ฟิโอดอร์ไม่รู้ตัวเลยว่าความเหี้ยมเกรียมและเด็ดขาดของตนหย่อนลงไปมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน เพราะหากเป็นคนอื่น ต่อให้เป็นผู้หญิงเขาก้ไม่มีทางละเว้น หากเป็นคนอื่นเบาสุดต่อการกระทำที่เกิดขึ้นก็เห็นจะเป็นการตัดมือข้างนั้นทิ้งไปซะ โทษฐานที่กล้ามาเขวี้ยงรองเท้าใส่เขา ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะยืนกรานว่าตั้งใจจะขว้างมันใส่อีวานก็เถอะ
“ใช่ เรียบร้อยแล้วก็ไปให้พ้นหูพ้นตาฉันซะ และอย่างอาจหาญทำแบบนี้อีก เพราะคราวหน้าฉันให้เธอไปขัดบ่อจระเข้แน่ ถึงแม้ว่าเธอจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจก็ตาม”
“สาบานเลยค่ะว่าจะไม่ทำแล้ว และฉันก็จะไม่เฉียดมาใกล้คฤหาสน์หลังนี้เป็นอันขาด”
“ก็ดี แล้วทำให้ได้อย่างที่พูดล่ะ”
ฟิโอดอร์กล่าวแค่นั้นแล้วเขาก็เดินออกไป ตมิสาที่มีท่าทางพินอบพิเทาในตอนแรกก็ทำหน้ายุ่งใส่ไล่หลัง ก่อนจะรีบปรับสีหน้าเป็นอมยิ้มน้อยๆ ตอนที่มีคนใหม่เดินเข้ามา
“ตามฉันมา”
คนๆ นั้นคือคู่กรณีของตมิสานั่นเอง หญิงสาวยอมสงบปากสวบคำตอนที่เดินตามอีวานออกมาจากห้องใต้ดิน จนกระทั่งเขาพาเธอมาถึงบ่อน่้ำพุขนาดเจ็ดชั้น ตมิสาก็ถึงกับโอดครวญ
‘ขัดชาตินี้ คงจะเสร็จชาติหน้าเลยละมั้ง’
นั่นคือสิ่งที่ตมิสาคิดได้เพียงในใจเท่านั้น ก่อนจะเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดบ่อน้ำพุที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมา ในขณะที่อีวานเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์ หากแต่รอบๆ บริเวณก็ยังมีบอดี้การ์ดในสูทดำอย่างเข้มงวด
เป็นอีกครั้งที่ตมิสาาต้องถอนหายใจ
ทางเดียงที่หญิงสาวจะออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้ได้ก็คือจัดการไอ้บ่อน้ำพุขนาดมหึมานั่นให้เรียบร้อย แสงแดดเจิดจ้าในยามบ่ายที่กำลังสาดส่องลงมา ทำให้ตมิสาแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองโดยใช้มือข้างหนึ่งขึ้นบังแสงเอาไว้ ชั่วเสี้ยววินาทีก็รีบดึงสายตากลับมา และได้แต่ภาวนาว่าตนเองคงไม่เป็นลมแดดไปเสียก่อนหรอกนะ
เพราะเรื่องความร้อนแรงของแดดในประเทศไทย ไม่เป็นรองชาติใดในโลกจริงๆ
ทุกอย่างเรียบร้อยในอีกสามชั่วโมงต่อมา พร้อมเนื้อตัวที่เปียกปอนราวกับลูกหมาตกน้ำของตมิสาที่ค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่งอย่างคนที่หมดเรี่ยวแรงบนสนามหญ้าข้างบ่อน้ำพุนั่น หญิงสาวหอบหายใจแฮ่กๆ ลำคอแห้งผากไปหมดจนต้องพยายามเค้นน้ำลายเหนียวๆ ออกมาแล้วกลืนลงคอไปอย่างยากลำบาก ก่อนที่อาการของหญิงสาวจะแย่ไปมากกว่านี้ ขวดน้ำที่มีไอเย็นลอยออกมาจางๆ ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า
“ดื่มน้ำซะ”
อีวานคือคนที่ยื่นขวดน้ำดื่มมาให้ ตมิสารีบคว้าไว้แล้วหมุนฝาแล้วยกขึ้นดื่มทันที อีวานยังคงอยู่ตรงหน้าจนกระทั่งน้ำในขวดพร่องไปเกินครึ่ง ตมิสาถึงได้ลดมือลง
“ขอบคุณ”
อีวานทำเพียงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะถามตมิสาว่า
“ลุกไหวหรือยัง จะพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพาไปกินข้าว”
ตมิสารีบพยักหน้าหงึกๆ แล้วยันตัวลุกขึ้น มือข้างหนึ่งของหญิงสาวยังถือขวดน้ำเอาไว้แล้วยกขึ้นดื่มเป็นระยะๆ ระหว่างที่เดินตามอีวานไป
ตมิสาถูกพาเดินอ้อมไปยังด้านหลังคฤหาสน์ ตรงนั้นมีบ้านหลังเล็กติดกันหลายหลัง ตมิสาเดาเอาว่าบริเวณนี้น่าจะเป็นบ้านพักของคนงาน หญิงสาวเดินตามอีวานมาเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดเท้าที่หน้าบ้านพักหลังหนึ่ง
ก๊อก...ก๊อก….ก๊อก…
ประตูถูกเปิดออกมาพร้อมเจ้าของห้องที่เป็นหญิงวัยกลางคนในชุดแม่บ้าน อีวานเหลือบสายตามองที่ตมิสาแว่บหนึ่งก่อนจะดึงสายตากลับไปที่เจ้าของห้อง
“ช่วยหาเสื้อผ้าให้ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนด้วย เสร็จแล้วก็หาข้าวให้กิน แล้วพากลับไปที่คฤหาสน์”
“ได้ค่ะคุณอีวาน”
อันนารับคำอีวานจึงเดินจากไป ปล่อยให้ตมิสาเผชิญหน้ากับอันนาเพียงลำพัง อันนาหันมายิ้มให้ตมิสาอย่างใจดี ก่อนจะดันประตูให้เปิดกว้าง แล้วเชื้อเชิญให้ตมิสาเข้าไปด้านใน
“เข้ามาก่อนสิ”
ตมิสาตอบรับไมตรีของอันนาด้วยการอมยิ้ม หญิงสาวก้าวเข้าไปในห้องเรียบร้อยแล้ว อันนาจึงจัดการดึงประตูปิด
“ฉันถามได้หรือเปล่า ไปทำอะไรมาเนื้อตัวถึงได้เปียกปอนขนาดนั้น”
อันนาบอกตอนที่ยื่นเสื้อลายสก็อตแขนยาวสีดำสลับขาวกับกางเกงยีนส์ห้าส่วนมาให้ตมิสาที่ยืนกอดตัวเองอยู่กลางห้อง ตมิสารับเอาไว้ก่อนจะตอบในสิ่งที่อันนาถาม
“ขอบคุณค่ะ ที่ฉันตัวเปียกแบบนี้เพราะไปขัดบ่อน้ำพุมาค่ะ”
“หืม ปกติบ่อน้ำพุนั่นก็มีคนงานดูแลอยู่แล้วนี่ ทำไมเธอต้องไปขัดด้วยล่ะ”
“ก็อีตามาเฟียหน้าโหด เอ้ย ก็คุณฟิโอดอร์เป็นคนสั่งค่ะ พอดีฉันเผลอทำผิดนิดหน่อย”
“ไปทำอะไรเข้าล่ะ”
“ปารองเท้าไปโดนหลังเขาค่ะ โดนแบบเต็มๆ เลย แฮะๆ”
“นี่ถือว่าเธอโชคดีมากนะ เพราะปกติใครทำอย่างนั้นคุณฟิโอดอร์ไม่ใจดีมากขนาดนี้แน่ อย่างน้อยๆ มือข้างที่ขว้างน่ะโดนตัดแน่”
ตมิสาถึงกับตาเบิกโพลงพลางหดมือข้างขวาซึ่งเป็นมือที่ใช้เขวี้ยงรองเท้าลงราวกับเกรงว่ามือน้อยๆ ของเธอกำลังจะหายไปเสียอย่างนั้น ในขณะที่แขนซ้ายก็กอดเสื้อผ้าที่อันนาหยิบมาให้เอาไว้เสียแน่น
“ขะขนาดนั้นเลยหรือคะ”
“ใช่ ขนาดนั้นแหละ เอาละๆ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เสร้จแล้วก้เดินอ้อมไปด้านหลังนะ โรงอาหารอยู่ตรงนั้น ฉันจะไปทำกับข้าวไว้รอ”
“ขอบคุณค่ะ”
ตมิสาสาวเท้าเข้าไปในห้องน้ำ ในขณะที่อันนาเดินออกไปจากห้อง ครู่เดียวตมิสาก็จัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย แล้วรีบเดินไปยังโรงอาหารตามที่อันนาบอกทางไว้
“นายครับ ตมิสาอยู่ตรงหน้าเทอร์เรสแล้วครับ”
อีวานเป็นคนรายงานให้ฟิโอดอร์รับทราบ ส่วนบอริสนั้นยืนอยู่ที่ด้านข้างโต๊ะทำงานของเจ้านาย ฟิโอดอร์ทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะออกคำสั่งให้อีวานไปจัดการต่อ
“ให้คนไปส่งเธอซะ แล้วย้ำด้วยว่าอย่าได้ก่อเรื่องอีก”
“ได้ครับ”
อีวานรับคำแล้วก้าวออกไปจากห้อง ฟิโอดอร์กับบอริสมองตามแผ่นหลังไปจนกระทั่งประตูห้องถูกปิดลง ฟิโอดอร์จึงหันมาถามบอริส
“การประชุมสมาพันธ์จะมีขึ้นเมื่อไร”
“เดือนหน้าครับนาย วันที่ 15 ที่เอเธนส์ครับ”
“ก็ดี ฉันจะได้ชวนไอ้พวกนั้นไปดื่มกันหน่อย นานๆ เจอกันที”
ฟิโอดอร์กล่าวถึงเพื่อนสนิทของเขา และเพื่อนของมาเฟียหนุ่มก็เป็นมาเฟียไม่ต่างกัน รวมฟิโอดอร์ด้วยก็มีทั้งหมดสี่คน จ้าวไป่เฟิง มาเฟียฮ่องกง ราฟาเอล เลอร์มา มาเฟียฝรั่งเศส และคนสุดท้าย ดริมิทิส มันตาลอส มาเฟียกรีซ ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมครั้งนี้
การประชุมของสมาพันธ์มาเฟีย ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มมาเฟียที่มีอำนาจมากที่สุด จาก 11 ประเทศ โดยเป้าหมายของสมาพันธ์ก็คือยกระดับการค้ายุทโธปกรณ์ที่เคยเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมายที่เสี่ยงต่อการถูกโกงและเสี่ยงต่อการถูกตำรวจจับได้ถึงแม้จะมีการระมัดระวังอย่างเข้มงวด และการฟ้องร้องลูกค้าที่เป็นคนของรัฐบาลกฏหมายก็ไม่รองรับเพราะก่อนหน้านี้เป็นธุรกิจสีดำเต็มขั้นเปลี่ยนมาเป็นธุรกิจสีเทาที่มีกฏหมายรองรับแทน โดยที่พวกเขาไม่ต้องเสี่ยงที่จะโดนจับแม้ว่าจะมีการป้องกันในเรื่องนี้อย่างเข้มงวด และสามารถค้าขายยุทโธปกรณ์ได้โดยมีสมาพันธ์เป็นตัวกลาง โดยสมาพันธ์จะช่วยต่อรองไม่ให้มีการกดราคาจากลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่ก็คือรัฐบาลจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยการประชุมนี้จะจัดขึ้นปีละสองครั้ง โดยผู้ที่เป็นเจ้าภาพก็จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นการพูดคุยถึงปัญหาต่างๆ และจบที่ส่วนแบ่งซึ่งเป็นเม็ดเงินมหาศาล
“แล้วเรื่องที่ฉันให้ไปสืบล่ะถึงไหนแล้ว”
คราวนี้ฟิโอดอร์ถามเสียงเครียด บอริสเองก็มีสีหน้าไม่ต่างจากเจ้านายนัก หากแต่สุดท้ายมือขวาที่รู้ใจกันมาเนิ่นนานก็เปิดปากและให้ข้อมูลที่เจ้าตัวไม่ค่อยอยากจะพูดเท่าไรนัก
“ตอนนี้คนที่น่าสงสัยเหลืออยู่แค่สองคนครับ”
“...”
“และหนึ่งในนั้นก็เป็นคนที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดีครับ”
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