บทนำ.1
บทนำ
“เฮ้ยหยุด!”
เสียงตะโกนไล่หลังจากชายวัยฉกรรจ์สี่คนที่ไล่ตามมาทำให้ตมิสาหันไปมองอย่างหน้าตาตื่น ขณะที่เท้าเล็กภายใต้รองเท้าผ้าใบคู่เก่ายังขยับรัวๆ คนที่วิ่งตามมาติดๆ อย่างเกริกก็เช่นกัน
“ลุงไปทางนั้นนะ เดี๋ยวมิไปทางนี้ แล้วเราค่อยไปเจอกันหลังวัด ไปด้วยกันแบบนี้มิว่าไม่รอดหรอก”
ตมิสาที่อยู่ในอาการหอบแฮ่กๆ หันไปบอกเกริกพล ชายวัยสี่สิบปีเศษซึ่งเป็นลุงของตัวเอง อีกฝ่ายพยักหน้ารับหงึกๆ ด้วยท่าทางหอบแฮ่กไม่ต่างกัน
“เออ แล้วเจอกัน เอ็งก็ระวังตัวให้ดีล่ะ”
“ลุงก็เหมือนกันนะ”
นัดแนะกันเรียบร้อยเกริกพลก็เบี่ยงเท้าไปอีกทาง ส่วนตมิสาก็ยังขยับเท้ารัวๆ อย่างไม่ยอมลดความเร็ว โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังขึ้นมาอีกครั้งเท้าเล็กก็ยิ่งขยับเร็วขึ้น
“เฮ้ย พวกมันแยกกันแล้ว เดี๋ยวเอ็งสองคนตามไอ้แก่นั่นไป ส่วนเอ็งมากับข้า”
คนที่น่าจะเป็นหัวหน้าแบ่งพรรคพวกกันเสร็จสรรพ ชายสองคนแรกวิ่งตามเกริกพลไป ส่วนอีกสองคนที่เหลือก็กำลังวิ่งตามตมิสาที่กำลังวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
ตมิสา สาวน้อยวัย 19 ย่าง 20 ปี เติบโตขึ้นมาในชุมชนแออัดแห่งหนึ่งในพัทยา เท่าที่จำความได้ ครอบครัวของหญิงสาวมีแค่เธอกับลุงเกริก ผู้ซึ่งเป็นพี่ชายของแม่เท่านั้น หลังคลอดแม่ของเธอก็เอาเธอมาฝากลุงไว้พร้อมเงินก้อนหนึ่งที่เพียงน้อยนิด หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเลย ส่วนคนเป็นบิดานั้นแน่นอนว่าหญิงสาวไม่เคยพบหน้าคาดตามาก่อน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร ตั้งแต่เด็กตมิสาเคยโหยหาคนเป็นพ่อกับแม่ปานจะขาดใจ แต่เมื่อคอยแล้วคอยเล่า เวลาผ่านพ้นไปแต่ละปี ทั้งคู่ก็ไม่มา
ความโหยหาก็กลายเป็นความชินชาไปในที่สุด
ชีวิตนี้เธอขอมีแค่เกริกพลคนเดียวก็พอ
ร่างบางในชุดเสื้อยืดสีดำพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ขาสั้นอวดเรียวขาสวย เส้นผมหยักสกถูกรวบเป็นหวงม้าเอาไว้ด้านหลัง ดวงหน้าเรียวรูปไข่หันไปมองด้านหลังเป็นระยะ พลางผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อทิ้งระยะห่างจากชายสองคนที่วิ่งตามมาพอสมควร
ดวงตากลมโตเบิกกว้างเล็กน้อยและมีความลังเลอยู่หลายส่วนเมื่อมาเจอกับทางแยก ใช้เวลาเสี้ยววินาที หญิงสาวก็ตัดสินใจเข้าไปหลบในซอกซอยหนึ่ง ตมิสาทิ้งตัวลงนั่งบนส้นเท้าตรงรถเข็นขายของคันหนึ่งเป็นที่อำพรางตัว เสียงฝีเท้าที่วิ่งผ่านไปทำให้หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
หากแต่เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น
“ฮึ มานี่นังตัวดี”
ตมิสาถูกชายคนหนึ่งดึงรั้งคอเสื้อจนเจ้าตัวต้องลุกขึ้นยืนพลางยิ้มแห้งๆ ให้กับชายอีกคนที่ยืนจังก้าเท้าสะเอวหน้าถมึงทึงอยู่ตรงหน้า
“เอาเงินมา”
“โอ๊ยพี่ฉันไม่มีหรอก”
“ไม่มีแกก็ไปทำงานใช้หนี้ที่บ่อน”
“ฉันไม่ไป” ตมิสาบอกเสียงแข็ง แต่พอเห็นอีกฝ่ายจ้องเขม็งราวกับต้องการจะกินเลือดกินเนื้อก็เสียงอ่อนลงพลางยกมือไหว้ประลกๆ “พี่ ให้เวลาฉันอีกสองสามวันนะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปหาเงินมาใช้ให้พี่เลย นะๆ พี่ไล่จับตัวฉันแบบนี้ นอกจากจะไม่ได้เงินคืนแล้ว พี่ก็ยังเหนื่อยเปล่านะๆ”
ตมิสาพยายามต่อรองด้วยท่าทางชวนให้เห็นใจ แต่ดูเหมือนว่าการร้องขอของหญิงสาวจะไม่ได้ผล เพราะคนตรงหน้าเหยียดยิ้มพลางหัวเราะด้วยเสียงเย้ยหยัน
“แกมันลูกเล่นเยอะนังเด็กมิ ไอ้เกริกกับแกมันเจ้าเล่ห์ ฉันไม่เชื่อแกหรอก คราวที่แล้วที่ฉันปล่อยพวกแกไป พวกแกก็เบี้ยว นัดไม่เป็นนัด ฉันโดนเสี่ยซ้อมปางตาย”
“โธ่พี่ ก็เงินมันหายากนี่”
“หุบปาก!”
ชายคนที่อยู่ตรงหน้าตมิสาไม่ได้พูดเปล่ายกหลังมือขึ้นมาทำท่าจะฟาดลงใบใบหน้าของตมิสา เจ้าตัวรีบยกแขนขึ้นมาป้องกันอย่างอัตโนมัติพลางร้องเสียงหลง
“อย่านะพี่ นักเลงแท้เขาไม่รังแกผู้หญิงหรอก”
“อย่ามาปากดี ตกลงจะจ่ายไม่จ่าย”
สุดท้ายอีกฝ่ายก็ยอมลดมือลง หากแต่ยังคงจ้องมองตมิสาเขม็งพลางบอกด้วยเสียงเหี้ยมเกรียม ในขณะที่ตมิสาได้แต่กลืนน้ำลายเหนียวหนึบลงคอ
“ฉันไม่มีจริงๆ ขอเวลาอีกสักสองสามวันได้ไหม”
“ไม่ได้!”
“แต่ฉันไม่มีจริงๆ นะพี่”
“ฉันไม่เชื่อ แกกับลุงมันเจ้าเล่ห์ เฮ้ย ค้นกระเป๋ามันซิ”
หันไปสั่งคนที่ยึดคอเสื้อของตมิสาเอาไว้ ชายคนนั้นดึงกระเป๋าสะพายข้างของตมิสาที่เจ้าตัวสะพายติดตัวขึ้นมา โดยที่ตมิสาไร้โอกาสต่อต้าน รื้อค้นอยู่พักหนึ่ง ชายคนที่รื้อก็ยิ้มเหี้ยมเกรียม
“นี่ไงพี่ เงิน”
ชายคนดังกล่าวโชว์แบงค์พันสามใบในมือ ตมิสาทำท่าจะคว้าคืน แต่ก็ยังช้ากว่าเพราะอีกฝ่ายเอาหลบไปเสียก่อน ก่อนที่ชายตรงหน้าหญิงสาวจะเป็นคนพูดขึ้นว่า
“ไหนบอกว่าไม่มีเงินไง”
“พี่ ฉันต้องเอาไปจ่ายค่าเช่าบ้านเดือนนี้ พี่คืนฉันมาก่อนนะ ฉันสัญญาว่าอีกสองสามวันจะเอาไปคืนให้พี่ถึงบ่อนเลย”
“หุบปาก ฉันไม่เชื่อแกหรอก และนี่ก็แค่ดอกเบี้ยที่พวกแกจ่ายล่าช้า ยังเหลืออีกเก้าหมื่น”
ตมิสาได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายอย่างเจ็บใจ อดตัดพ้อเกริกพลไม่ได้
‘ลุงนะลุง ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าหาเรื่องรวยทางลัด เฮ้อ แทนที่จะรวยกลับได้หนี้เพิ่มมาซะงั้น’
“พี่ คืนเงินมาให้ฉันก่อนนะ ฉันไหว้ล่ะ เพราะถ้าไม่จ่ายค่าเช่าบ้านวันนี้ ฉันไม่มีที่ซุกหัวนอนแน่”
ตมิสายกมือไม้ประหลกๆ หวังว่าจะได้รับความเห็นใจ แต่เปล่าเลย เพราะอีกฝ่ายนอกจากจะไม่ได้ให้ความเห็นใจแล้ว ยังถือวิสาสะคว้าข้อมือเล็กของตมิสาแล้วออกแรงฉุดรั้งให้เดินตาม
“นั่นมันเรื่องของแก ไม่ใช่เรื่องของพวกฉัน แต่ตอนนี้แกต้องไปพบเสี่ยโปก่อน เพราะแกยังจ่ายไม่ครบ”
“ไม่ ปล่อยฉัน ฉันไม่ไป”
ตมิสาร้องโวยวาย ข้อมือทั้งสองข้างของหญิงสาวถูกชายสองคนยึดไว้คนละข้าง แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามขืนตัวอย่างสุดกำลัง แต่ก็ไม่อาจสู้แรงชายฉกรรจ์ทั้งสองได้
ตมิสาถูกลากมาจนกระทั่งถึงริมถนนใหญ่ ลูกน้องของเสี่ยโปจอดรถไว้ตรงนั้น ตมิสาถูกผลักเข้าไปด้านในรถ ส่วนอีกคนอ้อมขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ
ตมิสาอาศัยจังหวะที่ชายคนดังกล่าวกำลังก้าวขึ้นรถ หญิงสาวออกแรงถีบเข้าอย่างเต็มรักจนอีกฝ่ายเสียหลักหงายท้องลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น
และหญิงสาวก็ใช้จังหวะนั้นหนีออกมาจากรถ ท่ามกลางเสียงร้องโวยวายของชายทั้งสองคนดังกล่าวไล่หลัง
ตมิสาขยับเท้ารัวๆ อย่างไม่คิดชีวิต มีบ้างที่เจ้าตัวเหลียวไปมองลูกน้องของเสี่ยโปที่วิ่งตามมาอย่างไม่ลดละ ก่อนจะหันหน้ากลับมาแล้ววิ่งหน้าตาตื่นพลางหอบหายใจเป็นพักๆ
ขาเรียววิ่งหนีเลียบชายหาดพัทยามาเรื่อยๆ ในขณะที่ลูกน้องของเสี่ยโปก็ยังคงตามมาอย่างไม่ลดละ หญิงสาวพยายามเร่งฝีเท้าอย่างสุดกำลังจนกระทั่งมาถึงหน้าโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง
ฝากติดตามด้วยค่ะ