เสียงในเงา

1527 คำ
ตกเย็น “ได้เวลากลับบ้านแล้วนะอร เดี๋ยวพี่แผนก็มาตามหรอก” “ขอนอนด้วยคนเถอะนะชบา” ผมกะพริบตาถี่ ๆ ขอความเห็นใจ ตอนนี้ผมขึ้นมานอนเล่นที่บ้านชบาที่อยู่ติดกัน ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอพี่แผนตอนนี้จริง ๆ ครับ “เป็นอะไรกันหรือเปล่าอร ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอครับ” “เปล่า ๆ เราแค่ เอ่อ...อยากนอนกับชบาเฉย ๆ” ผมว่าพลางหลบสายตาเพราะกลัวอีกฝ่ายจะจับพิรุธได้ “พูดความจริงมาเถอะอร ถ้าไม่พูดความจริงเราก็ช่วยอะไรอรไม่ได้นะ” เฮ้อออ! อย่างกับพูดความจริงแล้วเขาจะช่วยผมได้อย่างงั้นแหละ “ว่าไง พี่แผนเขาทำอะไรอรเหรอ” คู่สนทนายังเอาแต่ถามรบเร้าผมไม่เลิก “คือ...พี่แผนเขาบอกว่าจะเอาเราเป็นเมียจริง ๆ น่ะสิ” “หือ พี่แผนเนี่ยนะอร เขาคงพูดแหย่เล่นละมั้ง” “แหย่เล่นอะไรล่ะชบา เขาหอมแก้มเราด้วยนะ” ผมรีบฟ้องทันทีเมื่อได้โอกาส “ฮ่า ๆ อาจจะแค่หยอกเล่นก็ได้ พี่แผนเขาชอบแกล้งจะตาย แถมอรยังน่ารัก น่าแกล้งขนาดนี้ใครจะอดใจไหว เขาไม่ทำอะไรหรอกเรารับประกันได้ แต่ถ้าอรไม่กลับ พี่แผนอาจจะโมโหร้ายแล้วขึ้นมากระชากตัวอรกลับไปก็ได้นะ” จริงด้วย ถ้าผมไม่กลับแล้วเขาเป็นบ้าอาละวาดขึ้นมาอีกล่ะ “ชบา” เสียงทุ้มที่คุ้นหูเอ่ยเรียกที่หน้าบันได ทำเอาผมกับชบาหูผึ่งขึ้นอย่างกะทันหัน “ค...ครับ” “เห็นบังอรหรือเปล่า” คนถูกถามทำหน้าหนักใจขั้นสุดพร้อมกับรีบพยุงตัวผมให้ลุกขึ้นเดินตาม “อยู่นี่แหละครับพี่แผน พอดีผมให้อรมาช่วยเติมน้ำมันตะเกียงน่ะครับ” เขาโกหกออกไปแบบนั้นเพื่อช่วยให้ผมรอดพ้นจากสายตาดุ ๆ ที่จ้องมา “กูก็นึกว่าโดนเสือคาบไปแดกซะแล้ว” “สู้ ๆ นะอร” ชบาตบบ่าผมเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ คงเห็นแล้วสงสารที่ผมหน้างอคอตกขนาดนี้ ผมเดินลงบันไดแล้วตามก้นพี่แผนต้อย ๆ เพื่อขึ้นบ้าน มาถึงเขาก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจผมแม้แต่น้อย เพราะมัวง่วนอยู่กับสร้อยอะไรบางอย่างในมือ พอชะเง้อดูถึงได้เห็นว่ามันเป็นตะกรุดที่ผมเคยกระชากขาด พี่แผนนั่งพนมตะกรุดไว้แล้วพึมพำอยู่นานสองนาน ก่อนที่เขาจะก้มกราบสามครั้งแล้วคล้องตะกรุดลงที่คอ “ขึ้นมานอนนี่” ผมสะดุ้งโหยงแล้วรีบปฏิเสธ “ม...ไม่เป็นไร ที่นอนมันแคบน่ะพี่” “มึงจะมาไม่มา” เสียงดุ ๆ แกมห้วนเล่นเอาผมรีบเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว “ขยับเข้ามานอนใกล้ ๆ กู เดี๋ยวก็ตกเตียงหรอก” “ไม่เป็นไร ผมไม่นอนดิ้น ไม่ตกหรอก” หมับ!! “เฮ้ย พ...พี่แผน จะทำอะไรน่ะ” “แล้วกูบอกมึงว่ากูจะทำอะไรล่ะ” หัวใจของผมเต้นโครมครามอย่างหนักภายในอ้อมแขนของพี่แผน เขาดึงผมเข้ามากอดไว้แน่นพลางยื่นหน้าเข้ามารดลมหายใจร้อน ๆ ใส่ข้างหูอย่างหยอกล้อ “เดี๋ยวก่อนพี่ ขอทำใจก่อนได้ไหมล่ะ ผมยังไม่เคยนะ” “อือ กูรู้ กลิ่นพรหมจรรย์หอมตีจมูกขนาดนี้ทำไมกูจะไม่รู้” ไม่ว่าเปล่า เขากดจมูกเข้ามาสูดดมตามขมับจนผมตัวแข็งทื่อ “พ...พี่ใจเย็น ๆ นะ เราค่อยเริ่มพรุ่งนี้ได้ไหม วันนี้ผมปวดหัว” ผมรีบหาข้อแก้ตัวอย่างน้ำขุ่น ๆ “ดีเลย มึงรู้ไหม การเอากันมันช่วยให้หายปวดหัวได้” “โอ้โหหห จริง ๆ ด้วย แค่พูดคำว่าเอาเฉย ๆ ยังไม่ได้ทำอะไรผมก็หายปวดหัวเป็นปลิดทิ้งแล้ว เอ่อ...แต่ว่าผมปวดท้องแทนน่ะสิ” อะไรวะเนี่ย สีข้างจะถลอกหมดแล้วววว ไอ้อรเอ๊ยไอ้อร “เหรอ ไหนปวดตรงไหน จะเป่ามนต์ให้” มือหนาเลื่อนเข้ามาในเสื้อตัวบางเพื่อแตะลงที่ท้องน้อยผม เขาไล่วนปลายนิ้วกลางรอบสะดือช้า ๆ จนผมเสียววูบวาบไปถึงด้านใน “อ...เอ่อ ผมหายปวดแล้ว” “หึหึ แล้วทีนี้มึงจะเป็นอะไรอีก” คนเจ้าเล่ห์หัวเราะอย่างรู้ทัน “ผม...ปวดฉี่!” พรวด!! ผมรีบลุกพรวดขึ้นจากที่นอน แล้วหันไปคว้าตะเกียงบนหัวเตียงก่อนจะวิ่งแจ้นลงมาด้านล่าง ทีแรกกะจะหาข้ออ้างไว้หลบหนี แต่ดันรู้สึกปวดฉี่ขึ้นมาจริง ๆ น่ะสิ มือข้างขวาชูตะเกียงในมือขึ้นเพื่อสอดส่องมองทาง แต่ข้างหน้ากลับมืดสนิทไม่มีแม้แต่แสงไฟ ผมเม้มปากแน่นด้วยความคิดหนัก ถ้าจะไปชวนชบาเขาคงหลับแล้วแน่ ๆ เพราะไฟบนบ้านมืดสนิทเลย เมื่อยืนชั่งใจอยู่นานในที่สุดผมก็หาคำตอบให้ตัวเองได้ ผมเลือกที่จะเดินกลับขึ้นไปอีกครั้งเพื่อที่จะ… “พี่แผนนน” “อะไร” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยตอบพร้อมกับฝ่ามือหนาคว้าเปิดมุ้งขึ้นให้มองหน้ากันถนัด “เอ่อ...พาไปห้องน้ำหน่อยสิ มันมืดน่ะ” “มืดก็ฉี่หลังบ้านสิ” “โวะ ไม่ด้ายยยย เร็ว ๆ พาไปฉี่หน่อย” “อะไรของมึงเนี่ย ยุ่งยากฉิบหาย!” ถึงปากจะบ่นอุบแต่เขาก็ยอมยันตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบผ้าขาวม้ามามัดที่เอว ค่อยโล่งอกหน่อย ระหว่างทางเดินไปห้องน้ำ แกว๊ก ๆ เสียงอะไรบางอย่างคล้ายกับเสียงของนก แต่ผมไม่มั่นใจจึงหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “พี่แผน นั่นเสียง... อุ๊บ!” ไม่ทันจะพูดจบปากของผมก็ถูกปิดสนิทด้วยฝ่ามือหนาของเขา “ได้ยินอะไรห้ามทัก เห็นอะไรก็ห้ามพูด” เขากระซิบบอกด้วยสีหน้าจริงจังก่อนจะคลายมือ ทำเอาผมแทบจะฉี่ราดตรงนี้ ห้องน้ำก็อยู่ไกลด้วย ใครใช้ให้เขามาสร้างห้องน้ำไกลขนาดนี้เนี่ย พอมาถึงห้องน้ำผมก็รีบฉี่ให้เรียบร้อย เดินออกมาก็เห็นพี่แผนกำลังงึมงำอะไรอยู่เดียว “เสร็จแล้วพี่” หมับ! ฝ่ามือหนาคว้าเข้าที่ข้อมือผมพร้อมกับกำไว้แน่น แววตาขี้เล่นเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ดูจริงจังจนผิดสังเกต พี่แผนพาผมเดินตามทางมาเงียบ ๆ แต่สายตาผมมันดันขี้เสือก จู่ ๆ ก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มที่บนกิ่งไม้ มันเหมือนค้างคาวตัวใหญ่เท่าคนกำลังห้อยหัวลงมา “พ...พี่แผน” “อย่า” เสียงทุ้มต่ำร้องห้ามพร้อมกับกระชากข้อมือผมให้เดินเร็วขึ้น “ฮึฮึฮึ” เสียงหัวเราะดังแว่วออกมาระงมป่าจนผมขนลุกซู่ ความเงียบเย็นที่ปกคลุมทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองบริเวณโดยรอบ ผมรีบเกาะแขนพี่แผนไว้แน่นแล้วรีบมุ่งหน้ากลับมาบ้าน เดินมาได้สักพักเริ่มไม่ใช่เพียงเสียงหรือเงา แต่มันเริ่มมีกลิ่นเหม็นสาบเหมือนอะไรเน่าลอยมาตามลม พอมาถึงบ้านบรรดาผู้ชายก็ออกมายืนรอกันเต็มลานหน้าบ้าน ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สิ่งที่ผมเห็นมันยังทำให้ขนหัวลุกไม่หาย “พี่แผน เกิดอะไรขึ้นพี่” ทันทีที่มองเห็นลูกพี่เดินมา คนชื่อสิงห์ก็รีบวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางตื่นตระหนก “มันใกล้เข้ามาแล้ว ไปเอาไม้หวายมา” พี่แผนเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่งก่อนจะหันมาบอกผม “ขึ้นไปนอนได้แล้วไป” “แล้วพี่ล่ะ” ผมไม่รู้ว่าที่เขาบอกว่าใกล้เข้ามามันคืออะไรกันแน่ แต่ผมรับรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัย พี่แผนไม่ได้ตอบในสิ่งที่ผมพูด เขาเพียงแค่ปลดตะกรุดที่คอแล้วนำมาคล้องใส่คอให้ผมแทน “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มึงห้ามถอดตะกรุดเด็ดขาด!” แววตาจริงจังของเขาทำให้ผมรู้สึกใจไม่ดี ถ้าเขาเอาตะกรุดให้ผมแล้วเขาจะเหลืออะไรไว้ป้องกันตัวล่ะ “พี่แผน ไม้หวายได้แล้ว” ลูกน้องอีกคนวิ่งถือไม้ขนาดยาวเข้ามาให้พี่แผนถือไว้ ผมอยู่ต่อก็คงช่วยอะไรเขาไม่ได้ มีแต่จะเป็นภาระเปล่า ๆ จึงยอมเดินขึ้นบ้านมา เมื่อหันหลังกลับไปดูก็เห็นพี่แผนยกไม้หวายขึ้นมาถือพนมไว้ที่อกพร้อมกับเริ่มบริกรรมคาถา นะโมพุทธายะ มะพะ ทะนะ ภะ กะ สะ จะ สัพเพทวาปีสาเจวะ อาฬะวะกาทะโยปิยะ ขัคคัง ตาละปัตตัง ทิสวา สัพเพยักขา ปะลายันติ สักกัสสะ วะชิราวุธัง เวสสุวัณณัสสะ คะธาวุธัง อะฬะวะกัสสะ ทุสาวุธัง ยะมะนัสสะ นะยะนาวุธัง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม