ว่าที่สะใภ้

2762 คำ
4 ว่าที่สะใภ้ “แม่ครับ พี่ชายตัวดีกลับมาแล้วครับ” คินหรืออคิราห์รีบรายงานอย่างเอาใจ และหมายเตือนพันแสงอยู่ในทีว่าขณะนี้ผู้ปกครองกำลังรอหยุมหัวอยู่ พี่ชายคนโตถอนหายใจเหลือบมองน้องชายราวกับสบถด่าอยู่ในที “กลับมาได้แล้วเหรอ โทร.หาตั้งกี่สายก็ไม่รับ มันน่าตีนัก ดีนะที่วันนี้ซันไม่ได้ขับรถเอง แม่โทร.หาลุงเพิ่มเลยรู้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไร” หัวอกคนเป็นแม่ก็พลอยคิดห่วงไปเรื่อย การที่ลูกไม่รับโทรศัพท์ก็เกรงว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น “พี่ซันทานอะไรมาหรือยังคะ ถ้ายังดาวจะได้ให้แม่บ้านอุ่นให้” เพียงดาวน้องสาวบุญธรรมเอ่ยขึ้น พันแสงส่ายหน้าพลางทิ้งตัวบนโซฟาข้างรำไพพรรณ “พี่กินข้างนอกมาแล้ว” “กลับมาซะทีนะซัน” เสียงทุ้มแกมดุของภาณุดังขึ้นขณะเดินลงมาจากบันได พันแสงถอนหายใจกลอกตาอีกครั้ง แค่การที่เขาผิดนัดทานข้าวกับครอบครัวทำไมถึงดูเป็นเรื่องใหญ่นัก แล้วไอ้น้องชายนี่ก็อีกเห็นมันยิ้มยั่วแล้วหมั่นไส้จนอยากยกขาถีบให้สักที หลายวันก่อนหน้านี้ก็เห็นอคิราห์ดูซึมเหมือนหมาป่วย แต่มาตอนนี้กลับยิ้มยียวนชวนให้ลงไม้ลงมือ “ทำไมถึงดูซีเรียสกันจัง ผมแค่อยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง ที่ไม่อยากกลับบ้านมาร่วมโต๊ะเพราะรู้ไงว่าทั้งพ่อและแม่จะกดดันอะไรผม การแต่งงานมันไม่ใช่การเล่นขายของนะครับ ผมไม่อยากแต่ง เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อยู่ๆ จะให้แต่งงานได้ยังไง” “ก็ไปรู้จักกันซะสิ จะนัดให้หลายรอบแล้วก็ไม่เอา” ภาณุอ้อมมายืนหลังโซฟาพลางวางมือบนบ่าลูกชาย “แกเป็นลูกชายคนโตของตระกูล นี่คือภาระที่แกต้องแบกรับ พ่อรู้ว่าฟังดูเห็นแก่ได้และไม่เห็นใจแกเลย แต่ครั้งนี้มันสำคัญกับธุรกิจเรานะ” “คินไงครับ คินก็ลูกพ่อนะ ให้มันแต่งแทนสิ” “ไม่ได้ดิพี่ซัน เป็นน้องไม่ควรแต่งก่อนพี่นะ โบราณว่าไว้แบบนี้ใช่ไหมครับคุณแม่” อคิราห์หันไปหาพวก “อีกอย่างผมเพิ่งเรียนจบหมาดๆ ยังไม่ได้เข้าพิธีรับปริญญาเลย ยังไม่ได้ใช้ชีวิตหนุ่มโสดให้เต็มที่ ผมมีแพลนจะไปเรียนต่างประเทศนะ ถ้าแต่งงานตอนนี้ก็จบเห่เลยดิ เฮียซันน่ะแหละเหมาะแล้ว แฟนก็ไม่มี จีบสาวก็ไม่เป็น ไม่เห็นจีบใครนานแล้วด้วย การที่พ่อหาคู่มาให้ก็ถูกแล้วนี่” “มึงล่ะไม่เห็นมีแฟนสักที” เห็นแต่ทำหน้ากระลิ้มกระเหลี่ยหยอดสาวคนนั้นคนนี้ไปทั่ว ไม่เห็นจริงจังกับใครสักที แต่จะว่าไปอาการห่อเหี่ยวเหมือนหมาหงอยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พันแสงก็พอเดาได้อยู่บ้างว่าน้องชายน่าจะเศร้าเพราะเรื่องความรักมาแน่ แม้ไม่เปิดเผยแก่คนที่บ้าน แต่พี่ชายอย่างเขาย่อมมองออกเสมอ “แต่ผมก็หาอยู่เรื่อยๆ นะ ให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้ ไม่ได้ปิดตัวปิดใจเหมือนพี่ วันแล้ววันเล่าเอาแต่ทำงานงกๆ ไปผับไปบาร์ทีมีแต่สาวอยากมาทำความรู้จัก แต่พี่ซันก็เมิน ไม่ยิ้มให้พวกเธอทั้งยังเบือนหน้าหนีทำเอาสาวๆ หน้าเสียกันหมด แบบนี้มันหยาบคายและมารยาทแย่มากนะครับ เคยมีรักไม่ดีใช่ว่าจะมีอีกไม่ได้” อคิราห์ไม่ได้ล้อพี่ชาย แค่อยากพูดให้เก็บไปคิด พันแสงปิดกั้นตัวเองมานานแสนนานอย่างไม่ยอมทำความรู้จักผู้หญิงคนไหน ไม่ใช่ว่าพันแสงฝังใจกับรักเก่า แต่เพราะเขาป้องกันตัวเองไม่ให้รู้จักสิ่งที่เรียกว่าความรักอีก มันอาจเป็นการกระทำที่ถูกแล้วสำหรับคนที่รักตัวเอง แต่อคิราห์ไม่อยากเห็นพี่ชายไร้สีสันในชีวิต เย็นชาและหมางเมินกับทุกสิ่ง ราวกับชีวิตมีแค่เป้าหมายเดียวนั่นคือมุ่งมั่นสานต่อธุรกิจ “แม่ก็ไม่ได้อยากฝืนใจลูกแบบนี้นะซัน ไม่เคยอยากบังคับคลุมถุงชนเลย” “แล้วทำทำไมครับ” พันแสงขัดทันที “ก็พ่อเราบังคับแม่ให้กดดันลูกน่ะสิ” รำไพพรรณโบ้ยไปทางสามีอย่างไม่เกรงใจ “ซันยี่สิบแปดแล้วนะก็เป็นวัยที่เหมาะแก่การมีเหย้ามีเรือน ซันโตจนป่านนี้ก็คงรู้อยู่ใช่ไหมว่าในแวดวงนักธุรกิจอย่างเรา หลายครอบครัวมากๆ ที่เขาเกี่ยวดองกันด้วยการแต่งงานโดยมีผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง มันคือวิธีที่ง่ายในการสร้างความเหนียวแน่นในเครือข่าย อย่างแม่เองก็โดนผู้ใหญ่จับแต่งงานกับพ่อเราเหมือนกัน” ลูกๆ ทั้งสามคนมองรำไพพรรณอย่างสนใจ ความหลังนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยล่วงรู้มาก่อน “คุณแม่กับคุณพ่อก็แต่งงานเพราะธุรกิจเหรอคะ ไม่อยากเชื่อเลย ดาวก็เห็นว่าคุณพ่อคุณแม่รักกันมาก ปัจจุบันยังสวีตหวานกันอยู่ทุกวัน” บุตรสาวบุญธรรมถาม “ใช่ ไหนๆ แม่เราก็เปิดเผยความลับแล้ว พ่อก็ไม่มีอะไรต้องอาย ความรักของพ่อกับแม่เริ่มมาจากการคลุมถุงชน” ภาณุกระแอมเล่าเสียงพลางเดินอ้อมไปนั่งเก้าอี้อีกฝั่ง “พ่อกับแม่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยจ้ะ เห็นหน้ากันครั้งแรกก็วันที่ผู้ใหญ่มาทาบทาม ได้พูดคุยทำความรู้จักกันและตกลงแต่งงานตามที่ผู้ใหญ่เห็นว่าเหมาะสม” รำไพพรรณสำทับ “การเกี่ยวดองกันด้วยการแต่งงานทำให้กิจการเราใหญ่โตรุ่งเรือง ก็คงเป็นโชคชะตาพรหมลิขิตล่ะมั้งที่แม้ว่าเราไม่ได้รักกันมาก่อน แต่สุดท้ายก็ผูกพันและอยู่กันด้วยความรักความเข้าใจ” “คงเป็นเคสแบบหนึ่งในล้านล่ะมั้งครับ” พันแสงแย้ง เชิญโรแมนติกกันไปเถอะเขาไม่อิน “ไอ้โครงการประมูลที่เราอยากได้ก็แค่ทุ่มเททำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมาสิครับ ไม่เห็นต้องเกี่ยวดองกับพวกเขาเลย” “โครงการนี้เรามีสิทธิ์ที่จะได้สูงมาก พ่อไม่อยากแพ้พวกทีทิสอีกแล้ว” ภาณุหมายถึงบริษัท ทีทิส ดีเวล๊อปเมนต์ ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างภายใต้การบริหารของตระกูลศาสต์วรา ตระกูลที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับฐลัชนันท์มาอย่างยาวนานตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ และทีทิสก็มักคว้าโครงการประมูลได้มากกว่าทุกครั้งอย่างน่าเจ็บใจ หนนี้เมื่อมีโอกาสชนะแม้อาจค่อนไปทางคดโกงบ้าง แต่ภาณุก็อยากเสี่ยง “เราก็แพ้มาตั้งหลายครั้งแล้วนี่ครับ” ลูกชายคนเล็กเอ่ยขณะก้มหน้าเล่นเกมในมือถือ ไม่ยอมเงยมองว่าบิดาตาขวางใส่ตนอย่างไร แม้อคิราห์ยังไม่พ้นจากสถานะนักศึกษา แต่นับหลายปีที่เติบโตภายใต้นามสกุลฐลัชนันท์ เขาก็รับรู้ทุกความเป็นไปของกิจการครัวเรือนประหนึ่งมีส่วนร่วมตัดสินใจในโครงการต่างๆ ด้วย อคิราห์เลือกไม่ไปเรียนต่อต่างประเทศทันทีที่จบไฮสกูลเหมือนอย่างพันแสง เพราะตนต้องการเรียนรู้ธุรกิจของครอบครัวอย่างใกล้ชิด ถือเป็นการฝึกงานไปในตัว ทั้งภาณุและรำไพพรรณภาคภูมิใจในตัวลูกชายทั้งสองมาก แม้รั้นไปบ้าง แต่ไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูลเลยสักคน “แต่ครั้งนี้ต้องชนะไง วิเลิศเอ่ยปากออกมาเองว่าหากอยากชนะประมูลสร้างทางด่วนศรีทโย ก็ให้ลูกชายของเราแต่งงานกับลูกสาวเขา ว่าที่เจ้าสาวของแกไม่ได้ต้อยต่ำเลยนะ มีพ่อเป็นระดับรัฐมนตรีคมนาคม แม่ของเธอก็สืบเชื้อสายจากขุนน้ำขุนนางนะ ครอบครัวมีฐานะมากไม่ได้แย่สำหรับเกี่ยวดองกับเรา” “แต่ก็คงไม่ใช่คนดีอะไร ผมไม่ชอบนักการเมืองโกงกิน ไม่ชอบพรรคที่คุณวิเลิศสังกัด เขาเป็นข้าราชการการเมือง แต่เอาเรื่องส่วนตัวมาพัวพันในงานส่วนรวมก็เข้าข่ายทุจริตไม่ใช่เหรอครับ” “แหม