เช้าวันต่อมา
บ้านเช่า
"ขอบคุณมากนะคะป้า" มิลลิหอบกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็นเข้ามายังในบ้าน ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวขนาดกะทัดรัด มีรั้วไม้ล้อมรอบมีต้นไม้อยู่หน้าบ้าน "นี่เงินค่าเช่าค่ะ"
"กำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเหรอ" ป้าเจ้าของบ้านเช่าถามอย่างสุภาพ
"ใช่ค่ะ หนูกำลังจะเข้ามหาลัย"
"อยู่คนเดียวแบบนี้อันตรายนะ อีกอย่างในซอยแถวนี้ก็เปลี่ยวมากด้วย"
"ไม่เป็นไรหรอกมั้งคะ หนูคิดว่ามันใกล้ทางออกและก็ใกล้กับป้ายโดยสาร จะได้ไม่ต้องขึ้นแท็กซี่ให้เปลืองเงินค่ะ สะดวกสบายดี"
"ถ้างั้นก็ตามสบายเลยนะ"
มิลลิยกมือไหว้ เนื่องด้วยนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตนจึงเป็นที่รักใคร่ของผู้คนที่พบเห็น หลังจากใช้เวลาครึ่งค่อนวัน จัดเก็บข้าวของทำความสะอาด เวลาก็ล่วงเลยเกือบจะบ่ายโมง
"พ่อจ๋าาา เรามาอยู่ด้วยกันที่นี่นะ"
สาวน้อยหยิบกรอบรูปของผู้เป็นพ่อขึ้นมาตั้งวางยังห้องโถง เพราะมีตู้ไม้ขนาดเล็กไว้เก็บของ ใครจะคิดว่าโชคชะตาจะโหดร้ายกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ขนาดนี้ หลังจากพ่อเสียชีวิตได้ไม่ถึงสามเดือนมิลลิก็เรียนจบ พ่อยังไม่ทันได้ถ่ายรูปร่วมแสดงความยินดีด้วยซ้ำ ส่วนแม่ตายตั้งแต่เธออายุเพียงสามขวบเท่านั้น จึงทำให้ต้องอยู่กับพ่อสองคน แต่ตอนนี้ต้องใช้ชีวิตลำพัง
ติก'
ยังพักไม่ทันหายเหนื่อย เสียงโทรศัพท์แจ้งเตือนเป็นข้อความ เมื่อหยิบขึ้นมาอ่านปรากฏว่าเป็นเพื่อนสาวคนสนิท เรียนอยู่โรงเรียนมัธยมเดียวกันที่ต่างจังหวัด
(มะปราง : มาหาหน่อย เดี๋ยวส่งโลเคชันให้)
ห้างสรรพสินค้า
เรียนจบมัธยมปลาย มิลลิจึงจำเป็นต้องย้ายจากบ้านนอกกลับเข้ามาเมืองกรุง เพราะสอบติดมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่นี่ โดยมีเพื่อนสนิทที่มีฐานะร่ำรวยย้ายมาเรียนด้วยเช่นกัน
"ดีใจจัง..ไม่เจอกันเกือบเดือน คิดถึงแย่" มะปรางยิ้มหวานให้มิลลิ "หิวไหม"
"ไม่ค่อยหิวหรอก ฉันกินมาจากบ้านแล้ว"
"อุตส่าห์ว่าจะชวนกินชาบูสักหน่อย"
"ถ้ามะปรางอยากกินเดี๋ยวไปนั่งรอก็ได้"
"กินคนเดียวไม่อร่อยหรอก งั้นไปเดินซื้อของแล้วค่อยกลับไปกินข้าวที่บ้านละกัน"
มะปราง สาวน้อยวัยสิบเก้าปี ใบหน้าจิ้มลิ้มดูภายนอกอาจจะหยิ่งแต่ที่จริงเป็นคนพูดเก่ง พ่อเป็นนักธุรกิจส่งออกผลไม้ ส่วนแม่เป็นสัตวแพทย์ สถานะทางบ้านร่ำรวย
เรียกว่าเป็นลูกคุณหนูเป็นหลานคุณนาย
"เอาไปสิ" มะปรางยื่นกระเป๋าสตางค์ให้
"เอาให้ทำไม" มิลลิถามสงสัย
"พอดีขอพ่อซื้อใบใหม่ คิดว่าใบนี้คงไม่ได้ใช้ ตอนซื้อเมื่อเดือนก่อนราคาหลายหมื่นเลยนะ"
"ใบแค่นี้เองทำไมแพงจัง!"
"ของแบรนด์เนมก็แพงเป็นเรื่องธรรมดา"
"ไม่ดีกว่า คือ.."
"บอกว่าให้เอาไปไง"
มะปรางมักยื่นของมือสองที่ใช้แล้วให้กับเพื่อนสนิทอยู่เสมอ ถึงแม้มิลลิจะปฏิเสธแต่ก็ถูกยัดเยียดให้ทุกครั้ง เพราะไม่อยากทะเลาะจึงรับไว้ ก่อนจะพาเดินซื้อของเที่ยวห้าง
ร้านกาแฟ
"ผลการเรียนออกแล้วนะ" มิลลิกดโทรศัพท์
"เหรอ...เธอสอบได้ที่เท่าไหร่"
"ฉันสอบได้ที่หนึ่งส่วนเธอก็ที่สอง เราเก่งทั้งคู่เลยเนอะ อยู่อันดับใกล้กันมาตลอดเลย"
รอยยิ้มของมิลลิยังคงเป็นมิตรอยู่เสมอ แถมยังคอยชื่นชมมะปรางที่มักจะเป็นรองเธอเสียทุกอย่าง แต่ไม่เคยด้อยค่าหรืออวดอ้าง
"มิลลิ!" เสียงเรียกของกลุ่มวัยรุ่นเดินเข้ามา ปรากฏว่าเป็นนักเรียนที่เรียนโรงเรียนมัธยมเดียวกัน เพราะจังหวัดไม่ไกลกันมาก อีกทั้งต้องเข้ามาสอบเรียนจึงทำให้พบเจอแต่คนรู้จัก
"สวัสดี บังเอิญจังเลยนะ" มิลลิทักทาย
"ว่าจะขอถ่ายรูปกับเธอวันจบ แต่มองหายังไงก็ไม่เจอ ทำไมวันนั้นถึงกลับไวนักล่ะ"
"คือ..."
"แต่ไม่เป็นไรหรอก วันนี้เจอแล้วขอถ่ายรูปด้วยหน่อยได้ไหม จะเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก"
เพราะมิลลิเรียกได้ว่าเป็นดาวเด่นของโรงเรียนมัธยมแห่งนั้น ทั้งเรียนหนังสือเก่งและเป็นนางรำ ความสวยงามเพียบพร้อมทุกอย่างจึงทำให้เป็นที่รักของนักเรียนคนอื่นๆ
แชะ
แชะ
เสียงชัตเตอร์ถ่ายรูปหลากหลาย ทุกคนมีรอยยิ้มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน สักพักมะปรางก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่งคำถาม "คลิปหลุดของเธอจับมือคนปล่อยได้หรือยังมิลลิ"
เพื่อนต่างห้องที่กำลังกดถ่ายรูปทำหน้าสงสัย คงเพราะตอนคลิปหลุดไม่ได้อยู่ในกรุปไลน์
"คลิปหลุดอะไรเหรอ?" ทั้งกลุ่มถาม
"เป็นความผิดพลาดในอดีต ตอนนั้นมิลลิยังเด็กอยู่ อย่าไปดูเลยนะ" มะปรางพูด
"พูดมาขนาดนี้พวกเราก็อยากรู้"
"ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่คลิปโป๊"
"คลิปโป๊!!"
ทุกคนตกใจจ้องมองหน้ามิลลิพร้อมทั้งซุบซิบนินทากันทั้งกลุ่ม ใครจะไปคิดว่านักเรียนดีเด่นประจำโรงเรียนจะมีคลิปอนาจารหลุดว่อน ก่อนที่มะปรางจะทำหน้าเชิงสงสาร
แต่ทำไม...
ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาต่อหน้าคนอื่น?