“ใส่กระแตลงเลยอร”
ซ่าาาา!!
“แคก ๆ”
กลิ่นฉุนลอยตามลมมาตีจมูกจนผมอดที่จะสำลักไม่ได้ กระเทียมกับพริกสดตำหยาบ ๆ เอาลงไปคั่วนี่มันช่างแสบจมูกดีจริง ๆ เลย
แกร๊ง ๆ ๆ
เสียงเคาะตะหลิวใส่กระทะเหล็กใบเก่าที่ด้ามจับหักก่อนที่ผัดเผ็ดกระแตจะถูกเทลงใส่จานในมือผม
“ไม่มั่นใจว่าจะพอกินหรือเปล่า สงสัยต้องทอดไข่เพิ่ม อรช่วยไปหยิบไข่ในตะกร้าใบนั้นให้เราหน่อยสิ”
ผมมองตามปลายนิ้วเรียวที่ชี้ไปยังตะกร้าไม้ไผ่สานห้อยอยู่บนต้นเสา
“ไม่เห็นมีเลยชบา”
“อ้าว ไข่หมดแล้วงั้นเหรอ”
เสียงหงอยเอ่ยตอบพลางคิดหนัก
“ถ้างั้นชบารบกวนหยิบกล่องข้าวเหนียวมาด้วยนะอร อยู่ตรงด้านหลังน่ะ”
ผมมองตามที่ชบาบอกก็เห็นกล่องข้าวที่สานด้วยไม้ไผ่ห้อยอยู่จึงรีบคว้ามาถือไว้
“อะ ถือไว้แล้วเดินเอาไปกินกับพี่แผนนะ”
“ฮะ”
ผมโพล่งออกมาทั้งดวงตาเบิกโต
“ล...แล้วชบาล่ะ”
“เราว่าจะไปหาอะไรกินกับพวกแตงกวาน่ะ พวกนั้นน่าจะทำต้มปลากัน เห็นพวกพี่สิงห์หอบปลามาเต็มถังเลย”
ผมเพิ่งรู้จากชบาว่าลูกน้องคนสนิทตัวใหญ่ ๆ ผิวสีเข้มคนนั้นชื่อว่าสิงห์ ดูเขาเป็นลูกน้องที่จงรักภักดีกับพี่แผนมากเลยละ เห็นเฝ้าไม่ห่าง
“ฝากบอกพี่แผนด้วยนะอรว่าไข่หมด อ้อ อย่าลืมบอกพี่แผนด้วยล่ะว่าอรเป็นคนทำเอง เราแค่มาช่วยจับนิดหน่อย”
จับนิดหน่อยอะไรล่ะ ผมเองต่างหากที่ทำหน้าที่นั้น แถมเรียกว่าจับนิดหน่อยก็คงจะไม่เหมาะด้วยซ้ำ เพราะหน้าที่ของผมมีเพียงเทเนื้อกระแตลงกระทะแล้วก็หยิบจานมาใส่ แค่นั้นจริง ๆ
ผมเดินแยกออกมาจากในครัวเพราะโดนชบาดันหลัง พอตรงมาที่แคร่หน้าบ้านเห็นพี่แผนกำลังนั่งลับมีดใจมันก็เกิดเสาะขึ้นมา ผมจึงทำได้แค่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ตรงนั้นเพราะกำลังทะเลาะกับตัวเองว่าควรเข้าไปหาเขาตอนนี้ดีไหม
“จะเอามาก็เอามาดี ๆ ยืนเซ่ออยู่ทำไม”
พอได้ยินคำร้องบอกจากใบหน้าเรียบเฉยที่กำลังก้มหน้าก้มตาลับมีดอยู่ ผมจึงรีบถือจานผัดเผ็ดในมือเข้าไปนั่งข้าง ๆ
จังหวะที่เขาหันมาสบตาผมรู้สึกใจกระตุกวูบอย่างบอกไม่ถูก จึงรีบวางจานลงก่อนจะเบือนหน้าหลบแล้วกุมมือตัวเองไว้แน่นด้วยความประหม่า
คนนั่งข้าง ๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาเพียงเดินไปล้างมือแล้วกลับเข้ามาเปิดฝากล่องข้าวเหนียว
จังหวะที่มือเขาล้วงไปจับข้าวผมแอบมองเห็นหลังมือที่เป็นแผลเรียงตามข้อนิ้ว น่าจะเกิดจากการชกต้นเสาเมื่อวาน
บรรยากาศเริ่มกลับมาอึดอัดอีกครั้ง เราทั้งคู่ต่างก้มหน้าก้มตากินข้าวเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แม้รู้สึกเผ็ดจนน้ำหูน้ำตาแทบไหลแต่ผมก็ทำได้เพียงแลบลิ้นและเป่าปาก
ครืดด
แก้วน้ำถูกหลังมือเคลื่อนส่งมาให้ผมโดยไม่ได้มองดูใบหน้า เขายังคงกินข้าวต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ผมลอบมองดูเขาเล็กน้อยก่อนจะยกน้ำขึ้นมากระดกดื่มเพื่อแก้เผ็ด พอน้ำเย็น ๆ แช่ไว้ในปากความแสบร้อนก็ทุเลาลง
“ไม่กินเผ็ดยังเสือกทำเผ็ดอีก”
คำพูดห้วน ๆ ลอยออกมาจากปากนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกเกร็งเข้าไปใหญ่
เขาไม่พูดอะไรต่อแต่เดินตรงไปที่ใต้ถุนบ้าน พร้อมกับหยิบกล้วยสุกงอมสองลูกที่ห้อยอยู่บนเครือแขวนอยู่ใต้ถุนเดินมาโยนลงบนตักผม
“อะไรเหรอพี่แผน”
“กินแก้เผ็ดซะ”
เขายังคงทำหน้านิ่งอย่างที่ชอบทำก่อนจะเดินมานั่งแหมะลงที่เดิมเพื่อกินข้าวต่อ
“เอ่อ...ชบาฝากบอกมาว่าไข่หมดแล้วนะพี่แผน”
“อือ”
“เอ่อ...แล้วก็”
ผมเม้มปากแน่นด้วยความประหม่า จู่ ๆ ก็เหงื่อซึมเต็มฝ่ามือไปหมด
“อะไรก็พูดมาสิ อ่า ๆ เอ่อ ๆ อยู่นั่นแหละ”
เสียงจิ๊จ๊ะในลำคอบ่งบอกว่าเขาเริ่มที่จะหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว
“ข...ขอโทษ”
“..........”
“เรื่องเมื่อคืนผมขอโทษที่พูดไปแบบนั้น”
ผมพูดโดยไม่กล้าหันไปสู้สายตาคนร่างสูงตรง ๆ ทำได้เพียงลอบมองเป็นระยะเท่านั้น
“ช่างเถอะ มึงก็ไม่ได้พูดผิดเลยสักนิด กูก็ดันเป็นอย่างที่มึงว่าจริง ๆ”
น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดูกระแทกแดกดัน คล้ายตัดพ้อกับโชคชะตาของตัวเองเสียมากกว่า
“คืนนี้นอนล็อกบ้านไว้ดี ๆ ล่ะ กูน่าจะกลับเช้า”
“ไปไหน”
ปากไวกว่าความคิด ผมรีบเอ่ยถามจนเขาปรายตามองอย่างดุ ๆ
“กูจะไปปล้น ทำไม...มึงจะไปกับกูเหรอ”
“ป...เปล่า ก็แค่ถามเฉย ๆ”
ถามแค่นี้เอง ทำไมต้องทำเสียงดุใส่ด้วยเล่า ตกใจหมด
“กินดี ๆ อย่าอมกล้วย”
“อมที่ไหนเล่า แก้มผมเยอะ”
“หือ”
เขาเอียงหน้าถามก่อนจะยื่นฝ่ามือใหญ่เข้ามาบีบที่แก้มจนปากยู่
“หึหึ เออว่ะ”
รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นมาบนใบหน้าทำเอาผม...ใจสั่น
บ้าไปแล้วววว!! ทำไมใจสั่นวะ แค่เห็นรอยยิ้มเขาเนี่ยนะ
ผมรีบเบือนหน้าหลบแล้วทาบมือลงหัวใจตัวเองที่กำลังเต้นโครมครามราวกับจะระเบิดออกมา อาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่เคยถูกผู้ชายถูกเนื้อต้องตัวมาก่อน
“วันนี้อยู่บ้านกับชบาล่ะ มันพาทำอะไรก็ทำกับมัน แล้วก็อย่าคิดหนี”
“รู้แล้วน่า”
ผมทำปากขมุบขมิบไปด้วยจนอีกฝ่ายมองตาขวาง
“อยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมเดี๋ยวหามาให้”
“ได้จริงเหรอ”
ผมตาลุกวาวเป็นประกาย เอาอะไรดีน้าาาา
อ๋ออออ คิดออกแล้ว!
“เอาน้ำหอม”
“น้ำหอม?”
เขาทวนคำตอบซ้ำพลางปิดฝากล่องข้าว
“อื้อ ผมชอบฉีดน้ำหอม เวลาตัวหอม ๆ แล้วมันมีความมั่นใจ”
“ขยับมานี้”
ผมงุนงงเล็กน้อยแต่ก็ยอมขยับไปนั่งใกล้ ๆ เขา
ฟอดดด!!
“พ...พี่แผน”
ผมรีบทาบมือปิดแก้มไว้เมื่อถูกเขาฉวยโอกาสโน้มหน้าเข้ามาสูดดมที่ข้างแก้มอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“อย่าเพิ่งขยับ พวกไอ้สิงห์มันแอบดูอยู่”
เสียงเรียบกระซิบบอก ผมจึงรีบหันไปกวาดสายตามองหา แต่ก็ถูกเขาจับใบหน้าเรียวให้หันกลับไปจ้องหน้าเขาในระยะประชิด
ตึกตัก
ตึกตัก
ตึกตัก
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดครับ เสียงหัวใจที่ดังกระทบเนื้อแรง ๆ อยู่ตอนนี้ไม่ใช่ของผม
พรึบ!!
“เอาจานไปเก็บได้แล้ว”
คนตัวสูงดันตัวลุกจากแคร่พลางเดินถือมีดเข้าไปเก็บ
พอเขาเดินไปพ้นแล้วผมก็วางมือทาบทับลงบนหัวใจตัวเองอีกครั้ง มันก็ยังเต้นแรงอยู่ แต่ตอนที่เราหน้าชิดกันผมมั่นใจเต็มร้อยว่าเสียงหัวใจนั่นไม่ใช่ของผมแน่
งั้นก็แสดงว่า...
เสียงหัวใจเมื่อสักครู่นี้เป็นของพี่แผนอย่างงั้นน่ะเหรอ