ว่าที่สามี

1229 คำ
3 ว่าที่สามี  สามเดือนก่อน แผ่นฟ้าเบื้องบนอึมครึมด้วยกลุ่มเมฆดำที่ปกคลุมเป็นส่วนใหญ่ พันแสงชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดปีนั่งอยู่เบาะหลังของรถหรูสัญชาติยุโรป ดวงตาคมเงยมองฟ้ามืดครึ้มก่อนแลสายตาสำรวจบรรยากาศแวดล้อมในระหว่างติดไฟแดง การจราจรที่วุ่นวายไม่มีอะไรน่าสนใจ หญิงสาวในยูนิฟอร์มนักศึกษาที่กำลังเทน้ำเปล่าให้สุนัขจรจัดนั่นต่างหากที่ชวนให้หยุดมองได้เป็นนานสองนาน ความมีเมตตาของเธอทำให้โลกนี้น่าอยู่ แต่เหนือสิ่งอื่นใดรอยยิ้มที่เปื้อนสองแก้มนั้นราวกับทำให้ท้องฟ้าอึมครึมดูสดใสในพริบตา สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว รถวิ่งต่อไปในขณะที่พันแสงเหลียวมองเด็กสาวคนนั้นจนลับสายตา เธอสวยชวนมองนั่นก็ใช่ แต่ชวนให้รู้สึกอิ่มใจอย่างไรชอบกล ราวกับตนได้ร่วมเทน้ำให้สุนัขไปกับเธอ พันแสงมีวันที่เหนื่อยล้าตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทุกห้วงในสมองมอบให้กับธุรกิจหมื่นล้านของครอบครัว เวลาทุกนาทีก็อุทิศเพื่องานมากกว่าความสุขส่วนตน พันแสงเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนเรียนอยู่ต่างประเทศบิดาถึงบอกให้ตักตวงช่วงเวลาอิสระนั้นให้เต็มที่ พอถึงคราวพ้นสภาพนักศึกษา และก้าวสู่วัยทำงานมันอ่อนล้าทั้งกายและใจอย่างนี้นี่เอง “เลี้ยวซ้ายทีนะ ผมจะแวะห้างฯ นั้นหน่อย” ผู้โดยสารส่งเสียงบอกคนขับรถประจำบ้าน พันแสงตัดสินใจปุบปับโดยไม่อยู่ในแผนการ เขาทราบดีว่าพ่อแม่รอทานข้าวอยู่ที่บ้านพร้อมด้วยเรื่องสำคัญที่อยากหารือ ...เรื่องสำคัญที่เขาก็พอรู้อยู่บ้างแล้ว พันแสงถอดสูทและเนคไททิ้งไว้ที่รถ แล้วเข้าไปในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจครอบครัว ร่างสูงหนึ่งร้อยแปดสิบแปดรับกันได้ดีกับสัดส่วนมวลกล้ามของเรือนกาย ใบหน้าคมคร้ามช่วงกรามเห็นเป็นสันเด่นชัด จมูกโด่งเหมือนผ่านการปั้นแต่งอย่างบรรจง เขาหล่อเหลาและมาดสง่างาม รำไพพรรณผู้เป็นมารดาเคยชมแกมติว่าพันแสงดีไปหมดทุกอย่าง เทพปั้นและประทานทุกสิ่งให้เขาอย่างเพียบพร้อม เสียอย่างเดียวก็ตรงที่ยิ้มยาก ดวงตาดุฉุนอยู่แล้วก็ยิ่งทำให้ดูน่ากลัวจนคนไม่กล้าสบตา พันแสงฟังแล้วก็ยิ้มแต่ไม่คิดปรับปรุงบุคลิก ส่วนตัวตนมองว่าปล่อยให้ความเพอร์เฟกต์เป็นหน้าที่ของอคิราห์ น้องชายที่ห่างวัยจากเขาหกปี รายนั้นคือลูกรักของรำไพพรรณรวมไปถึงเครือญาติทุกคน หากบอกว่าพันแสงหล่อเหลาปานรูปสลัก แต่ถ้าใครได้เจออคิราห์อาจเปลี่ยนใจพูดใหม่ น้องชายเขาหน้าตาดี บุคลิกเป็นที่พึงพอใจของมารดา ยิ้มเก่งและเข้าสังคมเป็น แต่สิ่งที่สองพี่น้องยังขาดคือสตรีข้างกายที่จะมาเป็นสะใภ้ของฐลัชนันท์ พันแสงนั่งทานข้าวอยู่ตามลำพัง ไม่สนใจสมาร์ตโฟนที่กะพริบแจ้งเตือนสายเรียกเข้า เคี้ยวข้าวตุ้ยๆ พลางสายตาก็มองหน้าจอที่ขึ้นชื่อผู้ติดต่อเป็นมารดาที่เพียรโทร.หาสายแล้วสายเล่าจนดับไป พันแสงไม่ใส่ใจโทรศัพท์ ขณะเดียวกันก็เบือนหน้าหนีหญิงสาวสองคนที่ส่งยิ้มให้จากโต๊ะข้างๆ หากเป็นอคิราห์น้องเขาคงส่งยิ้มกลับตามมารยาท แต่สำหรับพันแสงคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีมารยาทกับคนที่ไม่รู้จัก หลังทานข้าวตามลำพังเสร็จ คุณชายทายาทนักธุรกิจหมื่นล้านก็แวะไปที่ร้านหนังสือ อ่านเล่มนู้นพลิกดูเล่มนี้อยู่นานอย่างไม่มีอะไรสนใจเป็นพิเศษ แค่หาเรื่องฆ่าเวลาเท่านั้น แล้วสายตาที่มองกวาดไปเรื่อยเปื่อยก็สะดุดอยู่ที่ใครบางคน “นั่นใช่เด็กคนนั้นที่ให้น้ำหมาหรือเปล่า” พันแสงค่อนข้างมั่นใจว่าใช่ แม้เห็นผ่านตาเพียงไม่กี่นาที เหตุที่ตนจำได้อาจเป็นเพราะโบว์ผูกผมสีเหลืองลายตารางที่มัดรวบกับหางม้าดัดลอน หญิงสาวร่างเล็กดูแล้วน่าจะสูงไม่ถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรกำลังเขย่งปลายเท้าบนรองเท้าผ้าใบเพื่อหยิบหนังสือที่อยู่ชั้นบนสุด ด้วยความหวังดีพันแสงเลยเข้าไปช่วย เขาได้หนังสือเล่มนั้นมาอยู่ในมือแต่ยังไม่ส่งต่อให้เธอทันที “บันไดก็มีทำไมไม่ใช้ล่ะครับ” พันแสงพยักพเยิดไปทางบันไดขนาดเล็กที่มีไว้สำหรับหยิบหนังสือ ซึ่งตั้งอยู่สุดมุมทางเดินอีกฝั่ง หญิงสาวมองเขาอย่างไม่รู้จะตัดสินอย่างไร จะชื่นชมว่ามีน้ำใจช่วยหยิบหนังสือให้ก็กระไรอยู่เพราะเขาไม่ได้ส่งหนังสือให้เธอ แถมประโยคแรกที่เอ่ยก็คล้ายต่อว่าอยู่ในที “อยู่ไกลค่ะ ขี้เกียจไปเอาและคิดว่าหยิบถึง” “แต่ก็ไม่ถึง เห็นเขย่งอยู่นานแล้ว” “นี่แอบมองเหรอคะ” “ไม่ได้แอบ แค่ภาพคุณมันอยู่ในสายตาเฉยๆ” คนตัวสูงตอบหน้าตายพลางก้มดูหนังสือที่หยิบลงมา “คุณเรียนเกี่ยวกับการประมงเหรอ” “เปล่าค่ะ แค่อยากซื้อไปสะสมเฉยๆ ตกลงนี่ตั้งใจหยิบให้หรือเปล่าคะ หรือคุณจะซื้อเอง” ทำท่ายึกๆ ยักๆ อยู่นั่นแหละ เหมือนตั้งใจกวนอย่างไรไม่รู้ พันแสงยื่นหนังสือสารานุกรมปลาน้ำจืดให้เธอ หญิงสาวรับไว้พร้อมพยักหน้าขอบคุณ แม้ไม่ชอบใจในมารยาทของเขา แต่แม่เธอสอนมาดี “ขอบคุณค่ะ” “ชื่ออะไร” “คะ?” “คุณน่ะชื่ออะไร” “แก้วมุกดาค่ะ” “ผมชื่อซัน พันแสง” “พันแสง?” ดวงตากลมโตมีความตกใจอยู่เล็กน้อย แก้วมุกดารู้ดีว่าชื่อสามารถซ้ำกันได้เป็นร้อยเป็นพันคน ที่สำคัญชื่อเล่นของผู้ชายคนนั้นก็คือ ‘ซัน’ เหมือนกัน และพอพิจารณาเขาอย่างถ้วนถี่ก็รู้สึกว่าชายคนนี้มีลักษณะใกล้เคียงกับคนที่บิดาบรรยายให้ฟัง แก้วมุกดาไม่เคยสนใจว่าที่เจ้าบ่าวแม้กระทั่งค้นหารูปภาพเขาจากอินเตอร์เน็ตเลย “พันแสง ฐลัชนันท์?” แก้วมุกดาถามหยั่งเชิง “รู้จักผมด้วยเหรอ” บ้าน่า! ใช่จริงด้วย คนนี้น่ะเหรอที่พ่อกับแม่ไหว้วอนขอร้องให้เธอแต่งงาน คนนี้น่ะเหรอว่าที่สามีของเธอ ไม่ๆ ไม่ใช่สิ แก้วมุกดาจะไม่แต่งงานเด็ดขาด โดยเฉพาะกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ หรือการเจอกันในวันนี้จะไม่ใช่ความบังเอิญ เขาตั้งใจสะกดรอยตามเธอหรือเปล่า... ไม่รู้ล่ะ ไปดีกว่า แก้วมุกดาวางสารานุกรมไว้ที่ชั้นหนังสือแถวนั้นแล้วเดินลิ่วๆ ออกไป สักพักก็เปลี่ยนฝีเท้าเป็นวิ่ง พันแสงชะเง้อมองหาก็ไม่พบแม้แต่เงา “อะไรวะ? ทำหน้าตกใจอย่างกับคนมีความผิด” สวยแต่แปลก พันแสงดึงสายตากลับมายังหนังสือที่เธออยากได้แต่ดันไม่ซื้อ ทำท่ารีบร้อนจากไปอย่างกับกลัวว่าเขาจะทำอะไร ว่าแต่ชื่อของเธอคือแก้วมุกดาอย่างนั้นเหรอ เหมือนจะคุ้นเลยแฮะ เคยได้ยินจากไหนมานะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม