เซ็ตนิยาย ชุดที่ 2 นางยั่วชั้นเอก บทที่ 5
เหมยลี่ถอนใจแต่แล้วก็นึกอะไรได้ นางรีบหยิบถุงผ้าที่นำติดตัวมาจากหอคณิกาแล้วเปิดออก ภายในนั้นมีเสื้อผ้าอาภรณ์ที่นางไม่สามารถสวมใส่เดินลอยชายอยู่ในบ้านขุนนางชั้นผู้ใหญ่แห่งนี้ได้ หากแต่นางกลับยิ้มกริ่มเพราะผ้าเหล่านี้แม้ใส่ในบ้านของฮูหยินใหญ่ไม่ได้แต่มันเหมาะที่จะใส่ในหอหรือห้องอันมิดชิด และเหมาะที่จะสวมใส่เวลาอยู่กับบุรุษเพศเพียงสองต่อสองเท่านั้น
วันต่อมาในเวลาใกล้อัสดง เหวินเทียนรีบเดินตรงไปยังหอศาลาริมน้ำ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีนเป็นบ้านที่มีความมิดชิดและมีความเป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง ตลอดทางที่มุ่งหน้าไปนั้นแม่ทัพหนุ่มรูปงามคิดไปตลอดทางว่าตั้งแต่พบหน้าญาติห่าง ๆ ของมารดาที่หอหนังสือเมื่อวานเขาก็ไม่อาจสลัดภาพความงามของเหมยลี่ออกจากความคิดของตัวเองได้เลย
น่าแปลกประหลาดนัก เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยสนใจผู้หญิงใดเลย ไม่ว่าจะเป็นนางงามในวังหลวง หรือหญิงสาวสวยที่มารดาเพียรหามาให้ แต่ก็ไม่มีใครดึงดูดความรู้สึกของเขาได้มากเท่ากับเหมยลี่เลยแม้แต่คนเดียว เขาไม่อยากคิดกับนางเกินเลย แต่เมื่อนึกอีกที เหมยลี่เป็นแค่ญาติที่อยู่ไกลของฮูหยินใหญ่แห่งบ้านอำมาตย์หวัง
ความคิดของเขาต้องหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงดนตรีล่องลอยออกมาจากหอศาลาริมน้ำ ในเวลานั้นแม่ทัพหนุ่มจึงก้าวย่างเชื่องช้าลง เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปอย่างสุขุมพลางก็สดับฟังเสียงพิณที่ดังล่องลอยสอดประสานมากับสายลมยามอัสดงที่ผัดแผ่วมา และเมื่อเข้าไปในหอศาลาริมน้ำอันเป็นบ้านอยู่ริมน้ำและมีอาณาบริเวณมิดชิด เขาเดินไปหยุดที่ระเบียงบ้านด้านที่อยู่ติดฝั่งน้ำก็ต้องชะงักงันเมื่อเห็นภาพงดงามดุจฝันของเหมยลี่ในชุดเนื้อผ้าบางเบานั่งดีดพิณเป็นเสียงดนตรีอันไพเราะยิ่งนัก
นางกำลังให้ความสนใจกับพิณตรงหน้าโดยไม่รู้ว่าเหวินเทียนเดินเข้ามาและหยุดฟังอยู่ครู่ใหญ่ กระทั่งสายตาของนางเลื่อนมาหยุดที่เขา หญิงสาวชะงักนิ้วที่กำลังกรีดกรายไปบนเครื่องสาย เหวินเทียนยิ้มออกมา เขาก้าวไปหยุดตรงหน้าหญิงสาวในชุดบางเบา เผยให้เห็นผิวขาวนวลเนียนบนเนินอกและไหล่กลมกลึง
“ท่านพี่...ข้าต้องขออภัยด้วยที่เข้ามาโดยยังไม่ได้รับอนุญาตจากท่าน”
“ไม่เป็นไรหรอก ถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องมาทีนี่อยู่แล้ว แต่เพลงที่เจ้าเล่นเมื่อครู่นี้ไพเราะมากนะเหมยลี่ มันคือเพลงอะไรกัน”
“เพลงล่องแสงจันทร์ค่ะท่านพี่”
“เจ้าไปฝึกมาจากที่ใด เล่นได้ไพเราะโดยไม่สะดุดเลยแม้แต่น้อย”
จะให้บอกความจริงได้อย่างไรว่านี่เป็นเพลงกล่อมชายในหอคณิกาที่นางเรียนรู้มาจากการถ่ายทอดของนักดนตรีที่แม่เล้าพยายามให้สอนสั่งพวกอี้จีชั้นเอก เหมยลี่ยิ้มเอียงอาย
“มีคนสอนข้าเล่นค่ะท่านพี่ ถึงเอ่ยไปท่านก็ไม่รู้จักเพราะเขาอยู่ในหมู่บ้านของข้า”
“เห็นเจ้าเล่นพิณแล้วข้าอยากเล่นบ้าง”
“ท่านพี่เล่นเป็นหรือคะ?”
“อยากฟังไหมล่ะ เดี๋ยวข้าจะเล่นให้เจ้าฟัง อาจจะเคลิ้มไปเลยล่ะ”
ว่าแล้วเขาก็ก้าวเข้าไปและหย่อนตัวลงนั่งชิดด้านข้างหญิงสาว แค่แขนแกร่งของเขาสัมสัมแขนเรียวของนางก็ทำให้เหมยลี่ตื่นเต้นขึ้นมา แต่นางก็ฉลาดพอที่จะไม่ขยับห่างเพราะท่าทางเหวินเทียนจะพอใจที่ได้นั่งชิดติดกับญาติห่าง ๆ ของมารดา แล้วเขาก็เริ่มดีดพิณ เสียงดนตรีนั้นรื่นหูและไม่สะดุดเลยแม้แต่น้อย เหมยลี่นั่งฟังข้าง ๆ นางแกล้งเบียดหน้าอกอวบอิ่มกับแขนของเขา และทำเอาสมาธิของเหวินเทียนเริ่มแตกซ่าน มือเขาเริ่มสั่นแต่ก็ประคองไปจนถึงจังหวะสุดท้าย เมื่อเล่นเพลงจบเขาก็หันมายังหญิงสาว เหหมยลี่ยิ้มให้และทำท่าทีเอียงอาย
“ท่านพี่เล่นพิณเก่งมากเลยค่ะ ข้าชอบเพลงที่ท่านเล่นเมื่อครู่”
“เพลงนี้เป็นบทเพลงที่พี่เรียนมาจากท่านอาจารย์สอนดนตรี พี่เกรงว่าจะทำเจ้าจะกลับด้วยซ้ำ”
“เพราะจนข้าอยากฟังอีก”
“จริงหรือ...เหมยลี่...เอ้อ...เจ้ามีชายใดหมั้นหมายหรือยัง”
“ยังค่ะ...เอ้อ...ยังไม่มี”
“เจ้าเล่นดนตรีเก่งเช่นนี้ยังไม่มีใครมาชอบเจ้าเลยหรือ”
เยอะแยะแต่นางยังไม่ยอมเสียพรหมจรรย์ให้ใคร เหมยลี่วูบวาบภายใน ร้อนรุ่มในกายเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดแม่ทัพหนุ่มรูปหล่อดังเทพ สักครู่นางก็แสร้งเปลี่ยนเรื่องพูด
“ท่านพี่...เหมยลี่อยากลองฝึกเล่นเพลงที่ท่านเล่นเมื่อครู่นี้ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นการรบกวนท่านหรือไม่”
“ไม่เลย...พี่เต็มใจ เดี๋ยวพี่จะสอนให้เจ้า ขยับมานั่งตรงนี้ซี”
เหวินเทียนขยับตัวเพื่อให้ร่างอ้อนแอ้นมานั่งประจำตรงหน้าเครื่องสายอีกครั้ง ส่วนเขาขยับไปนั่งคุกเข่าเบื้องหลังและโน้มลำตัวจนหน้าอกกว้างแนบแผ่นหลังของนาง เหมยลี่ยิ่งร้อนรุ่มมากขึ้น นางตื่นเต้นมือสั่นแต่พยายามวางนิ้วเรียวบนเครื่องสาย ขณะนั้นเหวินเทียนทางมือของเขาบนมือเรียวบางขาวผ่อง ใบหน้าของเขาแนบชิดกับแก้มนวลเนียลลื่อนงามดังเนื้อหยก เหมยลี่กระตุกเมื่อได้ยินเสียงจอมทัพกระซิบข้างหู
“อืม...เหมยลี่...เจ้าใช้น้ำอบกลิ่นอะไรกัน ช่างหอมเสียนี่กระไร”
“น้ำอบกุหลาบค่ะท่านพี่”
“กลิ่นนี้พี่ชอบมาก...อืม...”