นางยั่วชั้นเอก
จินลี่ เป็นอีกนามปากกาของ วานิลลา
นิยายจีน นามปากกา จินลี่ เป็นนิยายขนาดสั้น เน้นความซาบซ่านในอารมณ์ ไม่มีสาระและเนื้อหาหนักหน่วง มีแต่ความรันจวนวาบหวามเท่านั้นค่ะ
*******************
หวังฟาง ฮูหยินใหญ่ตระกูลหวังปวดหัวที่ เหวินเทียน ลูกชายคนเดียวรั้งตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ไม่ยอมรับนางใดเป็นเมีย นางสงสัยว่าลูกชายไม่ชอบผู้หญิงหรืออย่างไร จึงออกอุบายให้คนสนิทหาผู้หญิงมาให้ และได้ เหมยลี่ อี้จีฝึกหัดจากหอคณิกามาลองยั่วยวนลูกชาย การณ์กลับเป็นว่าแม่ทัพใหญ่ติดใจรสสวาทของนางยั่วชั้นเอกและไม่ยอมปล่อยนางให้หลุดมือ!!!
บทที่ 1
หญิงวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมผ้าแพรไหมงดงามแบบอย่างชนชั้นสูงยกจอกชาขึ้นจิบภายในห้องส่วนตัวของบ้านอันโอ่อ่าอันเป็นสมบัติชิ้นงามของอำมาตย์หวัง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ตามติดรับใช้ฮ่องเต้ นางผินหน้าไปยังชายวัยสี่สิบกว่าที่เปิดประตูเข้ามาและรายงานว่า
“นายหญิงขอรับ...ข้าได้นำผู้ที่นายหญิงอยากพบตัวมาแล้วขอรับ”
พอได้ยินเช่นนั้นคนฟังก็หน้าตื่น
“จริงรึหลี่เฉียง...รีบพาตัวนางเข้ามา แล้วเรื่องนี้มีผู้ใดรู้หรือไม่”
“มิได้ขอรับ ข้ามิได้แพร่งพรายเรื่องที่นายหญิงให้นำตัวสาวงามจากหอคณิกามายังจวนของท่านอำมาตย์หวังให้ผู้ใดรู้แม้แต่คนเดียว”
“อย่ามัวพล่ามอยู่เลย รีบไปนำตัวนางเข้ามาพบข้า อยากรู้จริงว่าสาวงามที่เลื่องชื่อหนักหนาของหอคณิกาจะงามขนาดไหน”
“ขอรับนายหญิง”
หลี่เฉียง ผู้ซึ่งเป็นคนสนิทของหวังฟาง ฮูหยินใหญ่แห่งบ้านตระกูลหวังหายออกไปจากห้องชั่วอีดใจก่อนกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมหญิงสาวเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้น ท่าเดินนวยนาดของนางจับตาฮูหยินใหญ่ยิ่งนัก เมื่อเข้ามาในห้องนั้นหลี่ฉียงก็รีบปิดประตูและบอกแก่นางผู้นั้นว่า
“นี่คือท่านหวังฟาง ฮูหยินใหญ่ของอำมาตย์หวัง ทำความเคารพนางซะสิ”
“เจ้าค่ะ...ฮูหยิน...ข้านี้มีนามว่าเหมยลี่เจ้าค่ะ”
สาวนางนั้นยอบตัวลงอย่างนอบน้อมแสดงความเคารพต่อหญิงสูงศักดิ์ที่นั่งบนตั่งที่อยู่เบื้องสูงกว่า หวังฟางวางจอกชาลงและพินิจพิจารณาสตรีตรงหน้า แววตาของนางบ่งบอกความพึงใจยิ่ง เพราะหญิงงามที่หลี่เฉียงอุตส่าห์ไปหามาตามคำสั่งนั้นงดงามจริง ๆ เหมยลี่เป็นสาวงามรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ผิวพรรณขาวผ่องนวลเนียนละเอียดดังเนื้อหยก หน้างามของนางเกลี้ยงเกลาดังไข่ปอก คิ้วโก่ง จมูกโด่ง ดวงตาพราวพรายของนางส่องประกายวาววามดังอัญมณีจรัสแสง จากนั้นฮูหยินใหญ่จึงเอ่ยขึ้นว่า
“นั่งก่อนเถอะเหม่ยลี่...เจ้าจะดื่มชาสักหน่อยไหม”
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ แต่ข้าคงไม่รบกวนฮูหยิน”
“รบกวนอะไรกัน ว่าแต่เจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ว่าข้าให้เจ้ามาพบข้าด้วยเรื่องอันใด”
“พ่อบ้านหลี่เฉียงบอกข้าแล้วเจ้าค่ะ”
เหมยลี่ค่อย ๆ นั่งลงบนเก้าอี้ไม้สลักลวดลายขณะกวาดสายตาไปทั่วห้องอันโอ่อ่าของฮูหยินใหญ่ มันช่างเป็นบ้านอันงดงามและตกแต่งอย่างอลังการสมฐานะของอำมาตย์ผู้ติดตามรับใช้ฮ่องเต้เสียจริง หญิงสาวเลื่อนสายตามาหยุดที่หวังฟาง หญิงวัยกลางคนแต่มีลักษณะของความน่าเกรงขามภายใต้แพรพรรณเสริมความมีอำนาจในฐานะภรรยาของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และหากดูดี ๆ ด้วยวัยขนาดนี้นางยังงามและแม้จะดูน่าเกรงขามและการพูดจายังให้เกียรติหญิงจากหอคณิกา หวังฟางยกจอกชาขึ้นจิบอีกครั้งแล้วเอ่ยว่า
“เจ้ารู้ก็ดีแล้วล่ะ แต่ข้าก็อยากถามอะไรเจ้าหน่อย”
“ถามอะไรหรือเจ้าคะฮูหยิน”
“หลี่เฉียงบอกข้าว่าเจ้าเป็นอี้จีอยู่ที่หอคณิกา...เอ้อ...ข้าก็ไม่รู้ว่าอี้จีเช่นเจ้าเคยผ่านงานมาบ้างหรือไม่”
“ข้าขอบอกฮูหยินตามตรงว่าข้าเพิ่งฝึกหัดงานนี้ ข้ามีหน้าที่เล่นดนตรีและใหห้ความบันเทิงรื่นรมย์แก่ผู้เข้าไปท่องเที่ยวในหอคณิกาด้วยการร่ายรำและร้องเพลง”
“แค่นั้นรึ?”
“ข้ายังมิเคยผ่านงานหนักดังที่ท่านคิดเจ้าค่ะฮูหยิน”
“โอ้...เช่นนั้นค่าตัวของเจ้าคงแพงมากซีนะ เพราะหากเป็นเช่นนั้นเจ้าก็เป็นดังสิ่งล้ำค่าที่เหล่าชายถวิลหา”
“มิถึงขนาดนั้น เพียงแต่ข้ายังไม่พร้อม”
“แล้วเจ้าจะรับงานนี้ได้หรือไม่เล่า หลี่เฉียงคงอธิบายให้เจ้าฟังจนหมดแล้วซีนะ”
“เจ้าค่ะ”
“และที่ข้าให้เจ้ามาพบก็เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกันก่อนเกี่ยวกับงานที่ข้าจจ้างให้เจ้าทำครั้งนี้...และนี่คือรางวัลหากเจ้าทำสำเร็จ”
พอนางพูดจบหลี่เฉียงก็นำถุงผ้าสีแดงมาวางตรงหน้าเหมยลี่ก่อนถอยออกไปยืนนิ่งที่ประตูเพื่อคอยฟังคำสั่งนายหญิง หวังฟางยกยิ้มมุมปาก