนที่น้ำตาจะเอ่อคลอออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะแค่ให้ยืม แต่การให้ยืมไปจนเรียนจบมันก็เกินความคาดหมายของเธอไปมากแล้ว
อริสราเช็ดหยดน้ำที่ปลายคาง หลังล้างจานใบสุดท้ายเสร็จ กลิ่นน้ำยาล้างจานจางไปกับกลิ่นผัดผักที่ยังอบอวลอยู่ในอากาศ เธอเหลือบมองนาฬิกาที่ผนังเหลือเวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีตามที่บอกเขาไว้
หัวใจเต้นแรงขึ้นทุกครั้งที่คิดถึงคำว่า ‘เตรียมเสื้อผ้าให้ฉัน’ ไม่ใช่เพราะงานยาก แต่เพราะต้องก้าวเข้าไปในอาณาเขตของชายที่ทั้งน่ากลัวและ…ใจดีในแบบที่ทำให้เธอสับสนเหลือเกิน
เธอรีบเก็บผ้ากันเปื้อน ล้างมือลวกๆ แล้วก้าวขึ้นบันได เสียงส้นเท้าเล็กกระทบพื้นเป็นจังหวะเบาๆ ในเพนต์เฮาส์เงียบกริบจนได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง
ประตูห้องนอนใหญ่เปิดออกช้าๆ กลิ่นน้ำหอมอ่อนผสมกลิ่นไม้ซีดาร์เฉพาะตัวของพงศ์วิชญ์ลอยมาแตะปลายจมูก ห้องกว้างเรียบกริบเหมือนภาพในนิตยสาร เธอเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแบบบิลด์อิน เปิดบานประตู เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตหลากเฉดเรียงเป็นแนวเป๊ะเหมือนสั่งด้วยไม้บรรทัด
“ต้องเอาชุดไหนนะ…” เธอพึมพำ มือไล้ไปตามผ้าเนื้อดี ก่อนเลือกเชิ้ตสีดำสนิทกับกางเกงสแล็กเข้าชุดสำหรับคืนนี้ พลางหยิบผ้าเช็ดตัวผืนหนาและเสื้อคลุมอาบน้ำสีเทาเข้มวางพับอย่างเป็นระเบียบบนเตียง
เสียงฝีเท้าเงียบแต่หนักแน่นดังขึ้นด้านหลัง ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเธอหันไปก็พบร่างสูงของพงศ์วิชญ์ยืนพิงกรอบประตู สายตาคมกริบกรุ่นบางอย่างที่อ่านไม่ออก
“เร็วดีนี่” น้ำเสียงทุ้มต่ำกดอยู่ในอก
“ค่ะเฮีย เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว หนูเตรียมไว้แล้วค่ะ”
เขาก้าวเข้ามาใกล้จนเธอต้องถอยหลังโดยอัตโนมัติ กลิ่นกายอุ่นผสมกลิ่นน้ำหอมเข้มข้นกว่าที่ลอยในห้องทำให้หัวใจเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
“เฮีย…มีอะไรจะสั่งอีกมั้ยคะ ถ้าไม่มี...”
“มี” เขาตอบสั้น พลางก้มมองเธอที่ยืนกอดแขนแน่น
“ก่อนออกไป ฉันต้องอาบน้ำให้สดชื่น”
พงศ์วิชญ์ยกมุมปากกระตุกยิ้มบาง คล้ายจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร
“จำคำพูดตัวเองได้ใช่มั้ย”
“คำพูด...อะไรคะ” เสียงเธอแทบเป็นกระซิบ
“ก็ที่ว่าจะทำตามทุกอย่างที่ฉันสั่ง”
“อ๋อ จำได้ค่ะ เฮียมีอะไรให้หนูทำก็สั่งมาได้เลยค่ะ” เธอตอบพร้อมรอยยิ้มที่มันทำให้คนมองรู้สึกคันยุบยิบในใจอย่างประหลาด
“งั้นก็ทำตามนั้น เดี๋ยวฉันจะไปอาบน้ำ รอตรงนี้ก่อน”
บอกเธอแล้วก็หายเข้าไปในห้องแต่งตัวก่อนจะกลับออกมาในสภาพไม่เรียบร้อยนัก
“ตามมา”
“เฮีย...จะ...จะให้หนูเข้าไปทำไมคะ เฮียจะอาบน้ำไม่ใช่เหรอ”
เธอเอ่ยถามเสียงสั่น พยายามไม่มองแผงอกเปลือยเปล่าและแผ่นท้องเป็นลอนเหนือผ้าขนหนูเนื้อหนาสีขาวที่ปิดท่อนล่างของเขาเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่เพราะมันทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงผิดปกติ
“เธอเป็นสาวใช้ของฉันไม่ใช่เหรอ?”
“กะ...ก็ใช่ค่ะ”
“งั้นก็ตามมาอาบน้ำให้ฉันสิ”
“อะไรนะคะ! แต่เฮียไม่ใช่เด็กแล้วนะ ตัวก็โตออกขนาดนี้ ทำไมจะต้องให้หนูมาอาบน้ำให้ด้วยล่ะ”
“ไหนบอกว่าถ้าฉันไว้ชีวิตเธอแล้วเธอจะทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง? หรือตอนนี้ไม่รักตัวกลัวตายแล้วหรือไง”
“ก็...กลัวค่ะ แต่หนูแค่สงสัย”
“อยากรู้มั้ยว่าคนที่ชอบสงสัยมักจะมีจุดจบยังไง”
เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วมองด้วยแววตาน่ากลัว เล่นเอาขนอ่อนในกายเธอลุกเกรียวไปหมด ยิ่งนึกไปถึงตอนที่เลือดเปื้อนมือเขา เธอก็คิดได้ว่าไม่จำเป็นต้องสงสัยอะไรให้มากความอีก เพราะเธออาจจะโดนเขาฆ่าตายตามผู้ชายคนนั้นไปก็ได้
“ไม่อยากค่ะ เชิญ...เชิญเฮียเดินนำเลยค่ะ เดี๋ยวหนูจะอาบน้ำให้เฮียแบบสะอาดหมดจดทุกซอกทุกมุมเหมือนตอนที่อาบน้ำหมา...เอ๊ย! เหมือนตอนที่อาบน้ำให้ตุ๊กตาเลยค่ะ”
“ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาของเธอ” คนดุบอกก่อนจะเดินนำเธอเข้าไปในห้องอาบน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าห้องเช่าของเธอเสียอีก
ร่างสูงหยุดอยู่ข้างอ่างจากุชชี่ก่อนชำเลืองมองเธอครู่หนึ่ง มือหนาก็ปลดผ้าขนหนูออกจากตัวแล้วปล่อยให้มันร่วงไปกองลงบนพื้น แต่เหมือนว่าไม่ใช่มีแค่ผ้าขนหนูที่ร่วงลงไป เพราะตอนนี้หัวใจของเธอก็หล่นไปอยู่บนพื้นเช่นกันเพราะบั้นท้ายแน่นหนั่นของเขาที่อยู่ตรงหน้ามันทำให้สาวน้อยแทบเป็นลมอยู่ตรงนี้