เสียงเครื่องยนต์รถเอสยูวีเงียบลงตรงลานจอดของหอพักเก่าในซอยเล็กๆ สารินไม่ได้เปิดประตูให้เพราะเขาตั้งใจจะนั่งรอในรถ อริสราก้าวลงมาพร้อมถุงผ้าใบเดิมที่เธอใช้เป็นกระเป๋าประจำ แสงไฟฟลูออเรสเซนต์หน้าตึกกะพริบหลายครั้งคล้ายจะดับได้ทุกเมื่อ มันดูซอมซ่อเกินกว่าจะอยู่อาศัยแต่สำหรับอริสรา ที่นี่คือ ‘บ้าน’ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“พี่รออยู่ตรงนี้นะอาย เก็บของที่จำเป็นก็พอ ตอนนี้ดึกมากแล้ว ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มพรุ่งนี้ค่อยมาขนใหม่หลังเลิกเรียนละกัน”
เสียงทุ้มเรียบของสารินดังขึ้น อริสราพยักหน้ารับ ก่อนเดินขึ้นบันไดเหล็กที่คุ้นเคยโดยไม่คิดจะหลบหนีไปไหน
ห้องเช่าเล็กๆ บนชั้นสามเปิดออกพร้อมกลิ่นสบู่ราคาถูกและไม้ถูพื้นเก่าๆ พื้นที่ราวสิบตารางเมตรว่างเปล่าเกินครึ่ง ตู้เสื้อผ้าเหล็กบานเล็กชำรุดด้านข้าง เตียงเดี่ยวมีผ้าห่มซีดที่เธอซักจนบาง ทุกสิ่งเป็นของราคาถูกที่เธอซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรง และเกือบทั้งหมดก็ไม่จำเป็นต้องขนย้าย
เธอก้มลงเปิดลิ้นชัก หยิบเสื้อผ้าที่จำเป็นไม่กี่ชุด หนังสือเรียนสองสามเล่ม และซองค่าเทอมที่เพิ่งเก็บได้จากค่าทิปของคืนก่อนๆ ห่อรวมใส่กระเป๋าผ้าด้วยมือสั่นๆ ในใจโล่งอยู่บ้างที่พงศ์วิชญ์อนุญาตให้เธอเช่าห้องนี้ต่อ อย่างน้อยหากวันหนึ่งถูกเขาไล่ตะเพิดออกมาเธอก็ยังมีที่ให้ซุกหัวนอน อีกอย่างค่าเช่าห้องก็แค่พันห้า เงินเดือนสามหมื่นที่เขาให้มันพอให้เธอจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าเป็นปีได้ด้วยซ้ำไป และเมื่อไหร่ที่เธอมีเงินเก็บมากพอ เธอก็จะหาห้องเช่าที่ดีและปลอดภัยกว่านี้ในการอยู่อาศัย
แต่ทุกอย่างมันก็เป็นเรื่องของอนาคต ไม่แน่ว่าเธออาจจะโดนเขาไล่ออกตั้งแต่ทำงานวันแรกก็ได้ เพราะเธอเดาใจผู้ชายคนนั้นไม่ออกจริงๆ
ก่อนปิดประตู อริสราหันมองรอบห้องอีกครั้ง ความทรงจำทุกอย่างผุดขึ้น คืนที่กลับมาจากงานเสิร์ฟเหนื่อยแทบสลบ เช้าตรู่ที่ต้องเร่งอ่านหนังสือสอบในห้องแคบๆ นี้ เธอสูดลมหายใจลึก หวังว่าจะได้กลับมาที่นี่ด้วยตัวเองไม่ใช่ในฐานะคนที่ต้องหลบหนีมา
เมื่อลงมาถึงชั้นล่างสารินก็ไม่ได้อยู่ในรถแต่เขายืนอยู่ที่หน้ารถ ชายหนุ่มเดินมารับกระเป๋าจากมือเธอแล้วพาไปยังรถโดยไม่พูดมากอีก ก่อนจะพาเธอกลับไปยังเส้นทางเดิมอีกครั้ง
ถนนกลางดึกมีเพียงแสงไฟสีส้มจากเสาไฟเรียงราย ความเงียบระหว่างทางไม่ได้กดดัน แต่ก็ทำให้เธอมีเวลาคิดถึงสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า
เจ้านายผู้เย็นชา...และชีวิตใหม่ที่ไม่รู้จะเป็นเช่นไร
ไม่นานรถก็แล่นมาจอดหน้าอาคารหลังเดิม พนักงานรักษาความปลอดภัยโค้งให้สารินอย่างรู้หน้าที่ เมื่อประตูลิฟต์เปิด กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ผสมกลิ่นไม้หอมลอยออกมาต้อนรับ
“พี่แสนคะ”
“มีอะไร”
“ทำไม...รปภ. เค้าถึงคำนับให้พี่ด้วยล่ะคะ หรือว่าเค้าคำนับให้ลูกค้าทุกคน”
“ที่เค้าคำนับให้พี่ไม่ใช่เพราะพี่เป็นลูกค้าหรอก”
“แล้วทำไมล่ะคะ”
“เพราะพี่เป็นคนดูแลอาคารนี้ให้เฮียไงล่ะ”
เธอมองหน้าเขาอย่างสงสัย เพราะยังไม่เข้าใจสิ่งที่เขาบอก เขาจึงได้ขยายความให้กระจ่างมากขึ้น
“เฮียไม่ใช่แค่เจ้าของห้องเพนต์เฮาส์ชั้นบนสุด แต่เป็นเจ้าของที่นี่ทั้งหมด”
“เป็นเจ้าของที่นี่...หมายถึง...คอนโดนี้...เป็นของเฮียหมดเลยเหรอคะ ทุกห้องเลยเหรอ” เธอทำตาโตเมื่อเริ่มเข้าใจในสิ่งที่เขาบอก
“ใช่ ไม่ใช่แค่ที่นี่นะ ยังมีคอนโดอีกหลายที่ทั้งในกรุงเทพฯ และพัทยาที่เฮียเป็นเจ้าของ แต่หลักๆ แล้วเฮียจะให้น้องชายอีกสองคนคอยดูแลน่ะ เฮียจะทำงานที่ Black Knight เป็นหลัก”
“Black Knight? หมายถึง...ผับหรูที่เค้าพูดกันว่าต้องมีค่าสมัครสมาชิกหลักล้านถึงจะเข้าห้องวีไอพีได้น่ะเหรอคะ”
“ใช่ ที่นั่นแหละ”
“โห นี่เฮียวิชญ์เค้ารวยระดับร้อยล้านเลยมั้งคะเนี่ย”
“ร้อยล้านเหรอ? น้อยไปละมั้ง อย่างเฮียน่ะ...น่าจะระดับหลายพันล้านเลยล่ะ ดีไม่ดีอาจจะถึงหมื่นล้านเลยด้วยซ้ำไป” เขาบอกยิ้มๆ
“หมื่นล้าน!” เป็นอีกครั้งที่เธอต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เพิ่งเข้าใจตอนนี้เองว่าทำไมสารินถึงบอกให้เธอซื่อสัตย์กับเจ้านายแล้วจะไม่มีวันอดตาย ได้ยินแบบนี้แล้วเธอจะไม่มีวันทรยศเจ้านายผู้ร่ำรวยคนนี้อย่างแน่นอน ต่อให้ต้องเป็นสาวใช้ของเขาไปทั้งชีวิตเธอก็ยอมล่ะ
ไม่นานลิฟต์ตัวใหญ่ก็พาพวกเขากลับมาที่หน้าห้องเพนต์เฮาส์ชั้นบนสุดซึ่งมีลูกน้องของพงศ์วิชญ์คอยดูแลความปลอดภัยอยู่สี่คน สารินพาเธอเดินเข้าไปหาคนทั้งสี่ราวกับอยากจะแนะนำเธอให้ทุกคนได้รู้จัก
“น้องเค้าชื่ออาย เฮียให้มาเป็นสาวใช้ส่วนตัวของเฮีย ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ไอ้เม้ง มึงมีหน้าที่ขับรถรับส่งน้องเค้าเวลาน้องไปเรียนหรือไปซื้อของ เฮียบอกว่าห้ามปล่อยน้องให้คลาดสายตา ถ้าน้องหาย...มึงได้ไปนอนคุยกับรากมะม่วงแน่”
“ครับลูกพี่”
“คนนี้ชื่อเม้ง เป็นบอดี้การ์ดฝีมือดี ปกติจะผลัดกันเฝ้าหน้าห้องเฮียคนละกะ ถ้าอายจะไปไหนก็ให้มันไปส่ง ห้ามไปคนเดียวเข้าใจนะ”
เขาหันมาบอกสาวใช้คนใหม่ของเจ้านาย
“ค่ะพี่แสน”
“อืม งั้นก็เข้าไปได้แล้ว เฮียบอกมั้ยว่าให้นอนห้องไหน”
“บอกแล้วค่ะ เฮียให้หนูนอนข้างห้องทำงานของเฮีย”
ได้ยินอย่างนั้นสารินก็เหมือนจะอึ้งไปไม่น้อย แต่เพราะเขาไม่มีหน้าที่ต้องสงสัย จึงไม่คิดจะถามอะไรให้มากความ