เมื่อตกลงกันได้ พวกเขาก็นั่งกินข้าวด้วยกันจนอิ่มเธอจึงจัดยาให้เขากินต่อ จากนั้นเหมือนฝันจึงได้ขับรถที่เขาบอกว่าราคาถูกที่สุดกลับไป นั่นก็คือ BMW Z4 M40i สี San Francisco Red metallic สนราคาแค่ห้าล้านกว่าๆ เท่านั้นเอง ซึ่งเหตุผลเดียวที่เธอรู้ดีก็เพราะเธอเป็นคนจัดการเรื่องเอกสารซื้อขายให้กับเขาเอง
และแน่นอนว่าเมื่อเธอขับรถมาจนถึงบ้านน้องชายของเธอก็แทบจะเป็นลมไปเลยเพราะคิดว่าเธอได้โบนัสพิเศษ ดีที่เธอรีบอธิบายว่าเจ้านายแค่ให้ยืมขับกลับบ้านเท่านั้น เขาจึงได้เลิกสติแตกได้เสียที
สองเดือนต่อมา
บนเตียงผู้ป่วยภายในห้องพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมธาวินนอนหลับตาพริ้มราวกับว่าเขาเพียงแค่หลับไปเท่านั้น โดยที่ข้างเตียงมีเหมือนฝันนั่งกุมมือน้องชายของเธอเอาไว้ขณะที่สองตากลมมีน้ำใสๆ ไหลออกมาไม่ขาดสาย
เมื่อคืนนี้น้องชายของเธอบอกว่าเจ็บหน้าอกและหายใจไม่ออก เธอจึงรีบพาเขามาที่โรงพยาบาลเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามีอาการแบบนี้แต่เป็นครั้งแรกที่เขายอมบอกเธอตามตรง และการมาในครั้งนี้เธอก็ได้รับข่าวร้าย
น้องชายของเธอมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายและต้องได้รับการรักษาโดยการทำบายพาสหัวใจอย่างเร่งด่วน แต่สิ่งที่ทำให้เธอกังวลใจในตอนนี้ก็คือค่าใช้จ่ายที่สูงถึงเกือบหนึ่งล้านบาท
กริ๊ง...กริ๊ง...กริ๊ง...
เสียงโทรศัพท์มือถือดึงสายตาของเธอจากใบหน้าอันซีดเซียวของน้องชายวัยรุ่นให้หันไปมอง และเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์โทรของเจ้านายเธอก็รีบกดรับสายทันที
(“ค่ะคุณซัน”)
(“อีกชั่วโมงนึงจะได้เวลาประชุมแล้วนะดรีม คุณอยู่ที่ไหนน่ะ”)
(“เอ่อ...ดรีม...ดรีมขอโทษค่ะ ดรีมลืม...”)
เพราะมัวแต่กังวลใจเรื่องอาการป่วยของน้องทำให้เธอลืมไปเลยว่าวันนี้มีการประชุมในช่วงเช้าดีที่เธอนำชุดทำงานติดตัวมาด้วยเพราะตั้งใจจะไปทำงานในช่วงบ่ายจึงไม่ต้องกลับไปเปลี่ยนชุดที่บ้านอีก
(“ลืมเนี่ยนะ การประชุมสำคัญแบบนี้คุณลืมได้ยังไงดรีม รีบมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”)
(“ค่ะๆ ดรีมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”)
หญิงสาวรีบปาดน้ำตาออกก่อนจะหันไปมองน้องชายที่ยังหลับสนิท
“รอพี่ก่อนนะโดม พี่จะหาเงินมารักษาน้องให้ได้ พี่สัญญา”
บอกแค่นั้นเธอก็รีบหันไปหยิบกระเป๋าสะพายแล้วก้าวออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าจะไม่มีแก่ใจไปทำงานเลยสักนิด แต่รู้ดีว่าเธอนั่งอยู่ตรงนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ และถ้าเธอละทิ้งหน้าที่ของตัวเอง ในอนาคตเธอก็จะต้องเสียงานดีๆ ไป และอาจจะไม่มีเงินมารักษาน้องได้จริงๆ
