เช้าวันต่อมา
"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณยาย"
ฉันทักทายคุณยายดอกไม้ตามปกติเหมือนทุกวัน เพราะแกจะออกมาใส่บาตรตอนเช้าๆ ที่หน้าบ้านทุกวัน เราเลยได้เจอกันบ่อย เว้นแต่บางวันฉันมีเรียนสายเลยไม่ได้เจอหน้ากัน
"จ้ะลูก"
ฉันกำลังจะทักทายอีกคน แต่เขาหน้าบูดบึ้งจนไม่กล้าทักเลย คงจะโกรธเรื่องเมื่อวานนี้ล่ะ ปกติเจอหน้ากันนี่ยิ้มรับไปแล้วนะ
"จะไปเรียนแล้วเหรอลูก" เสียงคุณยายดอกไม้ถาม ฉันเลยได้หยุดคิดเรื่องนั้น
"ค่ะ พอดีมีธุระด้วย"
"อ๋อ"
ฉันรีบทำอะไรต่อมิอะไรจนเสร็จ ก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวออกจากบ้าน และรามก็ขับรถผ่านไปพอดี ไม่มีเบรคคุยหรือชะลอเลย ขับผ่านไปเฉยๆ ดูท่าคงจะโกรธเอามากเลยนะเนี่ย
ไม่รู้สิ เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน แต่มันก็รู้สึกแปลกยังไงไม่รู้ ไม่ได้อยากถูกใครโกรธหรือเกลียดสักหน่อย
ฉันนั่งรถประจำทางไปเรียนเหมือนอย่างเคย แต่วันนี้เป็นวันที่ฉันไม่มีสมาธิเอาซะเลย รู้สึกแปลกไปหมด เมื่อวานฉันก็ไม่ได้พูดแรงเลยนี่นา
"น้องจะลงหรือเปล่า?"
"เอ่อ ลงๆๆ ค่ะ" รีบลงจากรถ
เพราะรถประจำทางมาถึงที่หน้ามหาลัยพอดี ซึ่งปกติฉันก็จะลงตรงนี้ แต่นี่มัวแต่นั่งคิดจนเพลิน จนลืมไปเลยว่าถึงมหาลัยแล้ว จนคนขับรถลงมาตาม
"อีพริม"
"อือ"
"เป็นอะไรของมึงวะ?"
"เปล่า"
"ปากบอกไม่ แต่หน้านี่ชัดเลยนะ ทำไมทะเลาะกับพี่เปรมเหรอ?"
"เปล่า ไม่มีอะไร"
มันก็ไม่ได้มีอะไรหรอก แต่มันก็แปลกยังไงไม่รู้ แค่เด็กข้างบ้านแต่ฉันกลับรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของเขาซะงั้น ปากบอกว่าไม่ได้คิดอะไร ในใจก็บอกว่าเป็นแบบนี้มันก็ดีแล้ว แต่อีกในความรู้สึกหนึ่ง ฉันก็รู้สึกว่าฉันไม่ควรทำแบบนี้เลย
ตอนนี้ฉันรู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตัวเองมากๆ
ฉันมีพี่เปรมเป็นแฟนแล้วก็จริง แต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกรักลึกซึ้งอะไรขนาดนั้นเลย มันเฉยๆ มากกว่านะ เพราะฉันคิดว่าฉันคงจะรักเขาได้อย่างเต็มใจ เพราะความสม่ำเสมอ ความดีที่เขาทำ ความสุภาพและอ่อนโยน มันคือสเปกที่ฉันชอบเลย
แต่ฉันดันห่วงความรู้สึกของไอ้บ้ารามซะได้นี่ เด็กนี่มันมีอะไรกันนะ ฉันถึงได้ห่วงมากขนาดนั้น ยิ่งเห็นสายตาเมื่อเช้านะ หัวใจของฉันมันเต้นรัวไปหมดเลย
"อีพริม!!"
"โว๊ะ! อะไร?" ขานรับอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
"กูเรียกมึงหลายพริมละ ยืนเหม่ออยู่ได้"
"อ่าว มีไร"
"จะไปเรียนมั้ย เพื่อนไปโน่นกันหมดแล้ว เหลือมึงกับกูยืนตากแดดอยู่สองคนเนี่ย"
"เออๆ ไปดิไป"
ฉันกับโอ๋รีบเดินก้าวยาวๆ ตามเพื่อนอีกสองคนไป ก่อนจะพากันเข้าเรียน
#เวลาต่อมา
"อีพริม ตกลงมึงเป็นห่าอะไรวะ?" เฟรมถาม
"เป็นอะไร กูไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย"
"ปากแข็งนะมึง"
"อะไรของพวกมึงเนี่ย มาจ้องจับผิดกูทำห่าอะไร"
"ก็มึงทำตัวให้น่าจับผิดนี่หว่า"
"ไม่มีอะไรหรอก กูกับพี่เปรมไม่ได้ทะเลาะกัน ยังรักกันดีจ้ะ"
"แล้วไป"
เรื่องอื่นมันไม่มีอะไรให้น่าหนักใจหรอก จะมีก็แต่เรื่องนี้แหละ ฉันพยายามไม่คิดแล้ว ไม่อยากคิดไม่อยากจำไม่อยากนึกถึง แต่ก็อดไม่ได้อยู่ดี
#ตกเย็นวันเดียวกัน
บรืน~
ขณะที่กำลังเดินกลับบ้าน รามขับรถผ่านฉันไป ผ่านไปแบบฉิวไปเลย เหมือนว่าไม่เห็นฉันเดินอยู่ตรงนี้สักนิด
พอกลับมาถึงบ้าน หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ ฉันก็มานั่งทำงานที่มุมเดิมของห้อง แต่วันนี้หน้าต่างห้องของรามปิดสนิท ไฟก็ไม่เปิด เหมือนไม่มีคนอยู่บ้าน แต่ก็เห็นรถจอดอยู่นี่นา
ก๊อกๆๆๆ !
"แม่เองนะพริม"
"อ๋อ แป๊บนะคะ"
ฉันรีบลุกออกไปเปิดประตู ทุกวันนี้ต้องล็อคเอาไว้ เพราะกลัวว่าแม่หรือพ่อจะเข้ามาเจอตอนที่รามปีนหน้าต่างห้องขึ้นมาอยู่ในห้องนอนของฉัน
"แม่มีอะไรหรือเปล่าคะ?"
"แม่จะมาบอกว่า พ่อกับแม่ต้องไปต่างจังหวัด พอดีญาติที่ต่างจังหวัดเสีย เลยจะมาถามว่าเราจะไปด้วยไหม"
"ช่วงนี้พริมงานเยอะ คงไม่ได้ไปหรอกค่ะแม่ ต่อให้ติดวันหยุด พริมก็ต้องรีบทำงานส่งอาจารย์ค่ะ"
"งั้นก็ดูแลตัวเองดีๆ นะ พ่อแม่ไปค้างคืนด้วย คงสักสามวันเลย"
"ค่ะแม่ ไปพรุ่งนี้เหรอคะ?"
"จ้ะ"
"ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ"
"ขอบใจจ้ะลูก"
ความจริงพ่อแม่ฉันไม่ใช่คนที่นี่แต่โดยกำเนิดหรอก แต่มาทำงานด้วยกัน แล้วได้เจอกัน รักกัน ก็เลยปักหลักปักฐานอยู่ที่นี่ จนได้มีฉันและก็ได้อยู่ที่นี่ถาวรเลย เวลามีงานบุญหรืองานสีดำ พ่อกับแม่ก็ต้องขับรถกลับต่างจังหวัด
#เวลาต่อมา
เพราะพ่อแม่ไม่อยู่บ้านฉันเลยออกมาเล่นที่บ้านคุณยายดอกไม้แก้เหงา ไม่รู้จะทำอะไรจะไปที่ไหนจริงๆ
บรืน~
"นั่นไง พูดถึงก็มาพอดีเลย"
หมายถึงรามเพราะฉันมาไม่เจอเขา คุณยายบอกว่าใช้ออกไปซื้อของที่ตลาดสักพักแล้ว
หมอนี่ก็นะ ออกไปตลาดทั้งทีจะชวนกันสักนิดก็ไม่ได้
"รามซื้อของมาให้ยายแล้วนะครับ"
"เออๆ ขอบใจลูก"
รามมองหน้าฉันแบบตึงๆ ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน ทำไมใจร้ายแบบนี้เนี่ย เมื่อก่อนออกไปตลาดชอบซื้อขนมมาฝากแท้ๆ
"งั้นพริมกลับบ้านไปทำงานก่อนนะคะคุณยาย"
"จ้ะลูก"
"เดี๋ยวพรุ่งนี้พริมมาหาใหม่ค่ะ"
"จ้ะๆ"
@ในห้องนอน
ฟึ่บ~
พริม : ราม
พริม : พี่จะถามว่า จะออกไปตลาดอีกวันไหน จะฝากซื้อของ
พริม : ถ้าไม่ได้ออกไป ก็ไม่เป็นไร
อ่านแล้ว...
อยากจะกรี๊ด รามมันอ่านข้อความที่ฉันส่งไป แต่มันไม่ตอบเลย ไอ้บ้านี่ หน้าต่างก็ไม่ยอมเปิด จะด่าสักหน่อยเชียว
แต่เอ๊ะ!? ทำไมฉันต้องไปสนใจขนาดนั้นด้วย ไปตลาดเองก็ได้นี่นา แล้วทำไมต้องรอให้เขาเปิดหน้าต่างด้วยล่ะ โอ้ย! ฉันไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างแรง ก่อนจะกดโทรออกไปหาพี่เปรม หวังจะได้คุยกับเขาจะได้ลืมเรื่องของเด็กนั่นสักที ฉันเอาแต่คิดฟุ้งซ่านไปหมดแล้ว
ตู๊ด~
( ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ) เสียงผู้หญิงรับ
"เอ่อ...นี่ใช่เบอร์พี่เปรมมั้ยคะ?"
( ใช่ค่ะ เปรมอาบน้ำอยู่ ใครคะ? )
"เอ่อ..." ฉันนั่งตัวแข็ง ตอบไม่ถูกเลย เพราะไม่รู้ว่าปลายสายเป็นใคร ทำไมถึงมารับโทรศัพท์ของพี่เปรมได้ น้องสาวเขาเหรอ หรือว่าพี่สาว หรือว่าใคร?
( มีธุระหรือเปล่าคะ จะฝากไว้ไหม เดี๋ยวฉันบอกให้ค่ะ )
"มะ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันโทรไปอีกรอบดีกว่า"
( ค่ะ )
พอกดวางสายหัวใจของฉันก็เต้นรัวไม่หยุดเลย ไม่รู้ว่าปลายสายเป็นใคร ทั้งใจสั่น ทั้งกลัวยังไงก็ไม่รู้ ตั้งแต่คบกับพี่เปรมมาฉันรู้จักแค่เขา ไม่เคยรู้จักครอบครัวของเขาเลย และฉันก็ไม่เคยยุ่ง ไม่เคยล้ำเส้น เหมือนกับเขาที่ไม่เคยล้ำเส้นฉันเหมือนกัน แต่มันรู้สึกแปลกยังไงก็ไม่รู้สิ ปกติโทรหาเขาก็จะเป็นตัวเขารับตลอด แต่วันนี้เป็นผู้หญิงรับสาย
ฉันคิดมากไปเหรอ มันอาจจะเป็นน้องสาวของเขาก็ได้ ใช่ไหม?
คลิ๊ก~
ราม : ขนมแขวนอยู่หน้าบ้านครับ
พริม : ขอบใจนะราม
อ่านข้อความเสร็จฉันก็รีบลงไปเอาขนมที่หน้ารั้วทันที ทำไมฉันถึงได้รู้สึกแปลกขนาดนี้นะ ฉันไม่ชอบตัวเองที่ลังเลแบบนี้เลย เพราะฉันไม่รู้ว่าการที่ฉันเป็นห่วงความรู้สึกของราม มันเรียกว่าอะไร ตอนนี้ฉันเป็นแฟนกับพี่เปรมอยู่ ฉันไม่อยากถูกมองว่าเป็นผู้หญิงสองใจ มีแฟนอยู่แล้วแต่ก็ยังมีใจให้กับผู้ชายคนอื่น
ครืด ครืด ~
สายเรียกเข้า >>> พี่เปรม
"ค่ะพี่เปรม"
( โทรหาพี่เหรอ? )
"ค่ะ"
( มีอะไรหรือเปล่า พอดีพี่กำลังยุ่ง )
"ไม่มีค่ะ พริมโทรไปคุยเล่นเฉยๆ"
( อ๋อ ช่วงนี้พี่ยุ่งมากขอโทษด้วยนะ อาจจะไม่ค่อยได้ไปหาเราเลย )
"ไม่เป็นอะไรค่ะ งานพี่คงยุ่ง ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ"
( ครับ พี่ต้องวางสายแล้ว แค่นี้ก่อนนะครับ )
"ค่ะ"
ตู๊ดๆๆๆ !!
เป็นการสนทนาที่แข็งมาก เป็นคำพูดที่ให้ความรู้สึกเหมือนไม่มีอารมณ์ ไม่อยากคุย พูดแล้วก็จบๆ ไป ทำไงได้ ฉันเลือกแบบนี้เองนี่เนอะ