“บังอร ๆ ตื่นมากินน้ำก่อนนะ”
เสียงเล็กเอ่ยเรียกที่ข้างหู พลางเขย่าแขนเบา ๆ เพื่อปลุกผมให้ตื่น
“อื้ออ”
ผมค่อย ๆ หรี่ตาขึ้นมามองแสงไฟจากตะเกียงและคนคุ้นเคยที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“ชบา”
เสียงแหบพร่าที่มีเพียงลมเปล่งออกมาจากลำคอที่แห้งผาก นี่มันกี่ชั่วโมงแล้วนะที่น้ำไม่ได้ไหลผ่านลงไปช่องทางนี้
“กินน้ำก่อนนะ”
มือเล็กช่วยพยุงตัวผมให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะนำน้ำในแก้วกระบองไม้ไผ่กรอกลงผ่านลำคอ
อึก ๆ
“เบา ๆ นะอร เดี๋ยวสำลัก”
ชบารีบพยุงแก้วน้ำไว้แต่กระนั้นมันก็ยังหกเลาะเต็มคอเสื้อ
ผมเหมือนตายแล้วถูกกระชากวิญญาณให้กลับคืน น้ำแก้วนี้มีค่ากว่าสร้อยเพชรสิบล้านที่เคยเข้าร่วมประมูลด้วยซ้ำ และคนที่หยิบยื่นให้ผมคือชบา เพื่อนคนเดียวที่ยังหวังดีกับผมตลอดตั้งแต่ก้าวขามาถึงที่นี่ แม้ว่าผมจะผลักเขาแรง ๆ หรือแอบหนีเขาเข้าป่าจนเกิดเรื่อง
แกร๊ก!
เสียงปลดกุญแจทำให้ผมหูผึ่ง รีบหันไปมองคนที่เดินเข้าไปปลดโซ่
“นี่ชบาแอบมาช่วยเราเหรอ”
“เปล่าหรอกครับ ชบาไม่ได้แอบ แต่พี่แผนให้มาต่างหาก”
“หือ เขา...บอกให้ชบามาปลดโซ่ให้เราเหรอ”
ผมรู้สึกผิดลึก ๆ ในใจเมื่อได้ยินชื่อผู้ชายคนนั้น ผมเพิ่งรู้เมื่อช่วงหัวค่ำถึงสาเหตุที่เขาอยากแก้แค้นพ่อผมนักหนา ที่แท้...พ่อของผมก็เคยทำเรื่องผิดบาปที่ร้ายแรงต่อเขา มันดีมากแค่ไหนแล้วที่เขาไม่รังเกียจหรือทารุณกรรมผมร้ายแรงกว่านี้ ทั้งที่เขาก็สามารถทำมันได้
“เขาไม่เพียงบอกให้มาปลดนะ แต่เขาเป็นคนตักน้ำแล้วยื่นส่งให้ชบากับมือเลย”
ผมแอบหลุบตาต่ำเมื่อได้ยินเช่นนั้น แม้กระทั่งโกรธผมมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังคงไม่ปล่อยให้ผมตาย ความรู้สึกผิดเริ่มถาโถมเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ
“แล้ว...เขาไปนอนที่ไหนเหรอ”
ผมไม่เห็นเขาที่นี่ ผมไม่รู้ว่าเขาจะมีที่นอนหรือเปล่า แอบเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน
“พี่แผนไปนอนที่บ้านชบาเองครับ เขาเลยให้ชบามานอนเป็นเพื่อนอร”
เขาบอกขณะช่วยพยุงตัวผมให้ขึ้นมานอนบนเตียง
“ไม่เป็นไรหรอกชบา กลับไปนอนกับพี่แผนเถอะ เรานอนคนเดียวได้”
“..........”
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“เอ่อ...เรากลับไม่ได้หรอก พี่แผนให้จับตาดูอรตลอดเวลาน่ะ ขอโทษนะ”
ก็คงไม่แปลกหรอกครับ ก็ผมดันคิดหนีตั้งหลายรอบ หากเขาจะระแวงก็คงเป็นเรื่องธรรมดา จะลำบากก็แต่ชบาที่ต้องซวยไปด้วย
“อรอย่าคิดหนีอีกเลยนะครับ ถือว่าเราขอร้อง ข้างนอกมันอันตรายมากจริง ๆ ถ้าพี่แผนไม่เป็นคนพาออกไปอรไม่มีทางออกจากเขาลูกนี้ได้แน่นอน แล้วก็ไม่มีใครเข้ามาได้ด้วย”
คงจะจริงอย่างว่า ขนาดผมเดินทั้งวันยังวนกลับมาที่เดิมได้
“นอนเถอะ ดึกแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ชบาจะพาเข้าครัว”
ไม่ว่าเปล่า เขาก้มไปหยิบผ้าห่มมาคลุมให้ผมพร้อมกับขยับเข้ามานอนในผ้าห่มผืนเดียวกัน เพราะผ้าห่มก็ดันมีแค่ผืนเดียว
“ชบา”
“ครับ”
“พอจะรู้เรื่องพ่อแม่พี่แผนไหม”
“อืมมม ก็...พอรู้นิดหน่อยน่ะครับ”
ผมรีบนอนตะแคงหันไปหาชบาด้วยความอยากรู้
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ พี่แผนบอกเราว่าพ่อเราเป็นคนฆ่าพ่อแม่เขาตาย”
“เอ่อ...เรื่องนี้ก็นานมากแล้วนะครับ เกือบเท่าอายุเราเลย เราก็ฟังเขาพูดต่อ ๆ กันมาอีกที สมัยนั้นโจรป่าเยอะมาก ออกอาละวาดป่วนเมืองแถมยังฆ่าข่มขืนให้วุ่น มีแต่พวกแกร่งกล้าวิชากันทั้งนั้น มีหลายคนพยายามที่จะเข้าไปจับแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จนวันหนึ่งนายตำรวจที่ชื่อเดชากับนายตำรวจอีกคนที่น่าจะชื่อมิ่งก็พังเข้ามาในหมู่บ้านได้ เขานำลูกน้องไล่กวาดยิงทุกคนในหมู่บ้านตายกันหมด โดยไม่สนว่าเป็นโจรหรือเป็นเชลยที่ถูกจับตัวมา การกวาดล้างในครั้งนั้นมีเพียงเด็กที่รอดเพราะพี่แผนพาเด็กพวกนั้นหลบหนีไปได้”
จะเห็นว่าผมเข้าข้างพ่อตัวเองก็ได้ แต่เขาเข้ามาปราบโจรก็ไม่ใช่เรื่องผิด ในเมื่อมันคือหน้าที่
“พ่อแม่พี่แผนเขาเป็นโจรงั้นเหรอ”
“เปล่าหรอกครับ พวกเขาเป็นเชลยที่ถูกจับตัวมา”
“................”
นี่พ่อของผม...ฆ่าคนบริสุทธิ์อย่างงั้นเหรอ
ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจผุดขึ้นมาจนใจเจ็บหน่วง แค่ฟังเรื่องราวของเขาผมยังเจ็บขนาดนี้ อยากตบปากตัวเองชะมัด นี่ผมพูดอะไรออกไป ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอนงั้นเหรอ ผมพูดทำร้ายเขาแบบนั้นได้ยังไงกัน ในเมื่อพ่อผมเป็นคนพรากพ่อแม่ไปจากเขา
“โชคดีที่พวกพี่แผนได้มาเจอกับพระธุดงค์เข้า ท่านถึงได้ช่วยดูแลเด็กเกือบห้าสิบคน แถมยังถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ ให้ โดยเฉพาะพี่แผนที่เป็นพี่ใหญ่ เขาฝึกอย่างหนักเพื่อจะขึ้นมาเป็นเสือแผนที่ทุกคนต่างเกรงกลัวในวันนี้”
“แล้ว...ทำไมต้องเป็นโจรด้วยล่ะ ทำไมไม่ไปหากินอย่างบริสุทธิ์”
ในเมื่อเขาก็ถูกโจรกระทำมาเช่นนี้ เขาย่อมรู้ดีกว่าใคร ๆ ไม่ใช่เหรอ ว่าการไปปล้นชิงทรัพย์สินคนอื่นมามันเป็นยังไง
“อรรู้ไหมว่าชื่อของตัวเองเขียนยังไง”
“รู้สิ ทำไมจะไม่รู้ล่ะ มันเขียนง่ายจะตาย”
“แล้วอรเชื่อไหม ในภูสมิงนี้ไม่มีใครที่เขียนชื่อตัวเองได้แม้แต่คนเดียว คนที่ไม่มีแม้แต่โอกาสจะเรียนหนังสือ เด็กที่ต้องกินข้าวก้นบาตรถึงห้าสิบคน จะเป็นอย่างอื่นได้อีกเหรอ มีแต่คนตราหน้าว่าเป็นลูกโจร ทั้งที่พวกเรา...ไม่ได้ทำผิดเลยนะอร”
คนตัวเล็กเริ่มเสียงสั่นเครือ ผมรู้ได้ในทันทีว่าเขากำลังเสียใจเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต
ผมรีบโผเข้ากอดพลางลูบหลังปลอบใจให้เพื่อนคนเดียวของผมด้วยใจที่แหลกสลายไม่ต่างกัน
ผมโชคดีมากแค่ไหนแล้วที่พวกพี่แผนไม่ได้ฆ่าหรือแก้แค้นผมแทนพ่อ ทั้งที่เขาก็สามารถใช้ความแค้นเป็นเหตุผลในการลงมือทำได้ ผมควรทำยังไงดี ตอนนี้ในหัวสมองของผมมันไม่ได้คิดเรื่องอยากจะหนีอีกต่อไป ผมเริ่มรู้สึกอยากที่จะ...ชดใช้