แทนคำขอโทษ

1274 คำ
“ใส่กระแตลงเลยอร” ซ่าาาา!! “แคก ๆ” กลิ่นฉุนลอยตามลมมาตีจมูกจนผมอดที่จะสำลักไม่ได้ กระเทียมกับพริกสดตำหยาบ ๆ เอาลงไปคั่วนี่มันช่างแสบจมูกดีจริง ๆ เลย แกร๊ง ๆ ๆ เสียงเคาะตะหลิวใส่กระทะเหล็กใบเก่าที่ด้ามจับหักก่อนที่ผัดเผ็ดกระแตจะถูกเทลงใส่จานในมือผม “ไม่มั่นใจว่าจะพอกินหรือเปล่า สงสัยต้องทอดไข่เพิ่ม อรช่วยไปหยิบไข่ในตะกร้าใบนั้นให้เราหน่อยสิ” ผมมองตามปลายนิ้วเรียวที่ชี้ไปยังตะกร้าไม้ไผ่สานห้อยอยู่บนต้นเสา “ไม่เห็นมีเลยชบา” “อ้าว ไข่หมดแล้วงั้นเหรอ” เสียงหงอยเอ่ยตอบพลางคิดหนัก “ถ้างั้นชบารบกวนหยิบกล่องข้าวเหนียวมาด้วยนะอร อยู่ตรงด้านหลังน่ะ” ผมมองตามที่ชบาบอกก็เห็นกล่องข้าวที่สานด้วยไม้ไผ่ห้อยอยู่จึงรีบคว้ามาถือไว้ “อะ ถือไว้แล้วเดินเอาไปกินกับพี่แผนนะ” “ฮะ” ผมโพล่งออกมาทั้งดวงตาเบิกโต “ล...แล้วชบาล่ะ” “เราว่าจะไปหาอะไรกินกับพวกแตงกวาน่ะ พวกนั้นน่าจะทำต้มปลากัน เห็นพวกพี่สิงห์หอบปลามาเต็มถังเลย” ผมเพิ่งรู้จากชบาว่าลูกน้องคนสนิทตัวใหญ่ ๆ ผิวสีเข้มคนนั้นชื่อว่าสิงห์ ดูเขาเป็นลูกน้องที่จงรักภักดีกับพี่แผนมากเลยละ เห็นเฝ้าไม่ห่าง “ฝากบอกพี่แผนด้วยนะอรว่าไข่หมด อ้อ อย่าลืมบอกพี่แผนด้วยล่ะว่าอรเป็นคนทำเอง เราแค่มาช่วยจับนิดหน่อย” จับนิดหน่อยอะไรล่ะ ผมเองต่างหากที่ทำหน้าที่นั้น แถมเรียกว่าจับนิดหน่อยก็คงจะไม่เหมาะด้วยซ้ำ เพราะหน้าที่ของผมมีเพียงเทเนื้อกระแตลงกระทะแล้วก็หยิบจานมาใส่ แค่นั้นจริง ๆ ผมเดินแยกออกมาจากในครัวเพราะโดนชบาดันหลัง พอตรงมาที่แคร่หน้าบ้านเห็นพี่แผนกำลังนั่งลับมีดใจมันก็เกิดเสาะขึ้นมา ผมจึงทำได้แค่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ตรงนั้นเพราะกำลังทะเลาะกับตัวเองว่าควรเข้าไปหาเขาตอนนี้ดีไหม “จะเอามาก็เอามาดี ๆ ยืนเซ่ออยู่ทำไม” พอได้ยินคำร้องบอกจากใบหน้าเรียบเฉยที่กำลังก้มหน้าก้มตาลับมีดอยู่ ผมจึงรีบถือจานผัดเผ็ดในมือเข้าไปนั่งข้าง ๆ จังหวะที่เขาหันมาสบตาผมรู้สึกใจกระตุกวูบอย่างบอกไม่ถูก จึงรีบวางจานลงก่อนจะเบือนหน้าหลบแล้วกุมมือตัวเองไว้แน่นด้วยความประหม่า คนนั่งข้าง ๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาเพียงเดินไปล้างมือแล้วกลับเข้ามาเปิดฝากล่องข้าวเหนียว จังหวะที่มือเขาล้วงไปจับข้าวผมแอบมองเห็นหลังมือที่เป็นแผลเรียงตามข้อนิ้ว น่าจะเกิดจากการชกต้นเสาเมื่อวาน บรรยากาศเริ่มกลับมาอึดอัดอีกครั้ง เราทั้งคู่ต่างก้มหน้าก้มตากินข้าวเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แม้รู้สึกเผ็ดจนน้ำหูน้ำตาแทบไหลแต่ผมก็ทำได้เพียงแลบลิ้นและเป่าปาก ครืดด แก้วน้ำถูกหลังมือเคลื่อนส่งมาให้ผมโดยไม่ได้มองดูใบหน้า เขายังคงกินข้าวต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย ผมลอบมองดูเขาเล็กน้อยก่อนจะยกน้ำขึ้นมากระดกดื่มเพื่อแก้เผ็ด พอน้ำเย็น ๆ แช่ไว้ในปากความแสบร้อนก็ทุเลาลง “ไม่กินเผ็ดยังเสือกทำเผ็ดอีก” คำพูดห้วน ๆ ลอยออกมาจากปากนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกเกร็งเข้าไปใหญ่ เขาไม่พูดอะไรต่อแต่เดินตรงไปที่ใต้ถุนบ้าน พร้อมกับหยิบกล้วยสุกงอมสองลูกที่ห้อยอยู่บนเครือแขวนอยู่ใต้ถุนเดินมาโยนลงบนตักผม “อะไรเหรอพี่แผน” “กินแก้เผ็ดซะ” เขายังคงทำหน้านิ่งอย่างที่ชอบทำก่อนจะเดินมานั่งแหมะลงที่เดิมเพื่อกินข้าวต่อ “เอ่อ...ชบาฝากบอกมาว่าไข่หมดแล้วนะพี่แผน” “อือ” “เอ่อ...แล้วก็” ผมเม้มปากแน่นด้วยความประหม่า จู่ ๆ ก็เหงื่อซึมเต็มฝ่ามือไปหมด “อะไรก็พูดมาสิ อ่า ๆ เอ่อ ๆ อยู่นั่นแหละ” เสียงจิ๊จ๊ะในลำคอบ่งบอกว่าเขาเริ่มที่จะหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว “ข...ขอโทษ” “..........” “เรื่องเมื่อคืนผมขอโทษที่พูดไปแบบนั้น” ผมพูดโดยไม่กล้าหันไปสู้สายตาคนร่างสูงตรง ๆ ทำได้เพียงลอบมองเป็นระยะเท่านั้น “ช่างเถอะ มึงก็ไม่ได้พูดผิดเลยสักนิด กูก็ดันเป็นอย่างที่มึงว่าจริง ๆ” น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดูกระแทกแดกดัน คล้ายตัดพ้อกับโชคชะตาของตัวเองเสียมากกว่า “คืนนี้นอนล็อกบ้านไว้ดี ๆ ล่ะ กูน่าจะกลับเช้า” “ไปไหน” ปากไวกว่าความคิด ผมรีบเอ่ยถามจนเขาปรายตามองอย่างดุ ๆ “กูจะไปปล้น ทำไม...มึงจะไปกับกูเหรอ” “ป...เปล่า ก็แค่ถามเฉย ๆ” ถามแค่นี้เอง ทำไมต้องทำเสียงดุใส่ด้วยเล่า ตกใจหมด “กินดี ๆ อย่าอมกล้วย” “อมที่ไหนเล่า แก้มผมเยอะ” “หือ” เขาเอียงหน้าถามก่อนจะยื่นฝ่ามือใหญ่เข้ามาบีบที่แก้มจนปากยู่ “หึหึ เออว่ะ” รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นมาบนใบหน้าทำเอาผม...ใจสั่น บ้าไปแล้วววว!! ทำไมใจสั่นวะ แค่เห็นรอยยิ้มเขาเนี่ยนะ ผมรีบเบือนหน้าหลบแล้วทาบมือลงหัวใจตัวเองที่กำลังเต้นโครมครามราวกับจะระเบิดออกมา อาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่เคยถูกผู้ชายถูกเนื้อต้องตัวมาก่อน “วันนี้อยู่บ้านกับชบาล่ะ มันพาทำอะไรก็ทำกับมัน แล้วก็อย่าคิดหนี” “รู้แล้วน่า” ผมทำปากขมุบขมิบไปด้วยจนอีกฝ่ายมองตาขวาง “อยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมเดี๋ยวหามาให้” “ได้จริงเหรอ” ผมตาลุกวาวเป็นประกาย เอาอะไรดีน้าาาา อ๋ออออ คิดออกแล้ว! “เอาน้ำหอม” “น้ำหอม?” เขาทวนคำตอบซ้ำพลางปิดฝากล่องข้าว “อื้อ ผมชอบฉีดน้ำหอม เวลาตัวหอม ๆ แล้วมันมีความมั่นใจ” “ขยับมานี้” ผมงุนงงเล็กน้อยแต่ก็ยอมขยับไปนั่งใกล้ ๆ เขา ฟอดดด!! “พ...พี่แผน” ผมรีบทาบมือปิดแก้มไว้เมื่อถูกเขาฉวยโอกาสโน้มหน้าเข้ามาสูดดมที่ข้างแก้มอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว “อย่าเพิ่งขยับ พวกไอ้สิงห์มันแอบดูอยู่” เสียงเรียบกระซิบบอก ผมจึงรีบหันไปกวาดสายตามองหา แต่ก็ถูกเขาจับใบหน้าเรียวให้หันกลับไปจ้องหน้าเขาในระยะประชิด ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก อย่าเพิ่งเข้าใจผิดครับ เสียงหัวใจที่ดังกระทบเนื้อแรง ๆ อยู่ตอนนี้ไม่ใช่ของผม พรึบ!! “เอาจานไปเก็บได้แล้ว” คนตัวสูงดันตัวลุกจากแคร่พลางเดินถือมีดเข้าไปเก็บ พอเขาเดินไปพ้นแล้วผมก็วางมือทาบทับลงบนหัวใจตัวเองอีกครั้ง มันก็ยังเต้นแรงอยู่ แต่ตอนที่เราหน้าชิดกันผมมั่นใจเต็มร้อยว่าเสียงหัวใจนั่นไม่ใช่ของผมแน่ งั้นก็แสดงว่า... เสียงหัวใจเมื่อสักครู่นี้เป็นของพี่แผนอย่างงั้นน่ะเหรอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม