ข้าจะปรับปรุงตัว

1459 คำ
หลี่เฉียงลุกเดินออกไปที่ห้องครัวเพื่อดูว่าหว่านหนิงนางหลงเหลือสิ่งใดไว้ให้เขาบ้าง แต่เมื่อจะจุดเทียนเพื่อใช้ส่องทาง ก็ต้องพบบนเชิงเทียนมีเพียงน้ำตาเทียนเท่านั้นที่เหลืออยู่ “เพ้ย อยู่เรือนเช่นไรถึงไม่ยอมเตรียมสิ่งของ” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย หากหลี่เฉียงใส่ใจสักนิดเขาจะรู้ว่าภายในเรือนยามนี้แทบไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่แล้ว หลี่เฉียงจำต้องอาศัยแสงจันทร์นำทางมาที่ห้องครัว พอถึงห้องครัวเขาถึงได้ใช้ตะบันไฟจุดเพื่อส่องสว่าง หาดูว่ามีสิ่งใดที่พอจะใส่ลงท้องได้บ้าง “สวรรค์ ไม่มีอะไรให้ข้ากินเลยหรือเนี่ย” เขามองห้องครัวที่ว่างเปล่าตรงหน้าอย่างเศร้าใจ สุดท้ายหลี่เฉียงทำได้เพียงดื่มน้ำลงท้องไปให้ได้มากที่สุดแล้วกลับเข้าห้องไปนอนหนาวและหิวจนเช้า หว่านหนิงเห็นท้องฟ้าสว่างแล้ว แต่นางยังไม่คิดที่จะลุกขึ้นจากที่นอน นางยังคิดไม่ตกว่าสมควรทำเช่นไรต่อไปดี ปัง ปัง ปัง เสียงเคาะประตูหน้าห้องของนางดังขึ้น พร้อมทั้งเสียงร้องเรียกของหลี่เฉียงที่กำลังโมโหหิว “หว่านหนิง เจ้าออกมาหาอะไรให้ข้ากินประเดี๋ยวนี้” เสียงทุบประตูยังดังไม่หยุด หว่านหนิงเพียงแค่มองไปทางประตูห้องอย่างเย็นชา แต่นางไม่คิดจะลุกขึ้นไปเปิดหรือตอบสิ่งใด หลี่เฉียงออกแรงได้ไม่นาน กลอนประตูห้องที่ไม่ได้แข็งแรงอยู่แล้วก็พังลง เขาเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ข้างเตียงของนางด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “สายปานนี้ เหตุใดเจ้ายังไม่ลุก” เขากำมือแน่น เพื่อไม่ให้ตนเองใช้มือกระชากร่างของนางขึ้นมา “...” หว่านหนิงปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะพลิกตัวหันหลังหนี โทสะจากความหิวที่มีอยู่แต่เดิม ทำให้หลี่เฉียงโมโหเพิ่มมากขึ้นยิ่งได้เห็นท่าทางที่เมินเฉยของหว่านหนิง เขาดึงตัวนางขึ้นมาอย่างแรง จนร่างของนางเกือบจะล้มไปกองอยู่ที่พื้น แต่ดีที่หลี่เฉียงยังมีความคิด มืออีกข้างของเขารวบเอวของนางไว้ได้ทัน ร่างของทั้งสองแนบชิดกันจนไม่เหลือเป็นช่องว่าง ใบหูของหลี่เฉียงแดงก่ำขึ้นมาทันที เขาไม่ได้ใกล้ชิดนางเพียงนี้มานานเท่าใดแล้ว ผิดกับหว่านหนิงที่แสนจะรังเกียจหลี่เฉียง ทั้งกลิ่นเหงื่อของพวกนักพนันและกลิ่นสุราที่ออกมาจากตัวของเขา ทำให้นางผลักตัวของเขาออกทันที “อยากกินก็ไปหากินเอง ข้าไม่ทำ” นางกลับไปนั่งลงที่เตียง เพราะข้อเท้าของนางยังปวดอยู่ไม่น้อย “ในครัวไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่แล้ว แล้วจะให้ข้าไปทำอันใด” “ก็ใช่ไง ไม่มีสิ่งใดเหลือแล้ว เงินก้อนสุดท้ายที่มีท่านก็นำไปเล่นพนันหมด ตอนนี้จะมาร้องหาสิ่งใด” เสียงที่เรียบเฉยของนางทำให้หลี่เฉียงเม้มปากแน่น เขาคิดว่าหากนางได้รู้เรื่องนี้คงจะโวยวายด่าทอ หรือทุบตีเขาเช่นเมื่อวาน แต่นี่นางไม่แม้แต่จะต่อว่า หรือมองเขาเลยด้วยซ้ำ “ขะ ข้า ข้าคิดว่ามือข้าจะขึ้น จะมีเงินมาลงทุนค้าขายหาเงินเข้าเรือน” เขาเอ่ยแก้ตัวออกมา “อ้อ แล้วเป็นเช่นใดเล่า” นางช้อนสายตาขึ้นมามองเขา “เหอะ เจ้าไม่ต้องถาม หากไม่มีก็ต้องไปหา ข้าเห็นสตรีในหมู่บ้านขึ้นเขาไปหาของป่ามากิน เหตุใดเจ้าไม่ทำ” “หึ” หว่านหนิงสบถออกมา นางไม่อยากเชื่อว่าเขาจะมีความคิดที่ติดลบมากถึงเพียงนี้ “ท่านรู้เช่นนี้ก็ขึ้นเขาไปเองเถิด ข้าไม่ทำ” นางจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ก็ถูกหลี่เฉียงดึงรั้งไว้ “เจ้าเป็นภรรยาจะปล่อยให้ผู้เป็นสามีอดตายได้อย่างไร” “หลี่ เฉียง ท่านยังจำได้หรือว่าในเรือนยังมีภรรยา หากท่านคิดถึงข้าสักนิดคงไม่นำเงินก้อนสุดท้ายไปเล่นพนัน” นางพูดแสงลอดไรฟันออกมา “ผู้ใดจะรู้เล่าว่าจะเสีย” “เหอะ มีนักพนันคนใดที่ขนเงินกลับบ้านบ้างเล่า เรื่องเพียงเท่านี้ท่านยังคิดไม่ได้ เมื่อก่อนท่านจะถูกสั่งสอนมาเช่นไรข้าไม่รู้ แต่หากไม่คิดจะทำตัวให้ดีขึ้นก็ต้องปล่อยข้าไป ข้าบอกท่านถึงสองหนว่าข้ามิใช่ซูหว่านหนิง มิอาจทนอยู่กับบุรุษไร้ค่าเช่นท่านได้ รบกวนท่านเขียนหนังสือหย่าให้ข้าเถิด” สิ้นคำว่าหนังสือหย่า หลี่เฉียงดึงตัวของหว่านหนิงขึ้นมาเผชิญหน้ากับเขา มือของเขายึดเอวคอดกิ่วของนางไว้แน่น “เจ้าอย่าได้คิดเอ่ยเรื่องหย่าออกมาอีก ต่อให้เจ้าไม่ใช่นาง แต่ในเมื่ออยู่ในร่างของนางเช่นนี้ เจ้าก็ต้องอยู่กับข้าจนกว่าจะตายจากกัน” เมื่อกล่าวจบเขารั้งคอของนางไว้แน่น พร้อมทั้งก้มลงประกบปากจุมพิตนางทันที หลี่เฉียงไม่รู้ตัวว่าเขากำลังทำสิ่งใด เพียงแต่ไม่อยากให้นางพูดเรื่องหย่าอีก และเขาไม่ต้องการให้นางทิ้งเขาไปด้วย เพราะความผิดหวัง ช้ำใจที่ถูกผู้เป็นบิดาทอดทิ้ง ทั้งยังโดนมารดาเลี้ยงที่ตนรักดั่งมารดาผู้ใดกำเนิดหักหลัง เขาจึงไม่ต้องการให้หว่านหนิงที่เป็นภรรยาของตนทิ้งเขาไปด้วยอีกคน หว่านหนิงตกใจกับสิ่งที่หลี่เฉียงทำไม่น้อย นางจะร้องประท้วงแต่ก็ถูกเรียวลิ้นของเขาปิดกั้นเสียงของนางไว้เสียก่อน กลิ่นสุราและรสสุรายังไม่จางหายไปจากปากของหลี่เฉียง ยามที่เรียวลิ้นของเขาตวัดเกี่ยวพันลิ้นของนาง หว่านหนิงก็แทบจะมัวเมาไปด้วยรสของสุราทันที ยามที่นางได้สติ หว่านหนิงจึงกัดไปที่ริมฝีปากของเขาอย่างแรง จนหลี่เฉียงจำต้องปล่อยตัวนางให้เป็นอิสระ ฉาด เสียงฝ่ามือตบลงบนหน้าของหลี่เฉียง “ทะ ท่านมันสารเลว” หว่านหนิงร่ำไห้ออกมาอย่างปวดใจ นางต้องมาพบเจอเรื่องเลวร้ายถึงเพียงนี้เลยรึ เหตุใดวิญญาณของนางที่สมควรจะต้องไปดื่มน้ำแกงยายเมิ่ง ถึงต้องมารับกรรมในภพนี้กับหลี่เฉียงด้วย หลี่เฉียงตกใจไม่น้อยที่หว่านหนิงนางร่ำไห้ออกมาเสียงดัง เมื่อวานที่เขาเห็นน้ำตาของนางถึงสองครั้ง เสียงร้องไห้ของนางแทบจะไม่มีหลุดออกมาให้ได้ยิน “หนิงหนิง หนิงหนิง ข้าขอโทษ” เขาเดินเข้ามาหานางด้วยท่าทางที่กระวนกระวาย “อย่าเข้าใกล้ข้า ข้าเกลียดท่าน เกลียดทุกสิ่งที่นี่ สวรรค์ ทำไมท่านไม่ปล่อยให้ข้าตายไปเสีย พาข้ามาที่นี่ทำไม” นางทรุดตัวลงร้องไห้กับพื้นอย่างน่าสงสาร หลี่เฉียงเขาถึงได้ตระหนักว่าสิ่งที่เขาทำมันน่าละอายสิ้นดี ยิ่งได้ฟังคำพูดที่ตัดพ้อชะตาของนางเขาก็ยิ่งเสียใจ “หนิงหนิง ข้าขอโทษ ต่อไปข้าจะไม่ทำเช่นนี้กับเจ้าอีกแล้วดีหรือไม่” เขาคุกเข่าลงข้างนาง แต่พอจะยื่นมือเขามาลูบหลังปลอบนาง นางก็สะบัดหนีอย่างรังเกียจ “หลี่เฉียง ข้าพูดเรื่องจริง หากท่านยังไม่คิดจะปรับปรุงตัวก็ควรปล่อยข้าไป” “ข้าจะปรับปรุงตัว เจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใด เจ้าบอกข้ามาได้เลย” เขาพยายามจะจับมือของหว่านหนิงแต่นางก็ไม่ยินยอม “เช่นนั้นท่านก็ออกไปหาของป่ามาให้ข้าทำอาหาร ต่อไปท่านต้องเลิกไปหอพนันและอย่าได้ดื่มสุราทุกวันเช่นเดิมอีก” หากมีเงินขึ้นมาเล็กน้อยค่อยมาคิดเรื่องปลูกข้าว ปลูกผัก เงินที่จะหาซื้อเมล็ดพันธุ์ยังไม่มีเลยสักเหรียญทองแดง “ได้ ได้ ข้าล้วนฟังเจ้า” เพราะเขากลัวการถูกทิ้งให้อยู่ลำพังมิใช่น้อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม