“อร ลงมาเร็ววว”
แตงกวากวักมือเรียกให้ผมเดินเข้าไปหาในระหว่างที่เจ้าตัวกำลังวักน้ำใส่เพื่อนอีก 4-5 คน ตอนนี้พวกผู้ชายในหมู่บ้านออกไปปล้นกันหมด จึงมีเพียงแค่พวกผมที่ยังคงอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้
บรรดาหนุ่มหุ่นบางร่างน้อยต่างนุ่งผ้าน้อยชิ้นลงเล่นน้ำที่น้ำตกจุดเดิมที่ชบาพาผมมาซักผ้า นับดูได้สิบสองคน น่าเหลือเชื่อเหมือนกันว่านี่คือเมียพี่แผนหมดเลย ผมไม่อยากคิดภาพที่เขาต้องเทียวไปบ้านหลังนั้นทีหลังนี้ที เขาทำได้ยังไงกัน แต่ที่น่าอึ้งกว่านั้นคือเมียทุกคนของเขาดูรักกันกลมเกลียว ไม่มีใครแสดงท่าทีอิจฉาริษยากันเลยแม้แต่น้อย
“เอาเลย เราขอนั่งรับลมเย็น ๆ ก่อน”
ผมฉีกยิ้มบาง ๆ ส่งให้พร้อมหย่อนก้นนั่งที่โขดหินใหญ่ มองดูหนุ่มหน้าตาดีกำลังแหวกว่ายในน้ำอย่างสนุกสนาน
“คิดอะไรอยู่เหรออร”
เสียงนุ่มเอ่ยถามพลางหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ ผม
“เราแค่แปลกใจน่ะ เมียพี่แผนเยอะขนาดนี้เคยตบตีกันบ้างไหมชบา”
ผมถามอย่างคาใจ เคยได้ยินไหมครับคำว่าผัวข้าใครอย่าแตะ แล้วคำนี้ยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า
“ที่นี่เราอยู่กันแบบพี่น้อง ไม่มีใครมีปัญหากันหรอกครับ”
“แล้วชบาไม่หึงบ้างเหรอ ในตอนที่ผัวต้องไปนอนกับคนอื่น”
ผมเอ่ยถามตรง ๆ อย่างไม่อ้อมค้อม แม้เขาจะเป็นผู้นำ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะมีสิทธิ์กวาดทุกคนมาเป็นเมียได้ตามอำเภอใจสักหน่อย
ชบาฉีกยิ้มบาง ๆ ด้วยความเอ็นดูในความใสซื่อของผม เขาหันซ้ายแลขวาก่อนจะขยับเข้ามากระซิบใกล้ ๆ
“รู้แล้วเหยียบไว้เลยนะอร”
“อะไรเหรอ”
“คือ...จริง ๆ แล้วพวกเราเป็นแค่เมียในนามของพี่แผนเท่านั้นแหละครับ ไม่ได้เป็นเมียจริง ๆ หรอก”
“ฮะ!!”
“ชูวววว”
เมื่อผมโพล่งออกมาเสียงดังลั่น เขาจึงยกมือขึ้นมาทาบปากเพื่อส่งสัญญาณให้ผมเบาเสียงลง
“ถึงเราจะอยู่กันแบบพี่น้อง แต่ยังไงซะที่นี่ก็ถือได้ว่าเป็นรังโจร แถมมีแต่ผู้ชายด้วย การที่พี่แผนรับพวกเราเป็นเมียก็เพื่อที่จะได้ปกป้องทางอ้อม จะได้ไม่มีใครกล้ายุ่งกับคนของเสือแผนยังไงล่ะครับ”
“ง...งั้นก็หมายความว่าชบากับพี่แผนก็...”
“ใช่ครับ ผมกับพี่แผนก็เหมือนพี่กับน้อง เขามีบุญคุณกับผมมาก ไม่งั้นป่านนี้ผมคงถูกพวกนั้นฆ่าตายตั้งแต่เด็กแล้ว”
ผมกำลังคิดตามในสิ่งที่ชบาบอก สิ่งที่เขาทำกับผมในคืนแรกก็เพื่อ...ปกป้องผมอย่างงั้นเหรอ
“แล้ววิธีนี้ได้ผลจริงไหม มีคนมาวุ่นวายกับชบาหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอกครับ นอกจากคนพวกนั้นจะกลัวพี่แผนแล้วก็กลัวอาคมเสื่อมด้วย ผู้ชายทุกคนในภูสมิงสักยันต์เสือหัวขาดกับอาจารย์ธุดงค์ให้ฟันแทงไม่เข้า ถ้าผิดศีลข้อสามอาคมก็จะเสื่อมครับ”
อ๋อออ มิน่าล่ะ ตอนพี่แผนโดนพ่อผมยิงเขาถึงไม่เป็นอะไรเลย
“นั่นเสียงพี่สิงห์นี่”
แตงกวาโพล่งขึ้นก่อนจะรีบพากันลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้า
พอแต่งตัวเสร็จก็พากันกลับมาบริเวณบ้านที่ตอนนี้พวกพี่แผนกำลังนั่งกระดกเหล้าไหกันอย่างบ้าคลั่ง
“โหหหห รอบนี้ได้มาเยอะเลยเหรอพี่แผน”
ชบาเดินเข้าไปเลือกดูของใช้ที่ถูกวางกองสูงเป็นภูเขาอยู่ตรงลานหน้าบ้าน
“ชบา จัดชุดประคบให้ลูกพี่ด้วยนะ คราวนี้โดนหนักว่ะ ไอ้ศิลามันดันพาลูกน้องมาสกัด”
ผมหูผึ่งทันทีเมื่อได้ยินชื่อคนที่เกือบจะได้เป็นคู่หมั้นออกมาจากปาก รีบหันไปมองอย่างสนใจแต่ก็ถูกสายตาพิฆาตของพี่แผนจ้องมองจนผมขนลุกซู่ รีบเบือนหน้าหลบแล้วทำทีเป็นไม่ยี่หระ
พอหายเหนื่อยทุกคนต่างทยอยกลับเข้าเรือนเพื่อพักผ่อน ส่วนพี่แผนเองก็อาบน้ำอาบท่าแล้วขึ้นมานอนบนเตียง ผมแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เขามานอนแผ่หลาอยู่ตรงนี้ ผมนึกว่าเขาจะไปนอนที่บ้านให้ชบาประคบให้เสียอีก
“เครื่องประคบได้แล้วพี่แผน”
“อือ เอามาวางไว้ข้างเตียงนี่แหละ ไอ้อรมันจะประคบให้”
“ฮะ! ผมเหรอ”
ผมชี้มือเข้าหาตัวเองอย่างหน้าเหวอ ๆ
“ทำไม มึงมีปัญหาอะไร”
คนบนเตียงนิ่วหน้าใส่ด้วยความฉุนเฉียว ทำหน้าดุแบบนี้ใครจะกล้ามีปัญหาเล่า
“ม...ไม่มี”
“สู้ ๆ นะอร”
เสียงกระซิบเบา ๆ จากชบาไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย ช่วยเปลี่ยนจากให้กำลังใจเป็นมาทำแทนได้ไหมชบาาา
“อ้าว มึงจะนั่งดูอีกนานไหม เดี๋ยวลูกประคบก็หายร้อนก่อน”
เสียงกระตุ้นห้วน ๆ ทำให้ผมรีบลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงพร้อมกับจ้องมองแผ่นหลังแกร่งที่เต็มไปด้วยยันต์ ผิวหนังของเขามีรอยเขียวช้ำเป็นวงกว้างจนผมไม่กล้าที่จะประคบแผ่นหลังเขาแรงนัก
“เจ็บนิดหนึ่งนะพี่แผน”
ผมบรรจงทาบลูกประคบกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากสมุนไพรประกบลงตามแผ่นหลัง
“โอ๊ยยยย มึงจะกดแช่ทำไมเนี่ย! มันร้อน!”
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อโดนดุ พูดดี ๆ ก็ได้นี่ จะตะคอกทำไมเล่า
“ยันต์เต็มหลัง ร้อนแค่นี้ก็ทนไม่ได้”
ผมบ่นอุบตามประสาคนชอบเถียง แต่คงเสียงดังไปหน่อยเขาถึงได้หันมาจับข้อมือผมแรง ๆ
“ยันต์กูมันกันมีดกันปืน ไม่ได้กันความร้อน”
“แล้วจะดุทำไมเล่า!! บอกดี ๆ ก็ได้”
ผมตอบกลับอย่างงอแง ใต้ตาเริ่มแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้ อยู่ที่บ้านโดนพ่อดุว่าน่ากลัวแล้ว เจอพี่แผนดุน่ากลัวกว่าอีก
คนตรงหน้าดูชะงักเมื่อเห็นน้ำตาผมเอ่อคลอ สายตาเขาวูบไหวเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ คลายมือออกจากข้อมือเล็ก
“เอามานี่เดี๋ยวกูทำให้ดู”
เขาพูดจบพลันแย่งลูกประคบที่ห่อผ้าสีขาวไปถือไว้ ก่อนจะจับฝ่ามือเล็กของผมขึ้นไปทาบประคบเบา ๆ เหมือนกดลงสักพักก็ยกออกแล้วกดลงใหม่เป็นระยะ
“อะ ลองทำดู”
พอบอกเสร็จเขาก็นอนคว่ำหน้าลงอีกครั้งเพื่อให้ผมได้ลองประคบ ผมจึงค่อย ๆ ทำตามที่เขาบอก
“อื้ออออ”
เสียงครางเบา ๆ ออกมาจากลำคอคนที่นอนอยู่ ท่าจะสบายเขาแหละ
พอประคบด้านหลังเสร็จเขาก็เปลี่ยนเป็นท่านอนหงายให้ประคบด้านหน้าต่อ
ยอมรับเลยว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายหน้าตาดี และรูปร่างดีอย่างไม่มีที่ติ ผมไม่เคยเห็นใครหล่อเท่านี้มาก่อน แม้พี่ศิลาจะเป็นผู้ชายหล่อเหลาที่ใคร ๆ ก็หมายปอง แต่เขาก็ไม่ได้มีบางอย่างในตัวที่ทำให้ผมลุ่มหลง ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร ผมรู้เพียงแค่ว่าทุกครั้งที่ผมเจอหน้าพี่แผน มันเหมือนต้องมนต์สะกดชั่วขณะทุกครา
“มึงก็กดเลี่ยง ๆ หัวนมกูหน่อยสิวะ มันร้อน”
“ก...ก็มันช้ำตรงนี้ให้ทำยังไง”
“เถียงคำไม่ตกฟาก! ถ้าเป็นลูกเป็นหลานกูจะตบให้ปากแตก”
“โชคดีไปที่ไม่ได้เป็นลูกหลาน แต่เป็นเมีย”
ผมสวนกลับอย่างทันควัน แต่ก็ต้องชะงักเสียเองเมื่อดันเผลอพูดคำน่าอายออกมา
“เอ่อ ม...หมายถึงเมียในนามไง”
ผมเอ่ยแก้ตัวอย่างละล่ำละลักไม่กล้าสู้สายตา
“หึหึ มึงไปเอามาจากไหนวะ ไอ้เมียในนามเนี่ย”
เขากลั้วหัวเราะพลางยกแขนอีกข้างขึ้นมาหนุนหัวให้สูงขึ้น จะได้มองหน้าผมอย่างถนัด
“ก็ชบาบอก”
“มันบอกว่าไง”
“ก็บอกอย่างงี้แหละ พี่บอกทุกคนว่าผมเป็นเมีย แต่ไม่ได้คิดจะเอาเป็นเมียจริง ๆ สักหน่อย”
ปากพูดไปมือก็ประคบลงที่ไหล่ซ้ำ ๆ แต่ก็ต้องวางมือ เพราะคนที่นอนอยู่ดันลุกพรวดขึ้นมาแล้วรวบเอวผมเข้าไปชิด
“กูพูดเหรอว่าจะไม่เอามึงเป็นเมียจริง ๆ”
ผมลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ไล่มองตั้งแต่ใบหน้าและไล่สายตามายังเนินอกขาว จนผมต้องยกมือขึ้นมาทาบปิดอกไว้กันสายตาชั่วร้ายนี้
“พ...พี่ไม่ทำอะไรผมหรอก ถ้าพี่จะทำจริง ๆ พี่ทำตั้งแต่คืนแรกแล้ว”
“หึหึ เหรอ”
เขากลั้วหัวเราะขณะที่ยังจับจ้องมาที่ผมไม่วางตา
พรึบ
“จะไปไหน”
เสียงร้องถามเอ่ยขึ้นเมื่อผมทำทีจะดันตัวออก
“จะเอาลูกประคบไปนึ่งต่อ มันหายร้อนแล้ว”
ผมพูดไปแบบนั้นเพราะหาช่องทางหลบหนี ก็เขาเล่นจ้องผมในระยะประชิดแบบนี้ไม่ให้ผมรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ได้ยังไงกัน
“ไม่ต้องแล้ว ขืนปล่อยมึงประคบนานกว่านี้กูคงได้สุกพอดี”
เขาเอี้ยวตัวไปทางด้านหลังแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากถุงผ้าสีคราม
พอมองมันได้ถนัดตาผมถึงได้รู้ว่ามันคือขวดน้ำหอม มองดูตาเดียวก็รู้ว่าของมีราคาเพราะผมก็ใช้ยี่ห้อนี้อยู่เหมือนกัน
“ให้ผมเหรอ พี่ไปเอามาจากไหน”
ผมเบิกตาโพลงรีบคว้าขวดน้ำหอมมาดูอย่างทึ่ง ๆ
ของจริงซะด้วย ราคาเหยียบแสนเลยล่ะครับยี่ห้อนี้
“กูเป็นโจรนะ กูก็ไปปล้นมาสิ”
“โหหห พี่รู้ได้ไงเนี่ยว่าผมใช้น้ำหอมแบบนี้”
“กูมีจมูกนะ กูก็ดมดูสิ กลิ่นไหนมันเป็นกลิ่นตัวตอนเอามึงมาที่นี่ใหม่ ๆ”
ฮะ! นี่เขาจำกลิ่นตัวผมได้เหรอ จะเก่งเกินไปแล้ว จมูกดีขนาดนี้เป็นโจรหรือหมาเนี่ย
“ไหนรางวัลกู”
“ร...รางวัลอะไร”
“มึงคิดว่ากูจะใจดีบุกเดี่ยวไปปล้นน้ำหอมมาให้มึงเฉย ๆ เหรอ คนอย่างกูไม่เสี่ยงตายเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ไม่มีค่าตอบแทนหรอกนะ”
“ฮะ!”
ถ้ามันลำบากขนาดนั้นจะไปเอามาให้ผมทำไมกันเล่า
“เอ่อ...ผมไม่มีรางวัลอะไรให้พี่หรอก ผมมาแต่ตัวเปล่า ๆ เอ้อ!! แต่มีกำไลแขนนะพี่เอาไหม”
พอฉุกคิดขึ้นมาได้ผมก็รีบก้มลงทำทีจะถอดกำไลข้อแขน แต่เขาก็รีบปรามไว้
“กูไม่อยากได้กำไล กูอยากได้อย่างอื่น”
“หือ พี่จะเอาอะไร”
แววตาเฉี่ยวคมเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์จนผมรู้สึกไม่ปลอดภัย
“อยากได้...แบบที่ผัวเมียเขาทำกันไง”
เสียงกระเส่ากระซิบเข้าที่ข้างหู ลมหายใจร้อน ๆ รดข้างแก้มทำเอาผมละล่ำละลัก ผมไม่ใช่คนโง่ถึงจะดูไม่ออกว่าเขากำลังจะสื่อถึงอะไร ไหนชบาบอกว่าแค่เมียในนามไงเล่า
ฟอดดดด!!
“พ...พี่แผน”
ผมตาโตรีบเด้งตัวออกเพราะถูกฉวยโอกาสกดหอมที่ข้างแก้มอีกครั้ง
“วันนั้นที่ไม่เอาเพราะกูไม่เงี่ยน แต่วันนี้กูเ****นแล้ว”
ฮะ!! หมายความว่าจะเอาผมเป็นเมียจริง ๆ อย่างงั้นเหรอ
ไม่น้าาาา ความบริสุทธิ์ที่รักษามาตั้งยี่สิบสามปี แล้วอีกอย่าง...ผมครางไม่เป็นด้วย เขาต้องหัวเราะเยาะเสียงครางผมแน่เลย หรือไม่ก็โกรธที่ผมจะครางเหมือนคนคลอดลูกแล้วผมก็จะโดนด่าเหมือนคืนนั้น
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะพี่ คือว่าผมยังไม่พร้อม”
“แต่กูพร้อม”
มือหนากระชับเอวผมแน่นขึ้น หน้าก็ยื่นเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบชิด
“ตายจริง ลืมไปเลยว่าตากผ้าไว้ เดี๋ยวเปียกน้ำค้าง ผมไปเก็บผ้าก่อนนะ”
ผมอาศัยจังหวะที่เขาไม่ทันตั้งตัวมุดออกมาจากช่องแขนแล้ววิ่งลงบันไดบ้านไปทันที ผมเก็บผ้าอยู่นานนับชั่วโมงกว่าจะยอมขึ้นมา พอขึ้นมาก็เห็นว่าเขาหลับไปแล้ว ท่าทางจะเพลียมาก ผมจึงค่อยโล่งใจ ถือว่ารอดไปอีกวัน แต่ว่าผมคงลำบากแน่หากต้องนอนกับเขาทุกคืน