20. ออกหน้าแทน

1770 คำ
คำพูดของหมอหญิงทำให้ขันทีเฒ่าต้องหยุดชะงัก เพื่อรอฟังคำสั่งใหม่จากผู้เป็นนาย ที่โบกมือให้เขาหยุด เพราะมันจริงอย่างที่นางว่า หากรื้อต้นไม้ในยามนี้คงเป็นที่น่าสงสัยแน่ “แจ้งข้าราชบริพารว่าจัดสวนใหม่ ถ้าทำเช่นนี้ก็ไม่น่าสงสัยแล้ว แสร้งเอ่ยถึงเรื่องฮวงจุ้ยไปเลยก็ได้ ทว่าต้องทำในวันพรุ่งถึงจะไม่เป็นที่จับตา หากปิดหน้าต่างไว้เจ้าคิดว่ามันจะมีผลหรือไม่” ไป่เสวียนหันมาถามคนตัวเล็กในประโยคท้าย “ใช้ผ้ามาปิดคลุมไว้อีกชั้นก็ดีเพคะ เพราะกลิ่นมันลอยมาตามลม เป็นไปได้พยายามอย่าให้คนเข้าออกห้องนี้ เพราะเกสรของมันจะอยู่ในอากาศ หากติดมาตามอาภรณ์ก็นำพิษมาสู่พระวรกายรัชทายาทได้” หญิงสาวตอบฉะฉานสมกับเป็นหมอ เพราะความรู้ที่นางมีเรียกได้ว่าแน่นหัว เพราะไฉ่เล่ออิงเป็นหมอมาถึงสองภพ ทำให้นางรอบรู้มากกว่าผู้อื่นนัก “จะ…จะจริงหรือ เช่นนั้นเจ้าพอจะหาวิธีรักษาได้หรือไม่” ไทเฮารีบเอ่ยถาม พระนางรู้สึกร้อนใจมาก “หม่อมฉันจะทำอย่างเต็มที่เพคะ ทว่าเรากำจัดหญ้าดอกเหลืองออกไปแล้ว สองถึงสามวันอาการของรัชทายาทจะไม่ต่างจากคนถูกพิษทั่วไป ปากจะคล้ำ เล็บจะเขียว เพราะไม่มีกลิ่นของพืชระงับอาการ หวังว่าทุกพระองค์จะเข้าใจสถานการณ์นะเพคะ” เล่ออิงรีบเอ่ยถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า ไม่เช่นนั้นตนและพี่สาวคงถูกตัดหัวก่อนค้นพบยารักษาเป็นแน่ “หมายความว่าอาการรัชทายาทจะทรุดหรือ” ฮ่องเต้รีบถาม ยามนี้เขาสับสนไปหมดแล้ว “อาการของรัชทายาทเป็นเช่นที่หม่อมฉันเอ่ยอยู่แล้วเพคะ หากไม่มีกลิ่นของหญ้าดอกเหลืองทำให้ร่างกายดูปกติ เชื่อว่าหมอหลวงคงตรวจอาการพบนานแล้วว่ารัชทายาทถูกพิษ ไม่แน่อาจมีคนรักษาจนหายแล้วก็เป็นได้เพคะ” บอกไปตามจริง ฮ่องเต้และไทเฮาถึงกับเข่าทรุด ต้องมีคนมาพยุงไว้ “เจ้าคิดว่าจะหาต้นพิษได้หรือไม่” ไป่เสวียนเอ่ยถาม ในขณะที่พวกเขาเดินกลับมาที่เตียงของคนป่วย “ถ้าคนร้ายไม่รู้ตัวเสียก่อน ก็น่าจะได้เพคะ หม่อมฉันไม่รู้กฎเกณฑ์ภายในวัง มีคนเข้าออกที่นี่มากน้อยเพียงใด ที่สำคัญก่อนรัชทายาทล้มป่วยทำอันใดมา กี่วันอาการถึงได้ทรุดจนไม่ได้สติ เรื่องพวกนี้จำต้องรู้ให้ละเอียดเพคะ จึงจะหาที่มาของพิษได้ อย่างที่บอกว่า บางทีพิษมากับลม ไม่ก็แมลงหรือเสื้อผ้าอาภรณ์ แม้แต่ของประดับที่ใช้อยู่ทุกวัน ทุกอย่างสามารถซ่อนพิษติดมาได้ทั้งนั้น เพราะการตรวจสอบส่วนมากก็ตรวจแค่อาหารใช่หรือไม่เพคะ” นางร่ายยาวถึงหลักความเป็นจริงที่เรียนรู้มา ตั้งแต่ช่วยสองพี่น้องไว้เมื่อสิบเอ็ดปีก่อน ไฉ่เล่ออิงก็ศึกษาตำราพิษควบคู่กับสมุนไพรรักษา เพราะคนยุคโบราณมักปลิดชีพด้วยวิธีนี้ทั้งนั้น มันง่ายกว่าการลงมือซึ่งหน้า “แล้วเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร ยังเด็กอยู่แท้ ๆ เหตุใดรู้เรื่องพิษมากมายถึงเพียงนี้” ฮ่องเต้เริ่มฉงนในความสามารถนางขึ้นมา ไป่เสวียนอ้าปากหมายจะช่วยพูด ทว่าคนตัวเล็กได้แก้ต่างให้ตนเองเสียก่อน “หม่อมฉันเข้าพระทัยที่ฝ่าบาทสงสัยเพคะ ใครได้ฟังก็คงคิดเช่นพระองค์กล่าว ทว่าที่หม่อมฉันรู้มากก็เพราะร่ำเรียนมาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างตอนที่พบกับพี่สาวผู้นี้ นางก็ถูกพิษจนแทบเอาชีวิตไม่รอด หม่อมฉันพยายามปรุงยารักษาพวกเขาจนรอดมาได้ จึงทำให้รู้สึกภูมิใจในตนเอง จึงตั้งใจศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพิษทุกชนิด และยาแก้จนเชี่ยวชาญ เพราะเชื่อว่าต้องได้ใช้มันในสักวัน” นางเอ่ยเสียงเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ จากนั้นใจ๋ใจ๋ก็เอ่ยเล่าถึงภูมิหลังของตนให้คนในห้องฟังตั้งแต่เริ่มแรก ไป่เสวียนและฮ่องเต้ถึงกับไม่เชื่อหู ต่างแคว้นจับชาวบ้านไปทดลองพิษกระนั้นหรือ แม้แต่เด็กเล็กก็ไม่ละเว้น “จำได้หรือไม่ว่าหุบเขานั้นอยู่ที่ใด” ไป่เสวียนหันมาสนใจเรื่องที่ใจ๋ใจ๋เอ่ย เพราะมันอาจส่งผลต่อแคว้นในภายหน้าก็เป็นได้ “ตอนนั้นเรายังเด็กเพคะ ตอนหนีก็วิ่งอย่างเดียวไม่ได้สังเกตสิ่งใด ถูกจับได้พวกมันก็ทำร้ายแล้วกรอกยา แทงซ้ำแล้วก็โยนทิ้งลงแม่น้ำ เราต้องเอาตัวรอดเลยไม่ได้สนใจอย่างอื่นเพคะ” ใจ๋ใจ๋เอ่ยบอกเสียงเครือ นึกถึงทีไรก็ตัวสั่นเทาทุกรอบ แม้จะผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่ภาพมันยังคงชัดเจน “ถ้าเช่นนั้นก็ช่างเถอะ เอาไว้เราค่อยสืบหาทีหลังก็ได้ หากเป็นเช่นที่ท่านหมอเอ่ย ก็รีบหาวิธีรักษารัชทายาทเถิด” ไป่เสวียนบอกเสียงเรียบ เมื่อเห็นสายตาคนตัวเล็กมองมาอย่างไม่ชอบใจ คล้ายกับตำหนิเขาเรื่องที่ย้ำให้ใจ๋ใจ๋ต้องเป็นทุกข์กระมัง “ก็ได้ ข้าจะลองเชื่อดู แต่เจ้าทั้งคู่จงรู้ไว้ หากทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่เอ่ย ตระกูลของพวกเจ้าจะไม่มีอยู่บนแผ่นดินนี้อีก มีกี่หัวข้าจะเอามาเซ่นสังเวยให้หมด” เสียงประกาศิตดังขึ้นชวนให้ขนลุกยิ่งนัก แม้แต่เล่ออิงที่ไม่ค่อยกลัวสิ่งใดยังเกิดความกังวล เพราะในใจกำลังห่วงบุตรตัวน้อยที่ตนทิ้งมา ไม่รู้ในยามนี้หนีออกไปได้สำเร็จหรือไม่ หวังว่าสวรรค์จะไม่รังแกกันจนเกินไป ต่อให้นางต้องตายก็ขอให้บุตรของตนได้มีชีวิตต่อเถิด “หม่อมฉันทั้งสองจะทำอย่างเต็มที่เพคะ” สองพี่น้องคุกเข่าลงยกมือประสานกันก้มลงให้คำสัตย์กับเจ้าเหนือหัว โดยมีสายตาของชินอ๋องคอยมองอยู่ตลอด “ต้องการสิ่งใดก็แจ้งกับขันทีอู่ได้เลย เขาจะอยู่ช่วยเจ้าที่นี่” “หม่อมฉันอยากได้ห้องปรุงยาเพคะ ขอเป็นห้องที่อยู่ใกล้ห้องบรรทมรัชทายาทที่สุด เพื่อให้ง่ายต่อการรักษา ทว่าวันนี้หม่อมฉันอยากลองฝังเข็มขับพิษออกมาก่อน ไม่แน่รัชทายาทอาจรู้สึกตัวก็ได้เพคะ” รีบบอกแนวทางอีกอย่าง เมื่อเห็นว่าคนในห้องดูเหมือนจะยอมให้ตนรักษาแล้ว “ฝังเข็มหรือ?” ไทเฮาถามอย่างไม่เชื่อ “เพคะ เป็นการกระตุ้นเลือดโดยให้คนป่วยกระอักออกมาเพคะ มากน้อยก็แล้วแต่ร่างกายและพิษที่อยู่ในตัว หม่อมฉันต้องบอกก่อน จะได้ไม่ตกพระทัยกันเพคะ” “ฝ่าบาท กระหม่อมว่าให้นางลองเถิดพ่ะย่ะค่ะ หากเราปล่อยไว้เช่นนี้ก็รังแต่จะเสียเวลาไปเรื่อย หากฉงอวี้ได้รับพิษจริง มันจะยิ่งเสี่ยงหากไม่รีบรักษา ในเมื่อนอนหมดสติมาครึ่งเดือนแล้ว ลองดูสักนิดก็คงไม่เสียหลายหรอกพ่ะย่ะค่ะ” เล่ออิงเงยหน้าขึ้นมองชินอ๋องเมื่อเห็นเขาช่วยพูดให้ เพราะเท่าที่เห็นฮ่องเต้มีอาการลังเล เหมือนไม่ไว้ใจนางแล้ว “ชินอ๋องเจ้าอย่าได้เอ่ยเหมือนเล่นขายของเชียว นี่มันชีวิตรัชทายาทของแคว้นเลยนะ จะทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ หากเกิดอันใดขึ้น ใครจะรับผิดชอบ หัวของพวกนางไม่มีค่าเท่าพระนัดดาข้าหรอกนะ” ไทเฮากล่าวเสียงดัง ไป่เสวียนขบกรามแน่นนึกไม่ถึงว่าไทเฮาจะเกิดดื้อดึงขึ้นมา เมื่อครู่ก็ยังเห็นดีเห็นงามอยู่แท้ ๆ เขาจึงเดินมาคุกเข่าลงข้างหมอหญิงแล้วเอ่ยขึ้น “กระหม่อมจะรับผิดชอบคุมการรักษาในครานี้ด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ หากนางทำผิดพลาดจนทำให้รัชทายาทสิ้นพระชนม์ เสด็จแม่ทรงเอาหัวกระหม่อมไปได้เลย” เขาเอ่ยเสียงดังฟังชัด แต่ละคำมันหนักแน่นมากจนคนในห้องถึงกับฉงน แม้แต่ไฉ่เล่ออิงยังไม่เชื่อหู นึกไม่ถึงว่าเขาจะกล้าออกรับแทน ฮ่องเต้มองพระเชษฐาของตนนิ่ง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงได้เอาชีวิตตนมาเสี่ยงเพื่อสตรีที่พึ่งพบหน้ากัน “ชินอ๋องเจ้าเอ่ยอันใดออกมารู้หรือไม่ พวกนางก็แค่หมอธรรมดา ควรค่าให้เจ้าเอาชีวิตมาแลกกระนั้นหรือ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” ไทเฮาออกคำสั่งเหมือนเคย ทว่าอีกฝ่ายยังคงนิ่ง “ลูกเชื่อว่าบนแผ่นดินนี้ยังมีคนเก่งอีกมากมาย พวกเขาไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในตำราที่ร่ำเรียน ทว่าฝีมือที่ได้มาล้วนแต่พบเจอกับเหตุการณ์จริงทั้งนั้น คนเช่นนี้ลูกเชื่อว่าต้องรักษารัชทายาทให้หายกลับมามีชีวิตได้อีกแน่พ่ะย่ะค่ะ” ทุกถ้อยคำของชินอ๋องล้วนแต่มีเหตุผล ทำให้ไทเฮาพระทัยเย็นลงบ้างแล้ว จึงหันมาหาโอรสของตนที่ยืนครุ่นคิดอยู่ “เอาเถิด ในเมื่อเจ้าเชื่อมั่นนางถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ลองดูก็แล้วกัน แต่ข้าขออยู่ดูด้วยนะ ส่วนเสด็จแม่ทรงกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวจะล้มป่วยไปอีกคน” หันมาเอ่ยกับมารดา พร้อมกับยกมือลูบไหล่นางแผ่วเบา “ได้ อย่าลืมส่งข่าวให้แม่รู้ด้วยนะ” ไทเฮารับปากเสียงเบา หากดื้อดึงต่อก็รังแต่จะทำให้ยุ่งยาก ในเมื่อชินอ๋องกล้าเอ่ยปากรับประกัน นางก็จะปล่อยให้หมอผู้นี้รักษาไปแล้วกัน ไม่แน่ยิงนกครั้งเดียวอาจตายถึงสองตัวก็เป็นได้ #ขอโทษที่ลงช้านะคะ กว่าจะผ่านช่วงนี้ไปได้ เหนื่อยจนไม่มีแรงทำอะไร คุณแม่ขยับไม่ได้ ต้องใส่แพมเพิส แกตัวใหญ่พอสมควร ไอ้เราก็ตัวเล็ก จับแกพลิกทีก็ปวดหลัง เพราะไรท์เองก็พึ่งผ่าตัดมะเร็งปากมดลูกมา เมื่อเดือนก่อนปวดหลังมากจนขยับเดินเหมือนหุ่นยนตร์ แต่ดีขึ้นแล้ว แม่ก็ดีขึ้นแล้ว จากนี้จะพยายามลงงานให้อย่างสม่ำเสมอนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ยังรอผลงานค่ะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม