ตอนที่ 7-3ไม่มีอะไรจะให้

983 คำ
หลังจากกินอิ่ม หนังท้องตึง สติปัญญาก็เริ่มกลับมา พริบพราวจึงหยิบโทรศัพท์ที่สั่นเป็นพักๆเพราะใครบางคนที่อยู่ๆก็เกิดพิศวาสขยันโทรหาและส่งข้อความมาตลอดทุกห้านาที สิบนาที เธอมองข้อความเหล่านั้น ครุ่นคิดตัดสินใจเพียงครู่เดียว จึงกดลบและบล็อกทุกอย่างที่เธอไม่อยากรับรู้และเห็นมันอีกต่อไป น้ำตาแม้จะไหลรินบ้างในบางเวลาเมื่อได้นึกถึง คำพูดที่บาดหูทิ่มแทงจนจุกเสียด คอยตามมาหลอกหลอนเป็นบางคราว “ไปไหนดีคืนนี้ ร้านพี่คิรินไหม” เคเซียหันมาถามเพื่อนทั้งสองคนหลังจากทานกันจนอิ่ม “ไม่ดีกว่า อยากกลับไปนอน คืนนี้เราไปนอนกันที่คอนโดเซียลดีกว่า อยากนอนดูซีรี่ส์ด้วยกันยาวๆถึงเช้าเลย” “อ้าว แล้วพรุ่งนี้ไม่ต้องไปฝึกงานเหรอ” นาฬิริณทร์ถามด้วยความสงสัย แต่ก็ทำให้พริบพราวหยุดคิดไปเล็กน้อย “ไม่หรอก พรุ่งนี้ฉันลา เพราะฉะนั้นคืนนี้โต้รุ่งได้ไม่มีปัญหา” “เยี่ยม/เฉียบมากค่า” ทั้งนาฬิริณทร์และเคเซียพูดออกมาพร้อมกัน ก่อนจะหัวเราะเสียงดังด้วยความชอบใจ พริบพราวรู้สึกมีความสุขและสบายใจขึ้นเมื่อได้ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนทั้งสองคนที่ไม่เคยเซ้าซี้หรือ คะยั้นคะยอให้เธอเล่าหรือพูดในสิ่งที่ยังไม่พร้อมที่จะบอก ทำให้เธอใช้ช่วงเวลานั้นโดยไม่ต้องคิดหรือฟุ้งซ่าน ไม่มีเวลาที่จะมานั่งเศร้าหรืออยู่กับตัวเองเลยสักนิด เพราะต่างคนก็แย่งกัน ขยันหาเรื่องมาเล่า มาคุยกันจนไม่มีจังหวะให้ได้พักหรือคิดถึงเรื่องที่คอยกวนใจ ซีรี่ส์จีนที่เปิดดูด้วยกันก็เป็นแนวเบาสมองที่พลอยทำให้ยิ้มให้ได้หัวเราะตลอดทั้งเรื่อง เป็นห้วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันอย่างมีความสุข หนึ่งวันที่ลาหยุด เคเซียใช้อย่างกับคุ้มค่าให้กับพริบพราว ไม่ว่าจะเป็นพาไปทำสีผมใหม่ให้ดูสว่างสดใสรับกับใบหน้ามากขึ้น อบไอน้ำทำสปาผม ทำเล็บ รวมไปถึงนวดตัวขัดผิว ฉีดวิตามินจนดูผ่อง ออร่ามากขึ้น เพลิดเพลินจนลืมความเสียใจไปชั่วขณะ จนวันนี้ที่เธอต้องกลับมาเผชิญกลับโลกของความจริงอีกครั้ง เมื่อต้องการกลับมาทำงานในเช้าของวันพฤหัสบดีที่คนมาทำงานบางตากว่าทุกวัน เพราะต้องมีบางส่วนไปเซตฉากหน้างานที่หัวหิน และบางส่วนไปออกกองที่อื่น พริบพราวก้าวลงจากรถคันหรูของเคเซีย เดินสะพายกระเป๋าราคาแพงและถุงกระดาษใบใหญ่สีขาวมีตราโลโก้ชื่อร้านหอมละมุน ที่บรรจุไปด้วยขนมของนาฬิริณทร์จนเต็มสองมือ เดินเข้ามาในบริษัทท่ามกลางสายตาของใครหลายคนที่ต้องหยุดเดิน