เริ่มแผนการอย่างจริงจัง
อาหารที่สั่งมาค่อย ๆ หมดไปทีละถาดสองถาด กระทั่งมันหายไปจนเกือบทั้งหมด เหลืออยู่บนโต๊ะเพียงแค่สี่ถาดเล็ก ๆ เท่านั้น ดาวิกาวางตะเกียบ ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม เอนหลังพิงพนักพิงหลัง แล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
“อิ่มจังเลยค่ะ กินของหวานต่อไม่ไหวแน่เลย”
เตชินมองหญิงสาวหน้าอย่างพิจารณา ตัวเธอก็เล็กแค่นั้น กินไปได้อย่างไรเกือบทั้งหมด ขนาดเขาเป็นผู้ชายยังกินได้ไม่เยอะเท่าเธอเลย อีกอย่างเธอไม่กลัวอ้วนเลยหรือไง เท่าที่เขารู้คือผู้หญิงส่วนมากมักจะไม่ค่อยกินอะไรพวกนี้ ด้วยกลัวน้ำหนักขึ้นจนทำให้รูปร่างพัง ทว่าเขากลับไม่เห็นร่องรอยแห่งความกังวลนั้นในตัวเธอเลย มิหนำซ้ำยังคิดจะกินของหวานต่ออีก
“จะเดินไหวหรือเปล่าครับเนี่ย” ชายหนุ่มแกล้งแซวขำ ๆ ในใจก็นึกเอ็นดูเธออยู่ไม่น้อย
“ไหวค่ะ หนักกว่านี้ก็เคยมาแล้ว” ดาวิกายกมือทำสัญลักษณ์บอกว่าเธอโอเคให้เขาดู เตชินยิ้มพลางส่ายหน้า
“แล้วจะทานของหวานไหมครับ พี่จะได้เรียกพนักงานให้”
เธอนิ่งประเมินตัวเองครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าตอบ “ไม่ไหวแล้วค่ะ ถ้าสั่งของหวานมาอีก ดิวต้องเดินไม่ไหว แล้วพี่ชินก็คงต้องได้อุ้มดิวกลับบ้านแน่”
“พี่ไม่อุ้ม แต่พี่จะให้เรากลิ้งเอา”
“ง่ะ” ใบหน้าสวยหวานย่นจมูกใส่อย่างน่ารัก ทำเอาคนมองรู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจหน่อย ๆ “จะใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ดาวิกาทำหน้าอ้อนเข้าไปอีก ยิ่งทำให้หัวใจของเตชินสั่นไหวแรงขึ้นจนน่าประหลาดใจ ทว่ายังเก็บอาการได้ดี ชายหนุ่มเสมองออกไปนอกร้าน กระแอมไอเบา ๆ เพื่อตั้งสติ
“น้องดิวน่ารักขนาดนี้พี่จะใจร้ายได้ยังไง สั่งไหมครับ เดินไม่ไหวเดี๋ยวพี่อุ้มกลับเอง” ควบคุมตัวเองได้เขาก็หันกลับมาหยอดเธอกลับ ดาวิกาใจสั่นจนต้องแสร้งเล่นใหญ่ยกมือขึ้นมากุมอกข้างซ้ายของตัวเอง
“โอ๊ย ๆ ปากหวานขนาดนี้ น้องใจบางไปหมดแล้ว” เธอว่าพร้อมมองเขายิ้ม ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมกัน จากนั้นเธอก็ส่ายหน้า ตัดใจไม่กินของหวานต่อ “ไม่เอาแล้วค่ะ ดิวทานไม่ไหวแล้วจริง ๆ อิ่มมาก”
“โอเคครับ งั้นพี่ไปจ่ายตังค์เลยนะ” เขาบอกพร้อมล้วงกระเป๋าสตางค์หนังสีดำราคาแพงออกมา ดาวิการีบโบกมือห้าม
“พี่ชินคะ ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวดิวจ่ายเอง เมื่อกี้ดิวทานคนเดียวเลย” หญิงสาวเอียงข้างแล้วล้วงกระเป๋าสตางค์ใบยาวสีชมพูหวานแหววออกมาจากกระเป๋าสะพาย “ดิวจ่ายเองค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง”
แล้วมหกรรมการแย่งกันจ่ายค่าอาหารก็เกิดขึ้น ผ่านไปสักพักก็ได้ข้อสรุปว่าเตชินจะเป็นคนจ่ายเอง โดยเขาให้เหตุผลว่า ‘ถือว่าเลี้ยงตอบแทนที่ช่วยเลือกของขวัญให้แม่พี่’ จึงทำให้ดาวิกายอมถอยในที่สุด แต่ก็มิวายบอกต่อว่า...
“แต่คราวหน้าต้องให้ดิวจ่ายนะคะ”
“ได้ครับ”
หลังจากหมดธุระและเดินย่อยกันพอประมาณแล้ว เตชินก็ขับรถมาส่งดาวิกาที่บ้านในเวลาพลบค่ำ โชคดีที่พี่ชายของเธอโทร. ตาม ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องได้เดินเข้าช็อปนั้น ออกช็อปนี้กับเธออีกนาน ต้องขอบคุณพี่ชายเธอจริง ๆ ที่ช่วยเขาให้รอดพ้นไปอีกวัน
เมื่อรถแล่นเข้ามาจอดสนิทหน้าบ้านหลังใหญ่ ดาวิกาก็หันไปกล่าวขอบคุณตามมารยาทที่ถูกผู้เป็นย่าสั่งสอนมา “ถึงแล้ว ขอบคุณพี่ชินมาก ๆ นะคะที่มาส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณน้องดิวที่อุตส่าห์ไปเลือกของขวัญช่วยพี่” เตชินบอกยิ้ม ๆ แล้วเอี้ยวตัวไปข้างหลัง หยิบถุงกระดาษแบรนด์เนมใบใหญ่สามสี่ใบส่งให้แม่สาวนักช็อป
“ขอบคุณค่ะ”
“ส่วนนี่พี่ให้ครับ ของตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ” แล้วเขาก็ยื่นถุงกระดาษใบเล็ก ๆ ที่เควินเตรียมไว้ให้ส่งให้เธอ
“คะ ? ให้ดิวเหรอคะ” ดาวิกาชี้นิ้วเข้าหาตัวเองงง ๆ มองถุงแบรนด์เนมขนาดเล็กในมือเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาตอบแทนเธอเรื่องอะไรกัน ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถาม เขาก็เฉลยขึ้นมาเสียก่อน
“ตอบแทนที่น้องดิวช่วยพี่วันนี้ครับ”
“ก็ตอบแทนไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ ที่เลี้ยงข้าวนั่นไง มื้อนั้นก็ตั้งหลายพันเลยนะคะ” หญิงสาวไม่ยอมรับของจากเขา เพราะเธอรู้ว่าเครื่องประดับแบรนด์นี้ราคาแพงแค่ไหน มันมากเกินกว่าที่เธอจะรับเอาไว้ได้ อีกอย่างเธอช่วยเขาด้วยใจที่บริสุทธิ์ ไม่ได้หวังอะไรตอบแทนเลยสักนิด
“ข้าวก็ส่วนข้าวสิครับ รับไว้เถอะ พี่อยากให้” ดาวิกายังคงขมวดคิ้ว ไม่กล้ารับของจากเขา ทว่าเขากลับจับมือเธอให้รับถุงนั้นมาถือไว้ “ถือว่าเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากพี่ก็ได้ครับ”
“เล็กน้อย แต่แพงมากเลยค่ะ”
“แต่เราก็สาวกแบรนด์นี้นี่ ถ้าพี่ดูไม่ผิดสร้อยที่เราใส่ก็ของแบรนด์นี้”
“ใช่ค่ะ แต่...” หญิงสาวกำลังจะเถียง เตชินจึงรีบพูดแทรกขึ้นมา ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไรอีก
“ไม่ต้องแต่แล้วครับ มา เดี๋ยวพี่ใส่ให้ดีกว่า” เขาแย่งถุงสีสวยใบเล็กมาจากเธอ หยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินออกมา บรรจงเปิดมันอย่างเบามือ เผยให้เห็นกำไลข้อมือเส้นเล็ก ๆ รูปทรงเรียบ ๆ ทว่าดูแพง “ส่งแขนมาครับ”
เมื่อมาถึงขนาดนี้ก็ยากที่จะปฏิเสธ ดาวิกายอมส่งแขนให้เขาใส่สร้อยข้อมือให้แต่โดยดี ใส่เสร็จก็ยกแขนขึ้นระดับใบหน้าแล้วมองสำรวจมันอย่างถี่ถ้วน “สวยจังเลยค่ะ พี่ชินเลือกเองเหรอคะ”
“อ่า...ใช่ครับ ชอบไหม”
“ชอบค่ะ สวยมาก ขอบคุณพี่ชินมาก ๆ นะคะ ดิวไม่มีอะไรจะให้พี่ชินเลย” เธอบอกอย่างรู้สึกผิด ถ้าเธอรู้สักนิดว่าเขาจะมีของมาให้ เธอคงจะเตรียมของมาให้เขาบ้าง
“ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่ได้อยากได้อะไร”
“ฮื่อ...แต่ดิวเกรงใจจัง พี่ชินอยากได้อะไรไหมคะ บอกดิวมาได้เลยนะ ดิวพร้อมหาให้มาก”
ได้ยินแบบนั้นเตชินก็ยิ้มกริ่มขึ้นมาในใจ เพราะดูเหมือนว่าของที่เขาอยากได้ จะใกล้ความเป็นจริงเข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว หากแต่ในตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมก็เท่านั้น
“ได้ครับ ถ้าพี่อยากได้อะไรแล้วพี่จะบอกนะ”