“ข้อแม้อะไร” นางแจ่มจดจ่อและตั้งใจฟังยิ่งกว่าตอนเรียนหนังสือ
“หนูต้องแต่งงานกับคุณก้องภพ” นับดาวเอ่ยด้วยความลำบากใจ
“ว่าไงนะ” นางแจ่มเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ
“หนูต้องแต่งงานกับคุณก้องภพ แล้วเราจะได้โฉนดที่ดินคืน และค่าสินสอดอีกห้าล้าน”
“แล้วเอ็งก็ตอบตกลงอย่างงั้นเหรอ เอ็งไม่รู้เหรอว่าฉายาของคุณก้องภพคืออะไร” นางแจ่มเอ่ยด้วยความเป็นห่วง ถึงจะอยากได้ที่ดินคืนแค่ไหน แต่ถ้าชีวิตของหลานสาวต้องมาพังเพราะที่ดินผืนนี้ ก็ปล่อยมันโดนยึดไปเถอะ นางและหลานสาวออกไปเช่าห้องอยู่กันสองคนก็ได้
“รู้สิน้า แต่หนูก็ตอบตกลงไปแล้ว น้าไม่ต้องห่วงหนูหรอก ต่อให้เขาเจ้าชู้แค่ไหน หลานสาวน้าคนนี้ก็ปราบเขาได้อยู่หมัดแน่นอน” นับดาวพยายามร่าเริงให้น้าสาวสบายใจ เธอไม่อยากให้น้าสาวรู้สึกผิดที่เธอต้องแลกอนาคตทั้งหมดของเธอกับโฉนดที่ดินผืนนี้
“เอ็งอย่ามามั่นหน้า คนคาวๆ อย่างคุณก้องภพเขาจะยอมหยุดที่ใครเหรอ” นางแจ่มกล่าวด้วยความไม่สบายใจ นางเป็นห่วงหลานสาวคนนี้มาก เพราะนางเลี้ยงหลานสาวมากับมือ และที่สำคัญนางไม่อยากให้หลานสาวของนางต้องมาใช้หนี้แทนสามีเลวๆ แบบนายเชิด
“หยุดที่หนูนี่แหล่ะ น้าดูหนูไว้นะ ต่อไปนี้น้าจะไม่ต้องลำบากอีกต่อไป หนูมีเงินแล้ว หนูจะเลี้ยงน้าให้ดีที่สุด คนอย่างน้าเชิดถ้าโผล่มาอีก หนูจะจ้างทนายฟ้องหย่าให้น้า น้าจะได้หมดเวรหมดกรรมกับคนอย่างน้าเชิดสักที” นับดาวผู้ที่นึกถึงความสุขของน้าสาวอยู่เสมอเอ่ยออกมาทำให้น้ำตาของนางแจ่มไหลด้วยความตื้นตัน ต่อให้นางไม่มีลูก นับดาวก็เป็นเหมือนลูกที่คอยดูแลและอยู่ข้างๆ นางเสมอ
“ในเมื่อเอ็งตัดสินใจแล้ว น้าก็ไม่ห้ามหรอก น้าได้แต่อวยพรขอให้เอ็งมีชีวิตคู่ที่ดี คุณก้องภพเขารักเอ็งหลงเอ็งอย่างที่เอ็งต้องการนะลูก” นางแจ่มกอดหลานสาวไว้ด้วยความสงสาร นางดูออกมาว่าทั้งหมดที่หลานสาวทำอยู่นี้ก็คือแกล้งทำเพื่อให้นางสบายใจ แต่คนอย่างนับดาว เมื่อตัดสินใจไปแล้ว จะไม่มีวันเปลี่ยนใจเด็ดขาด
“ขอบคุณจ่ะน้า” นับดาวแอบเช็ดน้ำตา เธอไม่อยากให้นางแจ่มเห็น อนาคตข้างหน้าไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง แต่ในเมื่อเธอได้เลือกตัดสินใจทำแบบนี้แล้ว เธอก็จะไปให้สุดทางที่เธอเลือก