เอ.ที.คอนสตรัคชัน
เหมือนฝันวิ่งกระหืดกระหอบมาจนถึงหน้าห้องทำงานของอาทิตย์ หลังจากที่เธอแวะไปตรวจสอบความเรียบร้อยในห้องประชุมเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะนำกระเป๋าสะพายเก็บไว้ที่โต๊ะทำงานของตัวเองแล้วหยิบเอกสารที่จะต้องใช้ในการประชุมขึ้นมา จากนั้นก็ไปเคาะประตูห้องเจ้านายของเธอ
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
“เชิญ”
เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตดังออกมาจากด้านใน หญิงสาวก็รีบก้าวเข้าไปทันที แต่แล้วร่างเล็กก็ต้องชะงักเพราะในห้องนั้นไม่ได้มีแค่เจ้านายของเธอ แต่มีท่านประธานใหญ่ซึ่งเป็นมารดาของเขานั่งอยู่ด้วย
“มาแล้วเหรอดรีม”
“ค่ะคุณซัน ห้องประชุมพร้อมแล้วค่ะ ตัวแทนจากเจดีอาร์ก็มาถึงแล้วเช่นกันค่ะ ตอนนี้ดรีมให้รอที่ห้องรับรองแขกค่ะ”
“อืม งั้นผมขอตัวไปประชุมก่อนนะครับแม่ ส่วนเรื่องนั้น...ผมจะเก็บไปคิดดูก็แล้วกันนะครับ” อาทิตย์หันไปบอกมารดาที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์นัก
“ไม่ใช่แค่ต้องเก็บไปคิด แต่แกต้องทำให้ได้ เพราะถ้าแม่ยังต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องคาวๆ ของแกอีกล่ะก็ แม่คงต้องกลับไปพิจารณาใหม่แล้วว่าควรจะยกตำแหน่งประธานให้แกอยู่รึเปล่า”
“แม่ก็รู้ว่าผมไม่ได้สนใจตำแหน่งพวกนี้อยู่แล้ว”
“แปลว่าแม่ขู่แกไม่ได้อย่างนั้นสินะ”
“แม่ไม่จำเป็นต้องขู่นี่ครับ ถ้าแม่รู้จักนิสัยผมดีก็ควรจะรู้นะครับว่าถ้าอยากให้ผมทำตามที่แม่บอก แม่ควรจะทำยังไง”
“แกมันก็เหมือนพ่อแกไม่มีผิด”
“อย่าเอาคนตายมาขายคนเป็นเลยครับ ยังไงพ่อเค้าก็ฟื้นขึ้นมาสำนึกผิดไม่ทันแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น คุณหญิงอัจฉรา ก็ลุกพรวดพราดแล้วก้าวออกไปจากห้องด้วยความหงุดหงิดใจ ส่วนอาทิตย์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะหันไปมองเลขาฯ สาวที่ยืนอยู่
“ผมจะยังไม่ถามนะว่าทำไมคุณมาสาย รอให้เราประชุมเสร็จก่อนเถอะ”
“แต่ดรีมโทรมาลาครึ่งวันกับพี่แนนแล้วนะคะ”
“แล้วใครคือเจ้านายของคุณ ผมหรือเค้า?”
“เอ่อ...คุณซันค่ะ”
“งั้นคุณก็ควรจะลากับผมโดยตรงนะดรีม อย่าทำเหมือนเด็กจบใหม่ที่ไม่รู้หน้าที่ของตัวเองอีก คุณทำงานกับผมมาเกือบห้าปีแล้วนะไม่ใช่ห้าวัน ยังไม่รู้อีกหรือไงว่าต่อให้มีธุระด่วนยังไงคุณก็ต้องลากับผม ไม่ใช่ผู้จัดการฝ่ายบุคคล”
“คือดรีมโทรหาคุณซันแล้วนะคะ แต่คุณไม่รับสายคิดว่าคุณอาจจะยังป่วยอยู่”
“แล้วทำไมไม่ไลน์มาบอก”
“ก็คุณเคยบอกว่าห้ามลาในไลน์นี่คะ ถ้าจะลาก็ต้องโทรลาโดยตรง แต่พอคุณไม่รับสายดรีมก็เลยต้องทำตามขั้นตอนของบริษัทโดยการลากับหัวหน้าฝ่ายบุคคลแทน อีกอย่างดรีมก็บอกพี่เด่นให้ทำงานแทนแล้วด้วย แล้วพี่เด่นไปไหนเหรอคะ”