หรือหยุดกิจกรรมในสิ่งที่ทำเพื่อที่จะมองดูนักศึกษาสาวฝึกงานคนคุ้นหน้าแต่ดูสวยแปลกตาไปมากกว่าที่เคยเห็น “เห้ยพราว ไปทำไรมาเนี่ยสวยเชียว” อุ้มที่กำลังเดินออกมาจากห้องถ่ายเอกสารถึงกับหยุดเดินเพื่อที่จะเอ่ยทัก สีหน้าแววตาทั้งตื่นเต้นและแปลกใจในเวลาเดียวกัน “ไปเสริมสวยมา แล้วนี่กินข้าวเช้ายัง เรามีขนมมาเยอะเลยน๊า กินไหม” พูดพลางชูถุงขนมใบใหญ่ชูที่อยู่ในมือให้อีกฝ่ายเห็น สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เหลือร่องรอยของคราบน้ำตาเฉกเช่นวันก่อน “ว้าวนั่นร้านดังในติ๊กต็อกนี่ กินๆๆแต่เดี๋ยวเราเอาเบรกดาวน์ชีทไปให้พี่ยุทธก่อนนะ เดี๋ยวเราไปหาที่โต๊ะ” อุ้มร้องบอกด้วยความตื่นเต้นดีใจ เมื่อเห็นชื่อร้านขนมเจ้าดัง รีบวิ่งเอาเอกสารที่ตัวเองเพิ่งถ่ายสำเนาไปให้กับรุ่นพี่ที่มอบหมายทันที “เคจ้า รีบตามมาน๊า” พริบพราวตะโกนไล่หลังบอก ก่อนจะเดินเลี้ยวไปอีกทางที่เป็นห้องทำงานของตนเอง ซึ่งมีพี่อ้อมกับพี่ยิ้มนั่งอยู่ในห้องอยู่แล้ว “พี่อ้อม พี่ยิ้มสวัสดีค่ะ” “ว้าว!! พราว...ไปทำไรมา ทำไมสวยขึ้น มันดูวิ๊งแปลกๆ” พี่อ้อมร้องทักทันทีเมื่อรุ่นน้องสาวเดินเข้ามาในห้องทำงาน “เมจิคค่ะพี่อ้อม” ตอบด้วยรอยยิ้มสดใส “เยี่ยม ให้มันได้อย่างนี้สิน้องสาวพี่ แกมันโครตสุดยอดเลยว่ะพราว พี่ยกนิ้วให้เลย” อ้อมชูนิ้วโป้งให้ทั้งมือด้วยความชื่นชมพร้อมกับหัวเราะออกมา ในขณะที่ยิ้มเดินเข้ามาหารุ่นน้องสาวโอบกอดไว้ “เก่งมากคนเก่ง สุดยอดเลย พี่ไม่คิดว่าวันนี้แกจะมาทำงานด้วยลุคแบบนี้ สวยถูกใจพี่จริงๆ ไอดอลว่ะ” ยิ้มที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากใครหลายๆคน รวมทั้งอ้อมที่บอกเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ก็อดชื่นชมจิตใจของรุ่นน้องคนนี้ไม่ได้ หากเป็นเธอตกอยู่ในสภาวะเดียวกัน ป่านนี้คงปล่อยตัวโทรมใต้ตาดำโบ๋ ฟูมฟาย ร้องไห้หนักอยู่แน่ๆ “พี่อ้อมพี่ยิ้มคะ พราวซื้อขนมจากร้านเพื่อนสนิทพราวมาฝาก วันก่อนพราวก็เอามานะคะ แต่เอาวางไว้ที่ห้องลีฟวิ่งรูม” “ขอบใจจ้า วันนั้นพี่ก็ได้กินขนมไปหลายชิ้นเลย อร่อยมากๆสมแล้วที่เป็นร้านดัง ฝากชมเพื่อนด้วยนะว่าเก่งมาก” “ค่ะพี่อ้อม พราวจะบอกเพื่อนให้นะคะ” บอกพร้อมส่งยิ้มสดใสให้กับรุ่นพี่ทั้งสอง “พราว” เสียงเข้มของใครบางคนแทรกดังขึ้นจากด้านหลัง ขัดจังหวะบทสนทนาดังกล่าวทำให้รอยยิ้มที่มีกระตุกค้างอยู่บนใบหน้าสวย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม