ตมิสาเดินเข้ามาในวัดหลังจากที่รถของลูกน้องฟิโอดอร์ขับออกไป ดวงตากลมโตพยายามกวาดสายตามองหาเกริกพลผู้เป็นลุงตามที่นัดแนะกันเอาไว้ หญิงสาวเดินตามหาจนทั่วแต่ก็ไม่พบ
“ปล่อยฉันนะโว้ย ไอ้พวกบ้า”
เสียงร้องตะโกนที่คุ้นหูซึ่งก็คือเสียงของเกริกพลที่ดังมาจากทิศทางไหนสักทาง ทำให้ตมิสาหันรีหันขวางอย่างหน้าตาตื่น หญิงสาวพยายามเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจเพื่อหาที่มาของเสียง ก่อนจะพบว่าเสียงนั้นดังมาจากทางท้ายวัดซึ่งอยู่ติดกับริมทะเล ตมิสารีบขยับเท้าไปตามเสียงนั้นทันที
ภาพที่ตมิสาเห็นตรงหน้าคือเกริกพลถูกชายสองคนซึ่งเป็นลูกน้องของเสี่ยโปจับตัวเอาไว้ แล้วเสี่ยโปชายร่างท้วมวัยห้าสิบปีเศษก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย ตมิสาหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ติดกับศาลาอเนกประสงค์
“เอาเงินมาใช้หนี้กูเดี๋ยว ไม่งั้นกูจับมึงโยนลงทะเลแน่”
“งั้นเยอะขนาดนั้นผมจะไปหาจากไหนได้ล่ะครับเสี่ย เสี่ยให้เวลาผมอีกหน่อยนะครับ รับรองเลยว่าผมจะหามาคืนเสี่ยทุกบาททุกสตางค์เลย”
เกริกพลร้องบอกอย่างขอความเห็นใจในขณะที่เขาถูกลูกน้องเสี่ยโปล็อคตัวเอาไว้ เสี่ยร่างท้วมเหยียดยิ้มพลางกระตุกมุมปากแล้วส่ายหน้าอย่างเอือมๆ
“มึงมันเจ้าเล่ห์ไอ้เกริก และกูก็ให้เวลามึงมามากพอแล้ว ถ้ามึงไม่คืนวันนี้มึงตาย”
เสี่ยโปไม่พูดเปล่า เจ้าของร่างท้วมหยิบปืนกระบอกสั้นที่พกไว้กับเอวออกมาจ่อที่ศีรษะของเกริกพล ทำเอาคนถูกกระทำแสดงสีหน้าหวาดกลัว พลางวิงวอนอย่างขอความเห็นใจ ในขณะที่คนเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ อย่างตมิสาถึงกับยกมือขึ้นปิดปากด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ผมยังไม่มีจริงๆ ครับเสี่ย นะครับเสี่ย ให้โอกาสผมอีกสักครั้ง ผมจะรีบหาเงินมาคืนให้เสี่ยทุกบาททุกสตางค์เลยครับ”
หากไม่ถูกล็อคตัวเอาไว้ เกริกพลคงยกมือไหว้เสี่ยโปเพื่อขอความเห็นใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็นั่นละ เมื่อเจ้าตัวทำแบบนั้นไม่ได้ก็ได้แต่ส่งสายตาวิงวอนขอความเห็นใจไปให้อีกฝ่าย ซึ่งไม่ค่อยจะมีมันให้เกริกพลเท่าไรนัก
“ฮึ กูไม่เชื่อมึงหรอก และในเมื่อมึงไม่มีเงินคืนให้กู วันนี้ก็คือวันตายของมึง”
ปลายกระบอกปืนจากมือของเสี่ยโปเลื่อนไปจ่อที่หน้าผากของเกริกพลที่ตอนนี้หน้าไร้สีเลือดเป็นที่เรียบร้อย ความหวาดกลัวฉายชัดบนใบหน้า เกริกพลได้แต่ปิดตาแน่นแต่ก่อนที่เสี่ยโปจะทันได้ลั่นไกออกมา ตมิสาก็ร้องตะโกนออกมา
“ตำรวจมา!”
สายตาทุกคู่หันมามองทางตมิสา และนั่นทำให้เสี่ยโปเสียงจังหวะ และเกริกพลก็อาศัยจังหวะนั้นดิ้นจนหลุดจากลูกน้องเสียโป พร้อมกับฉวยจังหวะนั้นรีบหนีไป ในขณะที่ตมิสาเองก็รีบขยับเท้าหนีอย่างว่องไวเช่นกัน
ปัง ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นติดกันสองนัดไล่หลังเกริกพลไปเมื่อเสี่ยโปตั้งสติได้ แต่โชคดีที่เกริกพลวิ่งหลบไปได้อย่างหวุดหวิด ลูกน้องของเสี่ยโป แต่เสี่ยโปก็ยังไล่ตามไปไม่ห่าง พร้อมยิงปืนติดกันหลายนัดอย่างไม่เกรงกลัวใครเพราะถือว่าตนเป็นคนมีอิทธิพลในย่านนี้
ด้านตมิสาเพราะคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดีจึงหลบหลีกลูกน้องเสี่ยโปได้อย่างคล่องแคล่ว และได้แต่ภาวนาว่าเกริกพลก็จะหนีรอดไปได้เช่นกัน และในที่สุดตมิสาก็หนีรอดจากการไล่ล่าของลูกน้องเสี่ยโปได้ ส่วนเกริกพลที่กำลังหนีลูกปืนของเสี่ยโปก็หนีรอดไปได้เช่นกัน
“ลุง!”
“ไอ้มิ!”
สองลุงหลานวิ่งมาเจอกันที่บ้านพอดี ต่างคนต่างตกใจและอยู่ในอาการหอบแฮ่ก พอตั้งสติได้ตมิสาจึงพูดขึ้นมาว่า
“ลุง ฉันว่าเราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว พวกมันต้องตามมาแน่ เอาไงดี”
“เก็บของสิวะถามได้”
เกริกพลบอกแฃ้วเป็นฝ่ายก้าวเข้าไปในบ้านก่อน ตมิสาจึงรีบก้าวตามเข้าไป ทั้งคู่ต่างจัดการยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ ส่วนของมีค่านั้นทั้งคู่ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเก็บเพราะไม่เคยมี ก่อนจะรีบพากันออกจากบ้าน และเดินลัดเลาะไปตามชายหาด
“แล้วเราจะไปไหนดีกันอะลุง เงินก็ไม่มีติดตัวสักบาท”
“เอ็งก็เอาเงินที่จะจ่ายค่าเช่าบ้านมาใช้ก่อนสิ ไว้มีค่อยเอาเงินกลับมาจ่ายเจ๊แป้น”
“เฮอะ จะเอามาใช้ได้ไงล่ะลุง ไอ้พวกนั้นมันเอาไปหมดแล้ว”
“อ้าว จบกัน แล้วเอาไงดีวะ จะไปอาศัยวัดก้ไม่ได้แล้ว ไอ้พวกนั้นมันต้องตามไปดูอีกแน่”
“แล้วจะเอายังไง คืนนี้เราจะไปนอนไหนล่ะลุง”
ตมิสาว่าพลางถอนหายใน ในขณะที่ทั้งคู่ยังขยับเท้าไปตามเลียบชายหาด ตมิสาแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ตอนนี้ดวงจันทร์ขึ้นมาทำแทนที่พระอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะดึงสายตามายังพื้นเบื้องหน้าอีกครั้ง อดไม่ได้จะถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน และเกริกพลก็ไม่ทันจะให้คำตอบ เท้าของทั้งก็ต้องชะงักกึก ดวงตาสองคู่เบิกกว้างอย่างตื่นกลัว พลางกลืนน้ำลายเหนียบหนึบลงคอเมื่อเสี่ยโปและลูกน้องสี่คนมาหยุดอยู่ตรงหน้า พอทั้งคู่ทำท่าจะขยับเท้าถอยหนี ก็ถูกคนพวกนั้นปิดล้อมเอาไว้ สองลุงหลานมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะดึงสายตามาที่เสี่ยโปที่กำลังแสยะยิ้มอย่างน่ารังเกียจ
“มึงสองตัวแสบนักนะ คิดจะหนีคนอย่างเสี่ยโปงั้นเหรอ ฝันไปเถอะมึง”
เสี่ยร่างท้วมไม่พูดเปล่า เจ้าตัวจ่อปลายกระบอกปืนที่ขึ้นนกเรียบร้อยแล้วมาที่สองลุงหลาน ก่อนจะเเป็นเกริกพลที่เอ่ยออกมา
“เสี่ย จะฆ่าก็ฆ่าฉันคนเดียว ปล่อยไอ้มิมันไปเถอะ มันไม่รู้เรื่องด้วย ฉันคนเดียวที่ติดหนี้เสี่ย เพราะฉะนั้นถ้าเสี่ยจะฆ่าฉันก็ฆ่าเถอะ เพราะถึงยังไงฉันก็ไม่มีเงินให้เสี่ยหรอก”
ตมิสาหันไปมองเกริกพลพลางสั่นหน้า ขอบตาของหญิงสาวร้อนผ่าว ชีวิตของตมิสามีเกริกพลเพียงคนเดียวเท่านั้น และตมิสาก็ไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำร้ายผู้มีพระคุณที่มีเพียงคนเดียวในชีวิตของตนแน่
“ฆ่าฉันแทน แล้วปล่อยลุงเกริกไป”
ใช่ว่าตมิสาจะไม่รักตัวกลัวตาย แต่เกริกพลคือญาติเพียงคนเดียวที่เธอมี และเป็นคนที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ยังแบเบาะ และเธอก็ไม่อาจเห็นเกริกพลตายลงไปต่อหน้าต่อตาได้แน่
“ฮะๆ ฮ่า”
เสี่ยโปกับลูกน้องพากันหัวเราะเยาะสองลุงหลานแล้วมองทั้งคู่ด้วยสายตาสมเพช พักใหญ่กว่าที่เสียงหัวเราะน่าสะอิดสะเอียนของคนพวกนั้นจะจบลง และรอยยิ้มเย้ยหยันเข้ามาแทนที่
“มึงคิดว่ากูจะปล่อยพวกมึงสองคนไปงั้นเหรอ ฮึ” เสี่ยโปกระตุกยิ้มก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาใกล้ทั้งคู่มากขึ้นด้วยท่าทีคุกคาม ในขณะที่ยังจ่อปืนไปที่ทั้งคู่สลับกัน เพียงเสี้ยววินาทีมือหยาบกระด้างของเสี่ยโปก็ล็อคอยู่ที่ใบหน้าของตมิสา ที่พยายามดิ้นรนและมองเสี่ยร่างท้วมอย่างรังเกียจ แต่หญิงสาวก็ไม่อาจทำอะไรได้มากนัก “จะว่าไปนังหน้าก้หน้าตาดีไมาหยอก ถึงเนื้อตัวจะดูมอมแมมไปหน่อย แต่ถ้าเอาไปขัดตัวขัดผิวดูหน่อยก็น่าจะขายได้ พวกมึงว่าไง”
ท้ายประโยคเสี่ยโปหันไปถามลูกน้องของตัวเอง ในขณะที่ตมิสากับเกริกพลหันมามองหน้ากัน แววตาของเกริกพลเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่ตนเป็นคนนำความเดือดร้อนมาให้หลานสาว ส่วนตมิสาไม่ปฏิเสธเลยสักนิดว่าตนนั้นกำลังหวาดกลัวในสิ่งที่ได้ยินจนจับขั้วหัวใจ
“พวกผมเห็นด้วยครับเสี่ย”
หนึ่งในลูกน้องของเสี่ยโปตอบ ส่วนคนอื่นๆ ก็พยักหน้าหงึกๆ อย่างเห็นด้วย นั่นทำให้เสี่ยโปกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะดึงสายตากลับมาที่ตมิสาอีกครั้ง
“ฉันยอมทำตามที่เสี่ยต้องการก็ได้ แต่ฉันอยากขอร้องให้เสี่ยปล่อยลุงเกริกไปจะได้ไหม ฆ่าไปก็ตายเปล่า แถมเสี่ยก็ไม่ได้เงินคืนด้วย”
ตมิสาพยายามต่อรองแม้ว่าความเป็นไปได้ดูจะติดลบ หากเสี่ยโปยอมตกลง อย่างน้อยทั้งเธอและเกริกพลก็ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้
ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน
เสี่ยโปแสดงสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเจ้าของร่างท้วมก็คล้อยตาม ปืนในมือค่อยๆ ลดลง ก่อนจะบอกทั้งเกริกพลและตมิสาเสียงแข็งกร้าวระคนข่มขู่ในที
“ก็ได้ แต่ถ้าแกตุกติกอีกละก็ ฉันไม่ปล่อยพวกแกเอาไว้แน่”
ตมิสาพยักหน้ารับ ส่วนเกริกพลแสดงสีหน้ากังวล ครั้นจะเอ่ยปากห้ามปรามตมิสาก็หันมาบอกทางสายตาว่าไม่เป็นไร
“ถ้าฉันใช้หนี้หมด ฉันก็หยุดทำงานได้ใช่ไหม คนอย่างเสี่ยโปที่มีคนนับหน้าถือตาและเป็นที่รู้จักทั่วพัทยาคงเป็นนักเลงพอใช่ไหม”
“เออ” เสี่ยโปตอบเสียงสะบัด นึกเจ็บใจกับคำพูดดักทางของเด็กเมื่อวานซืนอย่างตมิสาไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นเสี่ยโปก็เป็นนักเลงพอตัวจึงตกปากรับคำไป “ถ้าหนี้หมด แกจะไสหัวไปทางไหนก็เรื่องของแก”
ตมิสาลอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยเธอคงไม่ต้องตกนรกไปตลอด ก่อนจะถูกเสี่ยโปพาตัวไป ตมิสาหันมาบอกกับเกริกพล
“ลุง รักษาตัวให้ดีนะ รอฉันก่อน แล้วอย่าไปสร้างหนี้เพิ่มล่ะ”
“ไอ้มิเอ็ง…”
เกริกพลพูดด้วยน้ำเสียงที่ลำบากใจและสีหน้าของเจ้าตัวก็แสดงไปในทิศทางเดียวกัน แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยจนจบประโยค ตมิสาก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ลุง ตั้งแต่ฉันจำความได้ ชีวิตฉันก็มีแค่ลุง ลุงไม่ต้องห่วงนะ แค่นี้คนอย่างไอ้มิไม่เป็นไรหรอกน่า แล้วก็อย่าไปก่อเรื่องหรือสร้างหนี้เพิ่มให้ฉันอีกล่ะ คราวหน้าไม่เอาแล้วนะ”
ตมิสาปั้นหน้ายิ้มยากอดไม่ได้ที่ขอบตาจะร้อนผ่าว เกริกพลเองก็มีท่าทางไม่ต่างกันนัก ก้อนบางอย่างตีตื้นมาจุกที่ลำคอของเกริกพล
เป็นเขาเองที่หาความเดือดร้อนมาให้หลานสาวเช่นนี้
“หมดเวลาร่ำลากันแล้ว นังนี่ไปกับกู ส่วนมึงจะไสหัวไปไหนก็ไป นังนี่ใช้หนี้ให้ข้าหมดเมื่อไนเมื่อแกสองคนค่อยกลับมาเจอกัน เฮ้ยพวกมึง เอาตัวมันไปขึ้นรถ”
ว่าจบก็หันไปสั่งลูกน้อง ตมิสาถูกลูกน้องพาไปขึ้นรถ ส่วนเกริกพลนั้นได้แต่มองตามคนเป็นหลานไปจนลับสายตา ความรู้สึกท่วมท้นในอก ก่อนที่น้ำตาของลูกผู้ชายจะค่อยๆ ไหลออกมา เพราะความรู้สึกผิดต่อตมิสากัดกินหัวใจ ได้แต่ร้องบอกไล่หลังรถที่ค่อยๆ เคลื่อนหากออกไป
“ไอ้มิลุงขอโทษ ลุงสัญญาว่าจะรอเอ็งและไม่ก่อเรื่องอีก”
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