ในวันที่อากาศดี ท้องฟ้าสดใส ฤกษ์ยามเป็นมงคลเหมาะแก่การเริ่มต้นชีวิตคู่ เป็นวันสำคัญที่สองตระกูลแถวหน้าของเมืองไทยจัดงานใหญ่ เพื่อเชื่อมสัมพันธ์เกี่ยวดองกันเป็นครั้งที่สอง...
ชมโฉมทุ่มทุนเป็นแม่งานปิดโรงแรมดังระดับหกดาวเนรมิตกลาสเฮาส์ขนาดใหญ่ที่สวยงามเป็นสถานที่จัดงานหมั้นของลูกชายและลูกสะใภ้ในฝัน บรรยากาศดูอบอุ่นละมุนตา อบอวลไปด้วยความรักชื่นมื่น รอบด้านห้อมล้อมด้วยสวนสวยเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้ เน้นโทนสีขาวให้ความรู้สึกบริสุทธิ์ เรียบหรูดูคลาสสิกเป็นหลัก เพราะไอศูรย์ไม่ชอบอะไรที่มีสีสันลายตา รวมถึงบรรยากาศที่ดูจอแจวุ่นวาย
ตัวเอกของงานปรากฏโฉมควงแขนเคียงคู่กันท่ามกลางเสียงชื่นชม ไอศูรย์หล่อเนี้ยบตั้งแต่งหัวจดเท้าในชุดสูทสีเทาเข้ม ทำให้ดูอบอุ่นไม่เคร่งขรึมเหมือนทุกวัน ใบหน้าหล่อเหลาชวนให้สาวๆ ลุ่มหลงได้ง่ายดาย ติดที่แทบไม่มีรอยยิ้มเลย ส่วนดวงตาเรียวคมสุขุมลุ่มลึกไม่เผยอารมณ์ใดๆ ออกมา แตกต่างจากเนตรกมลที่สวมชุดหมั้นสีขาวกระโปรงยาวระย้าอ่อนหวานไปทั้งตัว ดีไซน์ของชุดที่เว้าไหล่ผูกโบว์คล้องคอ ทิ้งชายคลอเคลียกับแผ่นหลังเนียนลออ ทำให้ดูเย้ายวนสะกดทุกสายตา บนใบหน้าที่แต่งแต้มอย่างประณีตมีรอยยิ้มพิมพ์ใจอยู่ไม่จาง
หล่อนรอวันนี้มานานเหลือเกิน...
วันที่ความรักสุกงอมเต็มแก่ของหล่อนผลิบานสุขสม ได้ครองรักกับไอศูรย์ และเป็นภรรยาที่ถูกต้องออกหน้าออกตาของเขาอย่างที่หวัง หลังจากที่เคยพลาดหวังไปแล้วครั้งหนึ่ง ครั้นพอขวัญรักจากไป หล่อนยังต้องอดทนรออีกถึงสี่ปีเต็ม
เนตรกมลควงแขนคู่หมั้นหนุ่มหมาดๆ อวดแหวนเพชรเม็ดงาม เดินต้อนรับทักทายเพื่อนฝูงและแขกเหรื่อทั่วงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มีบรรดาคนดังมาร่วมแสดงความยินดีมากมาย มีรอยยิ้มเบิกบานของญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายที่รวมตัวกันอย่างพร้อมหน้า ขาดเพียงญาติทางฝ่ายเจ้าสาวเพียงคนเดียวที่ไม่มีใครอยากจะพูดถึงนัก
บรรยากาศรอบตัวของทั้งคู่ช่างดูเหมาะสม หนุ่มหล่อกับสาวสวยเป็นคู่ที่สมกันดั่งกิ่งทองใบหยก ทว่าฝ่ายชายนั้นกลับดูไม่ค่อยยินดียินร้ายกับงานสำคัญครั้งนี้สักเท่าไร เขาเอาแต่ทำหน้านิ่งขรึมอยู่ตลอดเวลา สายตาก็เหมือนจะคอยเหลียวมองหาใครสักคน จนกระทั่งเนตรกมลสังเกตเห็น หล่อนจึงเอ่ยถาม
“คุณรอใครอยู่รึเปล่าคะอิศย์”
“ไม่มีอะไรครับ”
เขาไม่ตอบ แต่เขากำลังรอใครอยู่นั้น มีแต่เขาคนเดียวที่รู้...
“คงเพราะทำงานหนักเกินไปนั่นละค่ะ เนตรบอกแล้วว่าอย่าหักโหม เนตรไม่อยากให้คุณป่วยในวันสำคัญของเรา”
หล่อนบ่นอุบอิบพลางกระชับชุดสูทของเขาให้หล่อเนี้ยบเรียบร้อย รอยยิ้มอ่อนหวานเย้ายวนผลิแย้มอย่างพอใจ อดชื่นชมไม่ได้ว่าวันนี้ไอศูรย์ช่างดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลอย่างร้ายกาจ
“รู้ตัวไหมคะว่าวันนี้คุณหล่อมาก”
ไอศูรย์สบดวงตาวับวามแฝงความหมายลึกซึ้งของคู่หมั้นสาว สีหน้าเหมือนจะยิ้มและไม่ยิ้ม แววตายังคงนิ่งลึกจนคาดเดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“คุณเองก็สวยมากจนผมละสายตาไม่ได้เลย” ปากชมหล่อน แต่ดวงตากลับเห็นหญิงสาวอีกคนที่สวมชุดเจ้าสาวบริสุทธิ์งดงาม
เนตรกมลหลบสายตาลุ่มลึกของเขาอย่างเอียงอาย หัวใจฟู่ฟ่องพองโตกับคำชมที่เขาเอ่ยเอาใจ หล่อนอยากเอาใจเขาบ้าง เลยทำใจกล้าเขย่งปลายเท้าขึ้นจุ๊บปากเขาเบาๆ แล้วกระซิบเสียงนุ่มเจือแววขี้เล่นว่า
“คุณน่ารักแบบนี้ เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วเนตรจะช่วยนวดให้นะคะ”
ไอศูรย์ไม่ตอบ เพียงแค่ยกสองมือแตะสะโพกหล่อนหลวมๆ ช่วยประคองไม่ให้คู่หมั้นสาวล้ม ระหว่างที่เนตรกมลหันซ้ายหันขวาโบกมือทักทายเพื่อนฝูงรอบงาน
“เราไปทางนั้นกันดีกว่าค่ะ เนตรอยาจะอวดคู่หมั้นว่าหล่อมากขนาดไหน”
เขาไม่ได้ขัดขืน ปล่อยให้หล่อนดึงตัวไปตามใจ ทว่าความคิดทั้งหมดของเขาตอนนี้จดจ่ออยู่เพียงเรื่องเดียว
เธออยู่ที่ไหน?
ชายหนุ่มกวาดสายตามองหาอย่างรวดเร็วไปทั่วทั้งงาน แต่ไม่พบร่างที่อยู่ในห้วงคำนึงตลอดสี่ปีที่ผ่านมาเสียที เขาอุตส่าห์ประกาศหมั้นกับเนตรกมล ทั้งที่ประวิงเวลามานาน เพื่อบีบให้ขวัญรักกลับมา เขาไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะทำใจได้หากรู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานใหม่จริงๆ
แต่ไม่ว่าจะหาอย่างไรกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย...
“โอ๊ย...เนตร คู่หมั้นของเธอหล่อเลิศมาก น่าอิจฉาที่สุดเลย”
“จริงงง... ฉันก็อยากได้ผู้ชายเพอร์เฟกต์ ทั้งหล่อทั้งรวย แถมยังเก่งแบบคุณไอศูรย์บ้างจัง”
“บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเธอใช้วิธีไหน ถึงเอาชนะใจคุณไอศูรย์ได้น่ะ”
ไอศูรย์รำคาญเสียงกรี๊ดกร๊าดแก๊งเพื่อนสาวของเนตรกมลที่แสบแก้วหูเขาเต็มที นึกสงสัยจริงๆ ว่าตัวเองมายืนทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้ ใจเขาร้อนรนอยากจะไปถามนิพนธ์ให้รู้แล้วรู้รอดว่าขวัญรักจะมาร่วมงานนี้หรือไม่
พลันสายตาเขาก็เหลือบเห็นพ่อของเนตรกมลเข้าพอดี เขาจึงปลดมือของคู่หมั้นสาวออก แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า
“ผมมีธุระกับคุณอานิพนธ์นิดหน่อย เดี๋ยวผมมานะครับ”
ไม่รอให้เนตรกมลที่มีแววตางุนงงถามไถ่ เขาก็สาวเท้าอาดๆ พุ่งไปยังทิศทางที่นิพนธ์ยืนอยู่อย่างรวดเร็ว ขณะจะเอ่ยเรียกท่านก็มีร่างของชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งที่เดินควงแขนกันอย่างสนิทสนมตัดหน้าเขาเข้าไปทักทายนิพนธ์เสียก่อน
ไอศูรย์หรี่ตามองทั้งคู่ โดยเฉพาะแขนที่เกาะเกี่ยวกันแน่นแฟ้น แล้วเร่งสาวเท้าให้เร็วขึ้นตามความร้อนรุ่มในใจ แม้จะไม่คุ้นตาผู้ชาย แต่ผู้หญิงเป็นคนที่เขารู้จักดีทีเดียว!