ข้าจะไปคุยกับเขาอีกรอบ

1449 คำ
ป้าตู้นางกลับมาถึงเรือนพอดี จึงได้เข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วนหน้าเรือน “อาหนิงเจ้ามาเร็วเสียจริง” นางอดจะเย้าออกมาไม่ได้ “ก็ข้ากลัวว่าท่านจะเปลี่ยนใจ” นางยิ้มจนตาหยี สองบุรุษที่ยืนอยู่ไม่ไกลมองรอยยิ้มของนางอย่างตกตะลึง เหมือนตู้ลู่จื้อจะรู้ตัวว่าตนกำลังทำสิ่งที่ไม่สมควร เพราะนางเป็นภรรยาของผู้อื่น สามีของนางก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ด้วย “ฮ่า ฮ่า ข้าจะเปลี่ยนใจได้อย่างไร เจ้ารอประเดี๋ยวข้าจะรีบไปหยิบเงินมาให้” ป้าตู้รับปลาจากตะกร้าของหว่านหนิงแล้วเดินเข้าเรือนไป “เจ้าจับปลาได้อย่างไร” หลี่เฉียงเดินเข้ามากระซิบถามนางด้วยความอยากรู้ “ท่านถอยไปหน่อย” นางยกมือขึ้นบีบจมูก พร้อมทั้งดันตัวเขาให้ออกห่าง “ข้าเหม็นมากเช่นนั้นรึ” หลี่เฉียงก้มลงดมเสื้อผ้าของตนเอง ก็ไม่เห็นจะเหม็นเหมือนที่นางรังเกียจ เพียงแค่สกปรกไปสักหน่อยก็เท่านั้น “ยังมีหน้ามาถาม” หว่านหนิงถลึงตาใส่เขา “หึหึ” ตู้ลู่จื้อหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางของหว่านหนิงที่กระทำกับหลี่เฉียง “เจ้าหัวเราะอันใด แล้วเหตุใดยังไม่เข้าเรือนไปอีก” เขาเดินมาบังตัวของหว่านหนิงไว้ให้พ้นจากสายตาของตู้ลู่จื้อ “ข้ารอปิดเรือน” เขาหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก็นี่มันเรือนเขา เขาจะเข้าไปตอนใดก็ได้ “แล้วเข้าจับปลาได้อย่างไร” เรื่องนี้ตู้ลู่จื้อก็แปลกใจอยู่เช่นกัน บุรุษในหมู่บ้านน้อยคนนักที่จะจับปลาได้โดยที่ไม่มีบาดแผลบนตัวปลา หรือได้ปลาเป็นๆ กลับมาเช่นนาง “ก็ข้าเก่งเช่นไรเล่า” นางตอบเช่นนี้ดีแล้ว หากนางบอกความจริงไปเขาก็คงไม่เชื่อ “เจ้าตอบคำถามของผู้อื่น แต่ข้าเป็นสามีของเจ้า เจ้าไม่ยอมที่จะบอก” หว่านหนิงมองหลี่เฉียงเหมือนมองคนโง่ “เหอะ ก็ข้าบอกแล้วจะไปบอกเจ้าที่เรือน ก็ยังจะถามอยู่ได้” ทั้งสองเถียงกันอยู่ไม่กี่ประโยคป้าตู้นางก็เดินนำเงินหกสิบอิแปะมาส่งให้หว่านหนิง “ขอบคุณมากเจ้าค่ะท่านป้าตู้” นางยิ้มหวานอย่างน่ามอง “ไว้เจ้าจับได้อีกเมื่อใดก็อย่าลืมนึกถึงข้าเล่า จะต้มน้ำแกงให้อาจื้อดื่ม เขาใกล้จะสอบแล้ว” นางมองหลานชายอย่างภูมิใจ “ท่านเป็นบัณฑิตรึ” นางเอ่ยถามอย่างสนใจ หากมองท่าทางของเขาก็พอจะรู้ว่าดูเป็นผู้ที่มีความรู้อยู่ไม่น้อย แต่เมื่อหันกลับมามองหลี่เฉียง ใบหน้างามของหว่านหนิงก็บิดเบี้ยวทันที เปรียบเทียบไปก็เท่านั้น อีกคนดูทรงภูมิมีความรู้ อีกคนหนวดเครารุงรังราวกับโจรป่า “ใช่แล้ว” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่ใบหูของเขากำลังฟ้องว่าเขาเขินอายกับท่าทางของนางที่มองมาที่เขาอย่างสนใจ “สามีเจ้าก็เคยร่ำเรียน ไม่เห็นจะมีสิ่งใดน่าสนใจ” หลี่เฉียงเอ่ยออกด้วยความอิจฉา เมื่อเห็นแววตาที่เปล่งประกายของหว่านหนิงที่มองตู้ลู่จื้ออย่างพอใจ เขาดึงแขนของหว่านหนิงให้กลับไปที่เรือนด้วยกันอย่างไม่สบอารมณ์ จนนางร้องออกมาอย่างตกใจ “เฮ้ยย ท่านป้าข้าไปก่อนเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมาก” นางโบกมือให้ป้าตู้กับลู่จื้อที่มองมาทางพวกนาง “ตอนแรกข้าก็คิดว่านางจะร้ายกาจเสียอีก เห็นเสียงด่าทอสามีไม่เว้นวัน แต่ดูไปแล้วนางก็น่าเห็นใจนัก หากข้ามีสามีเช่นนางก็คงได้ทุบตีกันตายไปข้าง” ป้าตู้พึมพำออกมา “เข้าเรือนเถิดท่านย่า” ตู้ลู่จื้อมองตามทั้งสองจนพวกเขาเข้าเรือนไป จึงเอ่ยปากบอกให้ท่านย่าของเขากลับเข้าเรือน “ท่านจะลากข้ามาทำไมเนี่ย” หว่านหนิงสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของหลี่เฉียง “เจ้าห้ามไปคุยกับเจ้าหน้าขาวนั้นอีก” “เพราะอันใด” นางเอ่ยถามอย่างแปลกใจ หลี่เฉียงเห็นสีหน้าของนางก็กระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ “ก็เจ้ามีสามีแล้ว จะไปพูดคุยกับบุรุษอื่นได้อย่างไร” “บุรุษอื่นที่ไหน เพื่อนบ้านกันจะเป็นอันใดไป” นางส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อเริ่มทำอาหาร “ข้าบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ หรือว่าเจ้าชอบหลานท่านป้าตู้” “อืม ก็ดูไม่เลว รูปงาม ทั้งยังมีความรู้ สตรีที่ใดจะไม่ชื่นชอบบุรุษเช่นนี้บ้าง” “ซู หว่าน หนิง เจ้ามันช่างไร้ยางอายนัก มีสามีอยู่แล้ว แต่ยังพูดถึงบุรุษอื่นเช่นนี้” เขาบีบแขนของนางไว้แน่นอย่างไม่พอใจ “โอ๊ยยย ข้าเจ็บ ก็เจ้าถามข้าก็ตอบ” “ต่อไปห้ามไปพูดคุยอีกไม่เช่นนั้นข้าจะหย่ากับเจ้า!!!” หลี่เฉียงตวาดออกมาเสียงดัง แววตาของหว่านหนิงวูบไหวทันที นางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา “ที่เจ้าพูดจริงรึ” “จะ จริง” หลี่เฉียงมองนางอย่างแคลงใจ “ดี เช่นนั้นข้าจะไปคุยกับเขาอีกรอบ” หว่านหนิงเดินหันหลังกลับไปทางหน้าประตูเรือน “จะ เจ้า” หลี่เฉียงไม่คิดว่านางจะอยากหย่ากับเขามากถึงเพียงนี้ จึงได้รวบเอวของนางไว้แน่น “ข้าไม่ให้ไป” “ก็ไหนเจ้าพูดเองหากข้าไปพูดคุยกับหลานชายท่านป้าตู้เจ้าจะหย่ากับข้า” นางหันมามองเขาด้วยแววตาที่เรียบเฉย เหมือนจะถามว่าจะเอาเช่นไร “ไม่ ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าไม่หย่า แต่เจ้าก็ห้ามไปคุยกับเจ้าหน้าขาว” “เหอะ เห็นแก่ตัว” นางสะบัดเขาออก ก่อนจะเดินไปดูปลาที่จับมา หว่านหนิงนางเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงได้หันมามองที่หลี่เฉียง แล้วเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้าๆ “ท่านขึ้นเขามา ได้สิ่งใดมาบ้าง” นางหรี่ตามองเขาเพื่อจับผิด “อ้อ ใช่ ใช่” หลี่เฉียงคลำหาของภายในอกเสื้อก่อนจะหยิบหัวมันออกมาสองหัว หว่านหนิงนางกลอกตาขึ้นมองบนเมื่อเห็นหัวมันเปื้อนดินสองหัวขนาดไม่ใหญ่มากนักที่เขาได้มา “เอาเถิด ไม่ได้ไปขโมยผู้ใดมาใช่หรือไม่” นางมองเขาเพื่อหาสิ่งที่เขาพูดโกหกหรือไม่ “มะ ไม่ ข้า จะไปขโมยใครมาได้” นางเกือบจะเชื่ออยู่แล้วเชี่ยวหากไม่เห็นสายตาที่ล่อกแล่กของเขาเสียก่อน “พูดความจริงประเดี๋ยวนี้” นางถลึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ “ข้ามิได้ขโมยจริงๆ ข้าเพียงไปแย่งผู้อื่นขุดมา แต่ข้าเก็บมาเพียงแค่สองหัวเท่านั้น” เขาพูดเสียงเบา นางไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเขาถึงได้เลอะโคลนมากเช่นนี้ “เหอะ ท่านนี่มัน ไม่ได้เรื่องเสียจริง ไม่เหมือน...” นางเม้มปากแน่น เกือบจะหลุดเปรียบเทียบกับหลานชายของป้าตู้เสียแล้ว “หนิงหนิง เจ้า” เขามองหน้านางอย่างปวดใจ หลี่เฉียงถูกเปรียบเทียบกับหานเจิ้งมาตั้งแต่เด็ก เขาจะไม่เข้าใจในคำที่ยังไม่หลุดออกมาจากปากนางได้อย่างไร “ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” หลี่เฉียงไม่พูดสิ่งใด เขาเดินผ่านนางไปที่ห้องน้ำแทน เพื่อล้างตัว “โกรธจริงหรือเนี่ย” นางเกาหัวตนเอง หว่านหนิงสลัดเรื่องที่หลี่เฉียงโกรธนางทิ้งไปก่อน นางเดินไปจัดการปลาที่จับมาได้มาทำอาหาร ข้างๆ เรือนมีตะไคร้ขึ้นอยู่นางจึงนำมายัดเข้าไปในท้องเพื่อดับกลิ่นคาวของปลา เกลือไม่มี น้ำตาลไม่มี จึงได้แต่ทำไปตามมีตามเกิด มันสองหัวที่ได้มาสองก็ใส่ลงไปในหม้อน้ำแกงปลาด้วย มื้อนี้นางใช้ปลาต้มน้ำแกงสองตัวและทอดอีกหนึ่งตัว ห้าตัวที่เหลือนางนำไปตากแดดไว้กินมื้ออื่นต่อไป เพราะไม่รู้ว่าวันหน้านางจะโชคดีเช่นในวันนี้หรือไม่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม