“ผมให้เค้าไปดูไซต์ก่อสร้างที่เมืองนนท์เพราะลูกค้าอ้างว่าเราทำไม่ตรงตามแบบที่คุยกันไว้ผมเลยให้เค้าไปตรวจสอบดู”
“อ๋อค่ะ งั้น...เราไปประชุมกันเลยมั้ยคะ เดี๋ยวลูกค้าจะรอนาน”
“อืม ประชุมเสร็จแล้วหวังว่าคุณจะหาข้ออ้างที่ลากะทันหันได้นะ ไม่อย่างนั้นผมจะ...”
“น้องชายของดรีมเข้าโรงพยาบาลค่ะ มันไม่ใช่ข้ออ้างแต่เป็นเรื่องจริง”
“แล้วน้องคุณเป็นอะไร”
“เป็น...โรคหัวใจค่ะ”
เธอบอกเสียงสั่นและนั่นก็ทำให้เขาไม่อยากทำให้เธอรู้สึกแย่ไปกว่านี้
“งั้นผมจะไม่ลงโทษคุณที่ไม่ได้ลากับผมโดยตรงก็แล้วกัน ไปประชุมกันเถอะ เสร็จแล้วเราค่อยมาคุยเรื่องน้องชายของคุณต่อ”
“คุยเรื่องน้องของดรีมเหรอคะ?” เธอมองเขาอย่างสงสัยเพราะเขาไม่เคยสนใจเรื่องส่วนตัวของเธอมาก่อนเลยสักครั้ง
“ใช่ คุณมีปัญหาตรงไหนรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ ดรีมไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่ไม่คิดว่าคุณซันจะสนใจ”
อาทิตย์ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเพียงแค่ลุกจากเก้าอี้ตัวใหญ่แล้วเดินนำเธอออกไปจากห้องนั้น
ตลอดการประชุมอาทิตย์สังเกตว่าเหมือนฝันดูไม่ค่อยมีสมาธินัก หลายครั้งที่เขาหันไปมองก็เห็นว่าเธอนั่งใจลอยอยู่บ่อยครั้ง เข้าใจว่าเธอคงกำลังเครียดกับปัญหาสุขภาพของน้องชาย
จนกระทั่งการประชุมจบลงและพวกเขาก็กลับมาถึงห้องทำงานของอาทิตย์เรียบร้อย ยังไม่ทันได้สรุปงานอะไรกันเสียงโทรศัพท์มือถือของเหมือนฝันก็ดังขึ้นและเธอก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของโรงพยาบาลจึงได้รีบกดรับสายซึ่งอาทิตย์ก็ยืนอยู่ข้างๆ เธอตลอด
(“ได้ค่ะ ฉันจะรีบไปตอนนี้เลย ขอบคุณนะคะ”)
หญิงสาวกดวางสายหลังจากคุยได้ไม่นานนักก่อนที่เธอจะหันมามองเจ้านายของตัวเอง
“คุณซันคะ ดรีมขอลาไปหาน้องได้มั้ยคะ ทางโรงพยาบาลโทรมาบอกว่าอาการน้องไม่ค่อยดี ต้องรีบผ่าตัดด่วนค่ะ เค้าต้องให้ ดรีมไปเซ็นยอมรับการผ่าตัดก่อน”
“แล้วทำไมคุณไม่เซ็นตั้งแต่ก่อนมาล่ะ”
“คือดรีม...ติดปัญหาบางอย่างน่ะค่ะ”
“ปัญหาอะไร”
“ปัญหาเรื่อง...ค่ารักษาค่ะ ดรีมเลยยังไม่กล้าเซ็นเพราะค่าใช้จ่ายมันสูงมาก”
“แล้วตอนนี้คุณมีเงินแล้วเหรอ?”
“ก็ยังไม่มีหรอกค่ะ แต่ยังไงก็ต้องเซ็นเพราะน้องต้องผ่าตัดแล้ว ยังไงวันนี้ดรีมขอลางานเลยนะคะคงไม่ได้กลับเข้ามาแล้ว เพราะดรีมคงต้องไปหาเพื่อนหลายคนเพื่อขอหยิบยืมเงินก่อน”
“เท่าไหร่ ค่าผ่าตัดน่ะ”
“ประมาณหนึ่งล้านค่ะ”
“เงินมากขนาดนั้นแล้วคิดว่าพวกเค้าจะให้คุณยืมเงินเหรอ”
“ก็ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะ อาจจะต้องยืมหลายๆ คนรวมกัน คือ...ไม่รู้สิคะ ดรีมยังคิดไม่ออก แต่ยังไงดรีมก็ปล่อยให้น้องตายไม่ได้หรอก หมอบอกว่าถ้าไม่ทำบายพาสหัวใจตอนนี้ น้องของดรีมก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะร่างกายของเค้าไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาอีกแล้ว ดรีมน่ะ...ดรีมไม่เคยรู้เลยว่าน้องป่วย ทั้งที่เราเจอกันทุกวันแท้ๆ ดรีมเป็นพี่ที่ใช้ไม่ได้เลยใช่มั้ยคะ”
เธอบอกพร้อมกับดวงตาแดงก่ำเพราะกำลังพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ในวินาทีที่คล้ายคนกำลังจะจมน้ำ อยู่ๆ ก็มีใครบางคนฉุดเธอขึ้นมาด้วยคำพูดเพียงคำเดียว
“คุณเป็นพี่ที่ดีมากอย่าโทษตัวเองเลยนะ” เขาค่อยๆ ดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้แล้วลูบที่ศีรษะเล็กนั้นแผ่วเบา
“ไม่ค่ะ ดรีมไม่เคยเป็นพี่ที่ดีเลย ดรีม...มักจะทิ้งน้องให้อยู่บ้านคนเดียวเสมอ เพราะดรีมเอาแต่ทำงานหาเงิน ไม่เคยใส่ใจน้อง หมอบอกว่าโดมเค้าป่วยมานานแล้วไม่ใช่เป็นอาการเฉียบพลัน หลายครั้งที่ดรีมเห็นน้องแน่นหน้าอก พอน้องบอกว่าไม่เป็นไรดรีมก็ไม่ได้พาไปโรงพยาบาล ถ้าดรีม...ถ้าดรีมใส่ใจน้องมากกว่านี้ น้องก็คงไม่เป็นหนักแบบนี้ เพราะดรีมเอง เพราะดรีมทั้งนั้น”
เธอร้องไห้โฮออกมาอย่างคนที่แบกรับทุกอย่างเอาไว้ไม่ไหวแล้ว และการได้เห็นเธอร้องไห้ก็ทำให้อาทิตย์รู้สึกร้อนรนและกระวนกระวายไปด้วยทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของเขาเลยสักนิด
“อย่าร้องไห้สิดรีม ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่คุณต้องเข้มแข็งให้มากที่สุด เพื่อน้องของคุณเองนะ ถ้าเค้ารู้ว่าทำให้คุณเสียใจ คิดว่าเค้าจะมีความสุขเหรอ”
ถ้อยคำที่เขาเอ่ยทำให้เธอค่อยๆ มีสติขึ้นมา หญิงสาวขยับตัวออกห่างจากอ้อมแขนที่อบอุ่นแล้วใช้หลังมือนั้นปาดน้ำตาตัวเอง
“ดรีม...ขอโทษค่ะ ขอโทษที่อ่อนแอเกินไป”
“คุณไม่ต้องขอโทษผมหรอก การที่คุณอ่อนแอมันก็ไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่ผมอยากให้คุณมีสติอย่าปล่อยให้ความรู้สึกผิดมันกัดกินหัวใจนานเกินไป ไม่อย่างนั้นคุณจะมองหาทางออกของปัญหานี้ไม่เจอเพราะโดนความเจ็บปวดในใจบดบังมันจนหมด อีกอย่างปัญหาเรื่องค่ารักษาน้องมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลยนะ ถ้าคุณไปขอความช่วยเหลือให้ถูกคน”
“คุณหมายความว่ายังไงคะ”
“แล้วคุณคิดว่าในบรรดาคนที่คุณรู้จัก จะมีใครที่มีเงินมากพอให้คุณหยิบยืมได้ขนาดนั้นกันล่ะ ใครกันที่จะไม่มองคุณด้วยสายตาเหยียดหยาม ใครกันที่...”
“พี่เด่นเหรอคะ พี่เค้าคงไม่มีเงินมากพอขนาดนั้นหรอกค่ะ ภรรยาเค้ากำลังตั้งท้องด้วย คงต้องใช้เงินอีกเยอะเลย”
อาทิตย์ถึงกับกลอกตามองบนอย่างหน่ายใจ ทำไมเธอถึงได้คิดไปถึงคนมีภาระอย่างเด่นคุณได้นะ
อ้อ...ลืมไป ก็เธอแอบรักคนมีเจ้าของอยู่นี่ เชอะ!