ทำอย่างกับครอบครัวเราดีตายแหละ ขาวสะอาดไร้มลทินว่างั้น ถ้าทำธุรกิจอย่างโปร่งใสจริงก็คงไม่วิ่งหาเส้นสายรัฐมนตรีหรอก... โอ๊ย! พ่ออะ ตบหัวผมทำไม” การออกความเห็นของลูกคนเล็กได้รับรางวัลเป็นฝ่ามืออรหันต์ที่ตบแหมะบนศรีษะ “แกไม่ต้องมาประชดเลยคิน อีกไม่นานแกก็ต้องมายืนในจุดที่พ่อยืน เดี๋ยวอีกไม่กี่ปีพ่อก็จะยกตำแหน่งประธานบริหารให้พี่แกแล้ว แกสองคนก็ช่วยกันทำให้มันดีละกัน จะเอาโปร่งใสยังไงก็ขอให้เจริญรุ่งเรืองล่ะ ไม่ใช่ฉุดกันดิ่งลงเหว” บริษัท ฐลัชเอนจิเนียริง จำกัด (มหาชน) ดำเนินงานด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างมายาวนานกว่าห้าสิบปี แต่ยังสั้นกว่าบริษัทคู่แข่งอย่างทีทิสดีเวล๊อปเมนต์ที่เปิดบริษัทก่อนหน้าพวกเขาห้าปี บรรพบุรุษก็ฟาดฟันกันมามาก ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชนจนสองอาณาจักรคงกะพันรุ่งเรืองจนถึงปัจจุบัน “และแกน่ะซันอย่างที่แม่แกว่า ว่ายี่สิบแปดก็ถึงเวลาต้องสร้างครอบครัวเสียที ว่าที่เจ้าสาวคนนี้เลือกให้แล้วก็รับไว้ซะ” แม้ภาณุไม่ค่อยปลื้มนิสัยส่วนตัวของวิเลิศที่เป็นเกลอกันมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน แต่ถึงอย่างไรก็นับว่าแก้วมุกดาโปรไฟล์ดีเลิศ แถมตนยังได้ประโยชน์จากการเกี่ยวดองครั้งนี้ “เผด็จการชะมัด นอกจากพ่อของว่าที่เจ้าสาวผมเป็นข้าราชการระดับเลวแล้ว ผมยังรู้มาว่าเขามีเอี่ยวในธุรกิจเทาๆ อีกด้วย พ่อแน่ใจเหรอว่าจะให้ดองกับครอบครัวคนแบบนี้ แล้วคุณแม่น่ะอยากมีสะใภ้ทั้งทีก็ไม่เลือกให้ดีหน่อยเหรอครับ” “ใครว่าแม่ไม่เลือก แม่น่ะไปดูตัวมาแล้ว น้องสวยมาก สวยแบบธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ อายุยี่สิบเอ็ดปี ตัวเล็กหุ่นบางร่างน้อย สูงหนึ่งร้อยหกสิบแปด ผิวพรรณขาวผ่อง จมูกโด่งธรรมชาติ ตาสองชั้นกลมโตน่ารัก สวยถึงขั้นที่มีแมวมองชวนไปเป็นดารา แต่คุณวิเลิศเขาหวงไม่อยากให้ลูกสาวเข้าวงการบันเทิง ทั้งที่น้องชอบการแสดงมาก รู้มาว่าน้องเขาอยู่ชมรมละครเวทีทั้งตอนเรียนมัธยมและมหา’ลัย แม่ไปเจอตัวมาแล้วก็เห็นว่ากริยาเรียบร้อย ทัศนคติดี เรียนก็เก่งนะ น้องเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ เห็นว่าใกล้จะจบแล้ว” “นี่คุณรำไพไปแอบเจอว่าที่สะใภ้มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” และไม่คิดบอกกล่าวผู้เป็นสามีเลยสักนิด “แอบไปเจอมาวันก่อนนี่เองค่ะ ตามไปดูถึงมหา’ลัยเลย ฉันก็แกล้งๆ เข้าไปถามแม่หนูว่าตึกคณะบริหารอยู่ตรงไหน และถามว่าคณะที่หนูเรียนเป็นยังไง ก็เลยได้พูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง แต่ฉันไม่ได้บอกความจริงกับเธอนะคะว่าเป็นใครมาจากไหน แกล้งว่ามาดูที่เรียนให้ลูกที่กำลังจะจบม.หก” “คุณแม่นี่ก็ใช่ย่อยเลยนะครับ” อคิราห์แซว “ก็ต้องแอบไปส่องหน่อยสิ ว่าที่ลูกสะใภ้ทั้งคน แรกพบแม่ก็รู้สึกถูกชะตาเลย เป็นลูกเพียงคนเดียวของคุณวิเลิศ แต่ไม่ได้ดูเป็นคุณหนูเอาแต่ใจเลยนะ” “ดูคุณแม่จะถูกอกถูกใจมากนะคะ ดาวชักอยากเจอแล้วสิ” “ก็ให้พี่เรายอมไปดูตัวกับเขาสิ แล้วเราอาจจะมีวาสนาพลอยได้รู้จักกัน” รำไพพรรณเหล่มองลูกชายตนโตที่วางหน้าขรึมราวกับเบื่อหน่ายเต็มทน “ผมชอบทำงาน รักในกิจการที่บ้านเราทำและพร้อมเป็นส่วนช่วยให้ทุกอย่างสำเร็จตามเป้าหมาย แต่การแต่งงานมันเป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก ผมยี่สิบแปดเอง อายุยังน้อยอยู่เลยนะ รอสักสามสิบห้าสามสิบหกค่อยคิดเรื่องนี้ไม่ได้เหรอครับ” “ไม่ได้สิ โครงการประมูลรอไม่ได้ วิเลิศเขาช่วยได้นะ” ภาณุถอนหายใจระอากับลูกคนโต ก่อนเบือนไปหาคนเล็ก “ไงคินแกสนใจจะเสียสละตัวเองแทนพี่แกไหม” “พอคุณแม่บอกว่าเธอสวยมาก ผมก็ชักจะสนใจแล้วสิ แต่ผมเพิ่งยี่สิบสองเองนะพ่อ” “ก็จริง น้องมันยังเด็กอยู่เลยซัน ให้มันมีโอกาสได้เรียนรู้ผู้คนมากกว่านี้ก่อนเถอะ พ่อว่าผู้หญิงคนนี้เหมาะกับแกดีนะซัน วิเลิศก็ร่ำๆ อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายบ้านเรามาพักหนึ่งแล้ว แต่รอวันที่ลูกสาวเขาเรียนจบก่อน อันที่จริงไม่ใช่แกคนเดียวหรอกนะที่ไม่อยากแต่ง ว่าที่เจ้าสาวเขาก็ไม่อยากแต่งเหมือนกัน” “เหรอครับ?” พันแสงชักเริ่มสนใจและเห็นประกายไอเดียบางอย่างในเรื่องนี้ หากเขาและเธอไม่เต็มใจในการแต่งงาน เช่นนั้นก็อาจหาทางตกลงกันได้ เช่นยอมทำตามที่ผู้ใหญ่ต้องการไปก่อน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม อาจจะสักสามหรือหกเดือนก็ค่อยหย่ากัน นับว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลวเลย “โอ้ ว้าว! น้องแก้วมุกดาสวยอย่างที่คุณแม่บรรยายจริงด้วย ยิ่งอยู่ในชุดนักศึกษายิ่งสวยแจ่มเลย” อคิราห์ค้นหาบัญชีโซเชียลของเธอจนเจอ เขาเคยถามชื่อนามสกุลของว่าที่สะใภ้ใหญ่จากรำไพพรรณไปก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งใจจะหารูปดูเสียหน่อยแต่ก็ลืมตลอด “ชื่ออะไรนะ แก้วๆ...” พันแสงได้ยินไม่ถนัด พ่อกับแม่เคยบอกชื่อผู้หญิงที่อยากให้ไปดูตัว แต่ตอนนั้นพันแสงเอาแต่ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา “แก้วมุกดา นี่ไงสวยไหม” อคิราห์ชูภาพในโทรศัพท์ให้ดู พันแสงลุกไปคว้ามือถือมาพิจารณาอย่างถ้วนถี่ นี่มันผู้หญิงที่เขาเจอวันนี้นี่นา “แก้วมุกดา” อคิราห์กระตุกยิ้มพลางสบตากับพ่อแม่อย่างมีนัยสำคัญ พันแสงจ้องภาพในจออยู่นานนับนาทีพลางปากก็พึมพำชื่อแก้วมุกดา “สวยสะกดเลยใช่ไหม สะกดจิตสะกดใจพี่ซันได้เพียงแค่ดูรูปจากหน้าจอ” พันแสงรู้ตัวว่าเผลอจ้องจอนานไปหน่อยจึงโยนมือถือคืนน้องชาย แล้วคว้าหนังสือที่ซื้อมาทำท่าจะปลีกตัวจากวงสนทนา “สารานุกรมปลาน้ำจืด” อคิราห์เอียงหน้าอ่านชื่อบนหนังสือเล่มหนา “นี่พี่ซันอ่านหนังสือแนวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” “ก็เมื่อตอนที่แกเห็นน่ะแหละ” “นี่จะหนีแล้วเหรอ เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะซัน ตกลงไม่แต่งใช่ไหมแม่จะได้กดดันคินแทน” “อ่าว” อคิราห์เหวอที่มารดาเปลี่ยนเป้าหมายอย่างรวดเร็ว “น่ารำคาญมากครับ เรื่องนี้กวนใจผมมาหลายวันแล้ว เจอหน้าพ่อกับแม่ทีไรก็เอาแต่กดดันอยู่นั่นแหละ” พันแสงตีหน้าฉุนพูดพลางเดินหนีไปทางบันได “ก็ได้ครับ ผมจะไปดูตัวให้จบๆ เป็นอันว่าพ่อกับแม่พอใจแล้วนะ งั้นนับตั้งแต่นาทีนี้ไปเลิกพูดถึงเรื่องนี้เสียที” “ขอบใจจ้ะลูกชาย พ่อจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลย” ภาณุว่าประชดแต่สีหน้าโล่งอกโล่งใจ “ขอนัดเป็นวันพรุ่งนี้เลยนะครับ จะได้จบๆ กันไป น่าเบื่อ” เสียงลูกคนโตตะโกนสั่งทิ้งท้ายและตามด้วยเสียงปิดประตูห้องนอนจากชั้นบน สองสามีภรรยามองหน้ากันด้วยความโล่งใจ ก็ไม่อยากฝืนใจลูกนักหรอก แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อความจำเป็นมันบีบบังคับ รำไพพรรณเคยผ่านความรู้สึกนี้มาก่อน ย้อนกลับไปในวันวานเธอก็ไม่อยากโดนคลุมถุงชนเช่นกัน ทั้งเครียดและอึดอัด ทว่ากลับเป็นเหมือนพรหมลิขิตที่ทำให้เธอได้เจอภาณุ กระทั่งอยู่กินกันจนมีวันนี้ ไม่แน่ว่าพันแสงอาจมีชะตาชีวิตที่เหมือนกับเธอก็ได้ ใครจะไปรู้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม